ปากคำชาวบ้านปะนาเระในวันร้าย..."เราอยากได้ความปลอดภัย ไม่ใช่เงินเยียวยา"
ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา ดูเหมือนข่าวสารจากชายแดนใต้ไม่ได้เพลาความร้อนแรงลงเลย นับเฉพาะเหตุการณ์ร้ายขนาดใหญ่ในลักษณะ “สังหารหมู่” ซึ่งเดิมมักเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง แต่ปีนี้ผ่านมาแค่เดือนเศษกลับเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้ง
เริ่มจากเหตุลอบวางระเบิด "กลุ่มพรานป่า" จาก อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ขณะนั่งรถกระบะกลับจากหาของป่าในท้องที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 รายเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ถัดจากนั้นอีก 6 วัน ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ก็พบศพ นายประสิทธิ์ บุญหลง พร้อมครอบครัว ซึ่งประกอบด้วยภรรยาและลูกๆ อีก 2 คน ถูกทิ้งขึ้นอืดอยู่ที่ ต.สะเตงนอก เบื้องต้นตำรวจคาดว่าเป็นการฆ่าจาก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส บ้านของนายประสิทธิ์ แล้วคนร้ายนำศพมาทิ้งอำพรางคดีในท้องที่ อ.เมืองยะลา
วันที่ 3 ก.พ. คนร้ายมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านที่กำลังจับกลุ่มรับประทานอาหารและซื้อของกันอยู่ที่ร้านค้าหน้าวัดมหิงษาราม ท้องที่บ้านใหญ่ หมู่ 1 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิตถึง 5 ราย บาดเจ็บอีก 3-4 ราย
ที่หนักก็คือผู้เสียชีวิตล้วนเป็นบุคคลระดับนำในพื้นที่ ได้แก่ นางพิกุล แสนหนู อายุ 40 ปี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นางลัดดาวัลย์ ยอดแก้ว อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครู นายพงษ์ศักดิ์ เพชร อายุ 44 ปี ศึกษานิเทศก์ประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปัตตานีเขต 1 นายนิ่ม บุญมาก อายุ 78 ปี และ นายนิพนธ์ เสริมกลิ่น อายุ 62 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บก็เป็นอดีตครูและนักเรียน
รุ่งขึ้นอีกวัน คนร้ายยังก่อเหตุยิงผู้เฒ่า 3 รายในท้องที่บ้านเกาะหวาย หมู่ 3 ต.วัด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิต
หากจับสัญญาณจากหน่วยงานความมั่นคงจะพบว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงชาวบ้านเสียชีวิตจำนวน 5 รายที่ อ.ปะนาเระ มากที่สุด เนื่องจาก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ออกมาแถลงข่าวหลังเกิดเหตุทันที โดยสาเหตุประการหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ชัดเจนมากที่สุดว่าน่าจะเกิดจากการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อสร้างสถานการณ์ล้วนๆ ขณะที่เหตุอื่นยังอาจมีประเด็นของการล้างแค้นหรือขัดผลประโยชน์เจือปนอยู่
การที่คนร้ายยังปฏิบัติการได้อย่างอุกอาจ ไล่สังหารคนไทยพุทธในคราวเดียวถึง 5 คน ย่อมเป็นภาพความจริงที่สวนทางกับคำประกาศของฝ่ายความมั่นคงที่ว่าสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังดีวันดีคืน
ขณะเดียวกันก็มีคำถามว่า คำชี้แจงผ่านการแถลงของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่พยายามตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งปฏิบัติงานจนสามารถดึงมวลชนเข้าร่วมได้เป็นจำนวนมาก จึงต้องเสี้ยมให้พี่น้องไทยพุทธกับมุสลิมในพื้นที่กลับมาหวาดระแวงทะเลาะกันอีกนั้น ในความรู้สึกของชาวบ้านจริงๆ แล้วรู้สึกอย่างไรกับคำชี้แจงที่ว่านี้
ปากคำชาวบ้านนาทีสังหาร 5 ศพ
ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์กราดยิงที่ อ.ปะนาเระ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.พ. เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณตี 5 กว่าๆ คนในหมู่บ้านกำลังออกจากบ้านเพื่อเตรียมไปทำบุญที่วัด แต่บางคนคิดว่ายังเช้าอยู่ จึงแวะเข้าไปกินข้าวที่ร้านค้าหน้าวัดก่อน บางคนก็เดินเข้าวัดไปเลยพร้อมกับปิ่นโต
เวลาประมาณ 6 โมงเศษ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นชุดใหญ่ เมื่อมองออกไปก็เห็นรถกระบะสีขาว 1 คัน บนรถมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คนแต่งกายด้วยชุดลายพราง มีอาวุธปืนยาวครบมือ กำลังกราดยิงใส่ชาวบ้านที่จับกลุ่มกันบริเวณหน้าวัดก่อน คือ นางลัดดาวัลย์ ยอดแก้ว ซึ่งเป็นอดีตครู และนายนุ่ม บุญมาก อายุ 78 ปี ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้หันปากกระบอกปืนยิงใส่ชาวบ้านที่นั่งอยู่ในร้านค้า ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอีกหลายคน จากนั้นก็เร่งเครื่องรถขับไปทางด้านหน้าหมู่บ้าน
อยากได้ความปลอดภัย ไม่ใช่เงินเยียวยา
นายถัด สุขประเสริฐ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงและไม่น่าเกิดขึ้นเลย เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านคอกกระบือเคยถูกยิงมาแล้วกว่า 20 คน ในจำนวนนี้มีที่เป็นสามีภรรยากัน 4 คู่ เสียชีวิตรวม 8 ศพ ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีก แต่ก็เกิดไปแล้ว
“ผมไม่รู้ว่าเหตุร้ายขนาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะบริเวณด้านหน้าหมู่บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 1 กิโลเมตรมีฐานทหารพรานตั้งอยู่ และด้านหลังหมู่บ้านห่างประมาณ 2 กิโลเมตรก็มีฐานของทหารพรานตั้งอยู่เช่นกัน ถัดออกไปอีก 1 กิโลฯก็ยังมีฐานของทหารเขียว (ทหารหลัก) อีก 1 ฐาน แต่คนร้ายกลับสามารถขับรถกระบะเข้ามาก่อเหตุได้จนเสร็จ แล้วออกไปอย่างง่ายดายเหมือนจงใจให้เกิดขึ้น เชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้กลุ่มก่อความไม่สงบวางแผนมาล่วงหน้า และมีเป้าหมายชัดเจนเป็นกลุ่มคนไทยพุทธ”
นายถัด กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาในท้องที่บ้านคอกกระบือเกิดเหตุรุนแรงและมีความสูญเสียบ่อยครั้ง แต่ทางหน่วยงานของรัฐก็ได้แต่เข้ามาจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแล้วก็ออกไป ไม่เคยทำอะไรให้ทุกอย่างดีขึ้นได้เลย
“อยากบอกว่าว่าตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชาวบ้าน พวกเราต้องการความปลอดภัย เพราะทุกวันนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่มีความปลอดภัยเลย เมื่อก่อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักไปเกิดระหว่างเส้นทางออกนอกหมู่บ้าน เราจึงไม่ได้โทษใครเพราะคิดว่าเราออกไปเอง ใครจะไปดูแลความปลอดภัยให้เราได้ตลอดเวลา แต่วันนี้อยู่ในบ้านเหตุก็เกิดขึ้นอีก จะให้คิดอย่างไร ทั้งที่มีกำลังทหารเต็มไปหมดขนาดนี้” นายถัด กล่าว และว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากกว่าที่จะเอาเงินมาให้หลังเหตุร้ายเกิดขึ้นแล้ว
“พวกเราไม่อยากได้เงินเยียวยา แต่อยากได้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน บอกตรงๆ ว่ารู้สึกงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนที่นี่ไม่เคยมีปัญหากับใคร แม้แต่พี่น้องมุสลิมเราก็อยู่ด้วยกันอย่างพึ่งพาอาศัยกัน ไม่เคยคิดหวาดระแวงซึ่งกันและกัน แม้จะเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะคล้ายๆ กันนี้ คือเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงใส่ร้านน้ำชาในชุมชนของพี่น้องมุสลิมที่บ้านพ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราเกิดปัญหากัน เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีมือที่สามพยายามก่อเหตุขึ้นเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของคนสองศาสนาให้เกิดความขัดแย้งกัน” นายถัด กล่าว
ขณะที่ นายศิลป์ ตัณฑพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คอกกระบือ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ถือว่าเป็นเหตุรุนแรงครั้งใหญ่สำหรับคนในพื้นที่ ซึ่งไม่น่าจะเกิดแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เพราะว่าทางเข้าและออกหมู่บ้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งฐานอยู่ตลอดสาย ฉะนั้นรัฐต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก เพราะขวัญและกำลังใจของคนในพื้นที่เหลือน้อยเต็มที่แล้ว
“ผมอยากให้รัฐวางมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนา ดีกว่าเอาเงินเยียวยามาให้แล้วออกไป ปล่อยให้พวกเราอยู่กันอย่างหวาดผวา” นายศิลป์ กล่าว
ยกระดับจาก “ฆ่าคู่” เป็น “สังหารหมู่”
ด้าน นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนว่ากลุ่มคนร้ายพุ่งเป้าไปที่ “เป้าหมายอ่อนแอ” (กลุ่มที่ไร้ทางสู้หรือตกอยู่ในภาวะเสี่ยง) นอกจากเจ้าหน้าที่รัฐแล้วก็ต้องการทำร้ายพี่น้องไทยพุทธ โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ก.พ. เกิดขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าวัดเพื่อไปทำบุญ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการลอบก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองพระไปแล้วถึง 2 ครั้ง (บุกยิงชุดคุ้มครองพระที่ อ.เมืองยะลา เมื่อ 18 ธ.ค.2553 และเหตุลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองพระที่ อ.เมืองปัตตานี เมื่อ 28 ม.ค.2554) นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดกลุ่มพรานไทยพุทธที่ อ.ยะหา เสียชีวิต 9 ศพ และฆ่ายกครัว 4 ศพอีกด้วย
“ทั้งหมดเหมือนเป็นการถอดแบบจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับพี่น้องไทยพุทธช่วงก่อนหน้านี้ แต่เปลี่ยนเป้าหมายจากคู่สามีภรรยา และพี่น้องไทยพุทธในสวนยางพารากับสวนปาล์ม เป็นการสังหารหมู่หรือเป็นกลุ่มแทน ซึ่งสร้างความสูญเสียจำนวนมากกว่าในแต่ละครั้ง เชื่อว่าคนร้ายต้องการทำให้เกิดปัญหาระหว่างศาสนาขึ้นในพื้นที่ เหมือนเป็นการยั่วยุเพื่อให้เกิดความหวาดกลัวจนต้องย้ายถิ่นฐานออกไป”
นายอนุศาสตร์ ยังเรียกร้องให้ภาครัฐโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงเร่งวางมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้ และต้องอดทนกับสถานการณ์ที่อีกฝ่ายพยายามสร้างขึ้นมา เพราะถึงปัจจุบันนับรวมเวลาได้ 7 ปีแล้ว เชื่อว่าสามารถชี้ให้เห็นอะไรบางอย่างว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่กันแน่ เหลือเพียงการมาร่วมกันคิดหาแนวทางป้องกันให้ได้เท่านั้น
ดักยิงชาวบ้านมุสลิมดับบ้างที่ปะนาเระ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงตึงเครียด เพราะยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อเวลา 10.10 น. วันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ.2554 เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายมะอูเซ็ง สาเมาะ อายุ 64 ปี อาชีพขายไก่สด อยู่บ้านเลขที่ 45/1 บ้านคลอง หมู่ 2 ต.ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายมะอูเซ็งยืนอยู่หน้าบ้านของตนเอง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุสังหาร
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 19.30 น.วันศุกร์ที่ 4 ก.พ. คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นายมาหามะ ดะเซะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 บ้านอูแตบาโงย หมู่ 7 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากงานเลี้ยง เหตุเกิดบนถนนภายในหมู่บ้านปะแตรายอ หมู่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุสังหารเช่นกัน
ชี้บึ้มดับทหารพรานล้างแค้นบุกทลายค่ายฝึก
ส่วนความคืบหน้ากรณีกลุ่มก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน ชุดกองร้อยทหารพรานที่ 4113 กรมทหารพรานที่ 41 ประจำฐานปฏิบัติการข้างโรงเรียนบ้านเกะรอ หมู่ 7 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ขณะเดินเท้าลาดตระเวนเส้นทางเพื่อรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่ ทำให้ ส.ท.ผดุงพงษ์ สงอาจินต์ อายุ 26 ปี หัวหน้าชุด ถูกสะเก็ดระเบิดจนเสียชีวิต และอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) นภดล มีบุญ อายุ 28 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณเชิงสะพานมิตรภาพ ใกล้สามแยกทางไปบ้านพรุ ถนนสายเกะรอ-บ้านพรุ หมู่ 7 บ้านเกะรอ ต.เกะรอ อ.รามัน เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น
