แถลงการณ์พีมูฟฉ.28 “หยุดใช้กม.คุกคามชาวบ้าน-เร่งมท.-ทส.ประชุมอนุฯแก้ปัญหาที่ดิน”
ม็อบพีมูฟออกแถลงการณ์ฉบับที่28 ร้องรบ.หยุดใช้มาตรการกฎหมายรุนแรงกับชาวบ้าน เร่งมท.-ทส.ประชุมอนุฯแก้ปัญหาทรัพยากรที่ดินให้ได้ผลสำเร็จ
วันที่ 17 พ.ค. 56 ที่ข้างกระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มผู้ชุมนุมขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 28 ใจความว่า
สถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาในเครือข่ายพีมูฟเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งการใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ และ ประชาชนกับเอกชนหรือนายทุน ซึ่งชาวบ้านถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ ถูกดำเนินคดี ถูกคุกคามโดยใช้อาวุธและความรุนแรง ตัวอย่าง กรณีการใช้ความรุนแรงต่อชุมชนบ้านหมาก ต.บางสวรรค์ และชุมชนคลองไทร ต.ไทรทอง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ชาวบ้านถูกดำเนินคดี ลูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตถึง 3 ราย เหตุเพราะชาวบ้านต้องการให้หน่วยงานตรวจสอบพื้นที่ที่เอกชนได้เข้าบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกปาล์มจำนวน 1,410 ไร่ เป็นเวลานานเกือบ 30 ปี เพื่อให้นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาจัดสรรให้เกษตรกรในรูปแบบโฉนดชุมชน
นอกจากนี้ยังมีการบังคับใช้กฎหมายหรือมาตรการที่รุนแรงในการแก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานรัฐ ทำให้ชาวบ้านในเครือขายพีมูฟที่ต้องการปกป้องทรัพยากรชุมชน ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาความผิดฐานบุกรุกที่ดิน ซึ่งมีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา จำนวนกว่า 1,000 คน กว่า 400 คดี
การมาชุมนุมครั้งนี้ รัฐบาลกำลังเริ่มที่จะใช้หลักรัฐศาสตร์และคำนึงถึงความเป็นธรรมในการแก้ปัญหา เห็นได้จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของอนุกรรมการศึกษาและแก้ไขปัญหาด้านคดีความ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่สามารถบรรเทาความรุนแรงจากการบังคับใช้กฎหมาย นับเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางลดความรุนแรงที่ถูกต้อง
การแก้ไขปัญหาของพีมูฟในครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว ให้ใช้หลักรัฐศาสตร์และความเป็นธรรมร่วม ตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงตอรัฐสภาในข้อ 5 เรื่อง นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ โดยกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
พีมูฟหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้อง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และกระทรวงมหาดไทย(มท.) ซึ่งจะมีการพูดคุยในระดับอนุกรรมการฯ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินและฐานทรัพยากร รวมทั้งปัญหาข้อพิพาทในที่ดินสาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ 2 หน่วยงานนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ดำเนินการโดยเร็ว อย่าให้เหมือนกับอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เหมืองแร่ และโรงโม่หิน ที่ผลการประชุมเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 56 ที่ผ่านมา กรณีโรงไฟฟ้าชีวมวลไม่มีความคืบหน้า ส่วนกรณีเหมืองแร่ทำได้เพียงการซื้อเวลาและกรณีโรงโม่หินก็เป็นการถอยหลัง