ม็อบชุมชนร้องสภาฯแปรญัติคืนงบพัฒนาชาวบ้าน หลัง ครม.หั่นเหี้ยน
ม็อบองค์กรชุมชน ร้องสภาฯ แปรญัติเพิ่มคืนงบพัฒนาชาวบ้าน หลังโดน ครม.หั้นเหี้ยนจาก 5,000 ล้านเหลือ 500 ล้านบ. ‘มาร์ค’ออกหน้าฝ่ายค้านช่วยดันกรรมาธิการกดดันรัฐบาลคืนงบ
วันที่ 30 พ.ค. 56 ที่หน้ารัฐสภา เนื่องในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายพ.ศ. 2557 ผู้ชุมนุมเครือข่ายองค์กรชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองประมาณ 700 คน เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรชุมชนอย่างต่อเนื่อง จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีตัดงบประมาณพัฒนาชุมชนลง 10 เท่าจาก 5,000 กว่าล้านบาทเหลือ 500 กว่าล้านบาท
เครือข่ายองค์กรชุมชนมีข้อเสนอ 5 ข้อดังนี้ 1.รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายสนับสนุนองค์กรชุมชนให้ทำงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง โดยทุกหน่วยงานต้องสนับสนุนนโยบายดังกล่าว 2.รัฐบาลต้องจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับเครือข่าย เพื่อพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองระยะ 5 ปี (ปี 2557 - 2561)และเสนอครม.สนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง 3.รัฐบาลต้องแปรญัตติงบประมาณประจำปี 2557 ในส่วนการสนับสนุนองค์กรชุมชนผ่านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(พอช.) 5,183 ล้านบาท
4.)รัฐบาลและรัฐสภาต้องแก้ไขและ เปลี่ยนแปลง กฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นของขบวนการองค์กรชุมชน รวมถึงการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของขบวนการองค์กรชุมชน เช่น กฎหมายป่าไม้ และสนับสนุนการทำงานตามกฎหมายปัจจุบัน เช่น พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน เป็นต้น 5.) รัฐบาลและรัฐสภาต้องหยุดและทบวนโครงการทุกโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน โดยต้องดำเนินงานให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นทุกขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมมีประเด็นสำคัญที่เรียกร้องคือ การขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรช่วยสนับสนุนการแปรญัตติเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรชุมชน จากเดิมที่ครม.มีมติตัดลดงบประมาณจากที่ขอไว้ 5,183 ล้านบาท ลงถึง 10 เท่า เหลือเพียง 569 ล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนสวัสดิการชุมชนถูกตัดงบเหลือ 0 บาท หรืองบฯการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนตามพ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน ที่เสนอไป 223 ล้านบาท ถูกตัดเหลือ 50.8 ล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ไม่พอแม้เพียงการจัดให้มีการประชุมของสภาตำบลกว่า 3,600 แห่งทั่วประเทศตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะที่โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ต่างๆของรัฐกลับได้รับงบฯสนับสนุนต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงการไม่ให้ความสำคัญในการสนับสนุนขบวนการท้องถิ่นจัดการตนดังที่ประกาศไว้
ทั้งนี้ในการชุมนุมมีส.ส.จากหลายพื้นที่ออกมารับหนังสือร้องเรียนรายบุคคล เช่น นายนิติภูมิ นวรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายอิสสระ สมชัย ส.ส.อุบลราชธานีพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) อย่างไรก็ดีผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้ ผู้นำฝ่ายค้าน ผู้นำฝ่ายรัฐบาล ประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีออกมารับหนังสือด้วยตนเอง
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาติปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านได้ออกมารับหนังสือร้องเรียนและกล่าวว่าที่ผ่านมารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ผลักดันนโยบายชุมชนจัดการตนมาตลอด เช่น การเดินหน้ากองทุนสวัสดิการชุมชน สานต่อโครงการบ้านมั่นคง ก่อตั้งโครงการโฉนดชุมชนขึ้น แต่แนวทางดังกล่าวกลับหยุดชะงักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแปรญัตติเพิ่งงบประมาณองค์กรชุมชนนั้นในฐานะส.ส.พรรคฝ่ายค้านทำได้เพียงแปรญัตติลดงบประมาณ ไม่สามารถขอแปรญัตติเพิ่มงบฯได้ เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะต้องดำเนินการ อย่างไรก็ดีจะมอบหมายให้สมาชิกพรรคที่เป็นคณะกรรมาธิการแปรญัตติงบประมาณทำหน้าที่ผลักดันเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบฯเพิ่มขึ้น
ด้านนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะตัวแทนประธานรัฐสภาออกมารับหนังสือกล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต่อไป พร้อมส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องการแปรญัตติขอเพิ่มงบฯ
นายจารุงพงศ์ เรืองสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมารับหนังสือเช่นกันและกล่าวว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยตระหนักถึงความสำคัญและปัญหาขององค์กรชุมชน โดยจะส่งเรื่องต่อไปยังนายกรัฐมนตรีและกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อพิจารณาการแปรญัตติเพิ่งงบประมาณ อย่างไรก็ดียังไม่สามารถรับปากได้ว่าข้อเรียกร้องต่างๆจะสำฤทธิ์ผลหรือไม่ เนื่องจากการเพิ่มงบฯขึ้นอยู่กับการลงมติเห็นชอบของส.ส.ในสภาฯด้วย โดยเสนอให้ประชาชนพูดคุยทำความเข้าใจกับส.ส.ในพื้นที่ตนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป
โดยนายพรเทพ บูรณบุรีเดช แกนนำเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง กล่าวถึงผลการเรียกร้องในครั้งนี้ว่า เครือข่ายฯมีความพอใจในระดับหนึ่งที่ตัวแทนการเมืองจากภาคส่วนต่างๆออกมารับรู้ปัญหาขององค์กรชุมชน อย่างไรก็ดีเครือข่ายจะคอยติดตามการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการช่วงเดือนสิงหาคม และการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ในช่วงปลายปีนี้อีกครั้ง โดยนับจากนี้จะออกมาเคลื่อนไหวเป็นระยะ หากรัฐบาลผิดสัญญาไม่ดำเนินการเป็นรูปธรรมก็พร้อมจะยกระดับการชุมนุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากทราบผลเป็นที่พอใจ ผู้ชุมนุมสลายการรวมตัวและแยกย้ายกลับภูมิลำเนา
บทความที่เกี่ยวข้อง :::
‘ตัดเหี้ยนงบกองทุนสวัสดิการชุมชน’ เหตุการเมืองต่างขั้ว หรือโปะถังแตกประชานิยม http://bit.ly/12jDAOL