พ.ท.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 กล่าวว่า คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัม บรรจุในถังดับเพลิง จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุว่ามีความเชื่อมโยงกับใครในพื้นที่หรือไม่อย่างไร
“หลังจากเกิดระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารพรานเห็น นายดอแม โต๊ะกูนิง วิ่งออกจากสวนยางพาราใกล้กับจุดเกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าไปตรวจค้นที่บ้านอฮูแตบาโงย หมู่ 7 ต.เกะรอ ซึ่งเป็นบ้านภรรยาของนายดอแม ปรากฏว่าภรรยาของนายดอแมบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่านายดอแมไม่อยู่ ยังไม่กลับบ้าน แต่จากการตรวจสอบกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทราบว่านายดอแมอยู่ในหมู่บ้านก่อนเกิดเหตุระเบิด ไม่ได้ไปไหน และขณะนี้นายดอแมได้หลบหนีไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงคาดว่านายดอแมเป็นผู้กดจุดชนวนระเบิดในครั้งนี้ เพราะนายดอแมมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มของ นายมะดารี ตาเยะ อายุ 40 ปี แกนนำอาร์เคเค (หน่วยรบขนาดเล็กที่ได้รับการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ระดับสั่งการในพื้นที่ มีกำลังพลประมาณ 10–15 คน เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.เกะรอ กับ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน และ ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี”
พ.ท.อิศรา กล่าวว่า สาเหตุของการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานครั้งนี้ น่าจะเกิดจากความโกรธแค้นที่ทหารพรานชุดดังกล่าวกับทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 12 เคยบุกทลายฐานที่มั่นซึ่งเป็นที่ฝึกอาวุธของกลุ่ม นายมะดารี ตาเยะ จนสามารถยึดปืนไม้ที่ใช้ในการฝึก อุปกรณ์ผลิตวัตถุระเบิด และของกลางอื่นๆ ได้อีกหลายรายการบริเวณชายป่าริมฝั่งแม่น้ำสายบุรี ท้ายหมู่บ้านบ้านแอแกง หมู่ 5 ต.เกะรอ อ.รามัน เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ปีที่แล้ว
ธารน้ำใจแห่ช่วยครอบครัวผู้สูญเสีย
ที่ศาลาสันติสุข ณาปนสถานเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.จำลอง คุณสงค์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพและวางพวงหรีดหน้าศพ ส.ท.ผดุงพงษ์ สงอาจินต์ ทหารพรานซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิดในท้องที่ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งให้กับครอบครัว โดยมีเพื่อนข้าราชการทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
ขณะที่ตัวแทนจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ส่งตัวแทนนำพวงหรีดไปร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงชาวบ้านไทยพุทธเสียชีวิต 5 รายที่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ ซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศล 2 วัดคือวัดมหิงษารามในพื้นที่ ต.คอกกระบือ และวัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี
ขณะเดียวกัน ผู้แทนจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมได้เดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวของกลุ่มพรานจาก อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตถึง 9 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายที่ อ.ยะหา จ.ยะลาด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แววตาสลดและเต็มไปด้วยน้ำตาของญาติเหยื่อกระสุนชาวไทยพุทธที่ถูกคนร้ายกระหน่ำยิงเสียชีวิตถึง 5 รายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งที่ ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา
2 พล.ต.จำลอง คุณสงค์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ส.ท.ผดุงพงษ์ สงอาจินต์ ทหารพรานที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตที่ อ.รามัน จ.ยะลา ณ ฌาปนสถานเทศบาลนครยะลา