ส.ว.อนุศาสตร์ กับคำถามถึงบทบาทของภาคสังคม หลังกรณียิงชุด รปภ.พระ
เหตุสะเทือนขวัญที่คนร้ายถึง 6 คนใช้อาวุธสงครามกราดยิงทหารชุดคุ้มครองพระเสียชีวิต 2 นายในเขตเทศบาลนครยะลาเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา แม้จะเป็นข่าวครึกโครม แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นแค่ชั่วเวลาหนึ่ง อีกไม่กี่วันนับจากนี้ก็จะไม่มีใครพูดถึง บทสรุปของคดีความก็แทบไม่มีใครติดตามว่าเป็นอย่างไร ต้นตอของปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข เป็นวงจรของสถานการณ์และข่าวสารจากชายแดนใต้ที่ดำรงอยู่มานานร่วม 7 ปี
ฉะนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะผ่านพ้นไป อนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งลงพื้นที่ตั้งแต่วันแรกหลังเกิดเหตุ และติดตามไปสังเกตการณ์จุดที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทุกจุด ได้ถือโอกาสสื่อสารกับสังคม รวมทั้งบอกเล่าความรู้สึกจากสภาพปัญหาทีได้ไปเห็นและสัมผัสมาด้วยตัวเอง
เขาเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามกับสังคม ทั้งในแง่บทบาทและบริบทที่กำลังเปลี่ยนไป
"ตอนนี้สังคมเราเกิดอะไรขึ้น ความเป็นพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไม่ว่าพี่น้องไทยพุทธ ไทยมุสลิมที่เคยเป็นมาหายไปไหน เพราะดูเหมือนว่ามีบางฝ่ายจงใจให้เกิดความแตกแยก ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อนและอ่อนไหวมาก แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเหตุใดสังคมทั้งสังคมจึงค่อนข้างเพิกเฉย"
อนุศาสตร์ บอกว่า ก่อนลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ คิดเองว่าเป้าหมายของคนร้ายไม่น่าจะใช้พระ แต่เมื่อได้ไปสัมผัสความจริงอย่างใกล้ชิดมาแล้ว ทำให้รู้ว่าเรื่องจริงน่ากลัวยิ่งกว่าในข่าว
"เหตุการณ์ในลักษณะซุ่มโจมตีพระขณะออกบิณฑบาตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ใน อ.เมืองยะลาก็เคยเกิด ครั้งนี้เราก็อยากจะคิดว่าผู้ก่อเหตุจงใจทำร้ายเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง ผมไม่เคยคิดว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือพระ ในฐานะ ส.ว.ก็พยายามอธิบายว่าที่จริงแล้วพระไม่ใช่เป้าหมาย แต่ในครั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ผมได้ตามไปนมัสการและพูดคุยกับพระที่ประสบเหตุที่วัด ก็ได้รู้เรื่องบาตรของท่านที่มีรอยกระสุน ทำให้รู้สึกหดหู่ว่าสถานการณ์ในบ้านเราเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ"
"พอได้ไปเห็นมา สิ่งที่อยากจะคิดว่าพระไม่ใช่เป้าหมายก็เริ่มไม่แน่ใจ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่หรือสังคมจะสรุปอย่างนั้น ที่สำคัญเหตุการณ์เกิดขึ้นในเขตเทศบาล ในเขตอำเภอเมือง ทำให้ขวัญกำลังใจสะเทือนพอสมควร ยิ่งได้ไปดูสภาพวัดหลังจากส่งศพทหาร จริงๆ แล้วไม่ใช่วัด แต่เป็นสำนักสงฆ์ที่กำลังจะร้าง ผมได้แต่ถามตัวเองว่านี่มัน จ.ยะลา ในเขตเทศบาลนครนะ ทำไมสถานการณ์เลยเถิดมาขนาดนี้ แล้วต่อไปจะทำอย่างไร"
ความเป็นอยู่ของพระและสภาพของสำนักสงฆ์ทำให้ ส.ว.อนุศาสตร์ ตั้งคำถามว่าสังคมละเลยความเป็นพหุวัฒนธรรมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วหรือไม่
"ที่ไปดูมา วัดหัวสะพานจริงๆ แล้วไม่ใช่วัด แต่เป็นสำนักสงฆ์ ผมบอกตรงๆ ว่าสะเทือนใจ เพราะใกล้ร้างเต็มที การจะเข้าไปที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มีทางเดียวคือต้องเดินผ่านสะพานดำหรือสะพานรถไฟ พระท่านก็ต้องเดินผ่านทางนี้ทุกวัน และท่านต้องออกบิณฑบาตเพื่อดูแลตัวท่านเองและสุนัขในวัด นี่คือสภาพจริงที่เกิดขึ้น"
"ทหารที่ตั้งฐานอยู่ในสำนักสงฆ์บอกว่าแม้เจ้าคณะอำเภอจะนิมนต์เจ้าอาวาสไปจำวัดที่วัดอื่น แต่ทหารก็ยังต้องอยู่ที่นั่น เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายซ้ำซ้อนขึ้นอีก ในสามจังหวัดตอนนี้มีพระน้อยลงมาก ฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ผู้นำทางการเมืองทั้งพุทธและมุสลิม ให้ออกมาแสดงบทบาทในเรื่องนี้"
ในฐานะสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นคนในพื้นที่ เขาเห็นว่าทุกภาคส่วนยังมีบทบาทกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นน้อยเกินไป ทั้งๆ ที่เป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่งกับความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่เคยสงบร่มเย็นของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
"ผมอยากให้ภาคประชาสังคม ผู้นำทางการเมืองในท้องถิ่นออกมาพูด ออกมาแสดงบทบาทเพื่อกระตุกให้สังคมได้ฉุกคิดว่าบ้านเมืองของเราที่เคยอยู่กันอย่างสมานฉันท์ มีความเป็นพหุวัฒนธรรม กำลังจะสูญสลายไปแล้วหรือไม่ เราควรจะต้องออกมาพูดหรือแสดงท่าทีในเรื่องนี้ ทั้งพุทธและมุสลิม ภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชน ต้องร่วมกันบอกกับสังคมว่าการกระทำลักษณะนี้ไม่ใช่แนวทาสงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และไม่ควรเกิดขึ้นในพื้นที่เลย"
"ผมเองเป็นคนไทยพุทธ แต่ก็ทำหน้าที่ดูแลแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ไม่เลือกศาสนา กรณีไอร์ปาแย (เหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 12 ราย เมื่อกลางปี 2552) เราก็เข้าไปเยี่ยม ไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ฉะนั้นผมจึงอยากให้ภาคประชาสังคมเป็นปากเป็นเสียงและดูแลเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น ต้องเตือนสติกัน ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีพหุวัฒนธรรม พื้นที่นี้ต้องมีทั้งพี่น้องมุสลิมและไทยพุทธอยู่ เหมือนในอดีตที่สันติสุขมานานนับร้อยๆ ปี"
ส.ว.อนุศาสตร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะไปคาดหวังกับรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ประชาชน ภาคประชาสังคม และผู้นำท้องถิ่นทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือด้วย
--------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : อนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา