จีที 200 ส่อวุ่น…อนุพงษ์ : ใช้ต่อ, นายกฯ : ห้ามใช้!
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
“จีที 200” บานปลาย กองทัพกับรัฐบาลยืนคนละมุม “ทีมข่าวอิศรา” นำเสนอถ้อยแถลงของผู้บัญชาการทหารบกแบบคำต่อคำ ที่ยังแสดงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของเครื่อง จีที 200 และอนุญาตให้กำลังพลใช้ต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรีย้ำจุดยืนต้องเลิกใช้ และให้เคารพผลทดสอบทางวิทยาศาสตร์
อนุพงษ์ : มั่นใจ-ใช้ต่อ
เมื่อเวลา 15.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 18 ก.พ.2553 ที่หอประชุมกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ภายหลังผลการทดสอบประสิทธิภาพของคณะกรรมการทดสอบซึ่งมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเจ้าภาพ และยังมีผู้แทนฝ่ายกองทัพเข้าร่วมด้วย ปรากฏผลว่าเครื่องจีที 200 ไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว พล.อ.อนุพงษ์ ได้เชิญนายทหารที่เกี่ยวข้องและมีประสบการณ์ตรงในการใช้เครื่องจีที 200 มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์มากถึง 30 คน อาทิ พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก พล.ต.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก น.อ.สมภพ ปีตะเสน หัวหน้ากองทำลายวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารอากาศ นอกจากนั้นยังมีหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด หรืออีโอดี จากทุกเหล่าทัพของกองทัพบกด้วย
O ทิศทางการใช้ จีที 200 ในอนาคตเป็นอย่างไร?
ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชั้นผู้น้อย เขาก็คงเสี่ยงภัย คนที่ตายไป พ่อแม่ พี่น้องของเขาไม่เคยฟ้องร้องกองทัพบกว่าทำไมต้องให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และไม่ให้เครื่องมืออะไรให้เขา เพราะฉะนั้นประเทศชาติต้องมีเครื่องมือให้เขา คนเหล่านี้รักษาปกป้องชีวิตคน รักษาความมั่นคงของชาติด้วยเครื่องมือนี้ โดยไม่ได้มีการประเมินทางวิทยาศาสตร์ กองทัพบกเองก็ไม่ได้ประเมินทางวิทยาศาสตร์ เมื่อผมลงพื้นที่ก็จะไปถามว่าใช้ได้ผลหรือไม่
สรุปได้ในขณะนี้ว่าความต้องการเกิดจากผู้ปฏิบัติ และผู้ปฏิบัตินั้นมีความบริสุทธิ์ใจ เพราะใช้ได้ผล จะสามารถชี้แจงทางวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ เขาไม่ทราบ ประสบการณ์ทั้งหมดคือประมาณ 300 กว่าครั้งที่ทำได้ นั่นเป็นปัญหาของความต้องการที่เกิดขึ้นมา ซึ่งถ้าผู้บังคับบัญชาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นส่วนยุทธการซึ่งเป็นผู้กำหนดความต้องการ และส่งมาให้ผมอนุมัติตั้งแต่ปี 25448 เป็นต้นมา ถ้าผมไม่อนุมัติลองนึกดูว่าผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เสียชีวิตจะมองกองทัพบกอย่างไร
O มีเสียงเรียกร้องให้ใช้สุนัขทหารหรือเครื่องมือที่ดีกว่า เช่น เครื่องไฟโด้แทน...
ขอยกตัวอย่างว่าในกรณีที่การข่าวพบว่ามีกระสุน วัตถุระเบิด ถ้าจะใช้สุนัขต้องตรวจทุกบ้าน ทุกห้อง สุนัข ไปยืนอยู่ปากประตูบ้านแล้วไม่สามารถบอกได้ว่าบ้านนี้มีหรือไม่ อีกทั้งยังขัดกับวิถีของมุสลิม หรือแม้กระทั่งไฟโด้ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ไอร์ออน สแกน ต้องเอาเสื้อที่เปื้อน แล้วเอาไปเข้าเครื่อง ก็ต้องนำเสื้อทุกตัวในบ้านมาทำ
ผมเคารพผลทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ แต่เขาพูดว่า ไม่มีอะไรตอบได้ทางวิทยาศาสตร์ เขาถึงให้ทดสอบ เมื่อผลทดสอบออกมาชัดเจนอย่างนี้ เขาถือว่าใช้ไม่ได้ สิ่งที่กองทัพบกเอามาเรียนให้ฟังคือ คนที่ทำงานเขามีประสบการณ์ เขาบอกใช้ได้ ก็ต้องเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่าเป็นอย่างนี้
ส่วนที่มีคำถามว่าถ้าซื้อแล้วใช้ไม่ได้ เพราะมีการทุจริต ขอเรียนว่าต่อให้ใช้ได้ 100% ถ้าทุจริตก็ต้องดำเนินคดีตามกระบวนการ กฎหมาย ป.ป.ช. (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542) สตง. (สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน) หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการได้หมด กองทัพบกพร้อมให้ตรวจสอบได้หมดในการจัดซื้อ จัดจ้าง ไม่มีข้อโต้แย้งทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของสื่อ และผู้ตรวจสอบจะต้องตรวจสอบ ผิดก็ลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือผู้แทนผู้บังคับบัญชาทุกคน ประชาชนจะได้สบายใจเรื่องความโปร่งใส
O สรุปว่าจะใช้เครื่อง จีที 200 ต่อไปหรือไม่?
ในชั้นต้นรัฐบาลยังไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้กองทัพบกใช้ กองทัพบกเองก็ยังไม่มีเครื่องทดแทน เราอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไปก่อน และจะประเมินผลให้ละเอียดในการปฏิบัติ จะขอให้กระทรวงวิทย์ศาสตร์ฯ จัดชุดชี้แจงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ให้ผู้ใช้ได้ทราบ และจะลงไปดูการปฏิบัติจริง และจะใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรไปวิเคราะห์ว่าใช้ได้หรือไม่ได้อย่างไร
O กองทัพบกจะชะลอการจัดซื้อจีที 200 หรือไม่ และจะใช้เครื่องจีที 200 ที่มีอยู่จนหมดสภาพหรือไม่?
ผมไม่โต้แย้งการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่กำลังชี้แจงให้ประชาชนรับทราบว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเขามีความต้องการ ไม่ใช่กองทัพบกอยากซื้อ แต่เขามีส่วนในการใช้
เมื่อผมลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ เขายืนยันว่าใช้ได้ เพราะมีประสบการณ์เช่นนั้น ส่วนเรื่องความรับผิดชอบ ผมต้องรับผิดชอบ ถามว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ผู้ที่ต้องพิจารณาคือผู้บังคับบัญชาของผม ส่วนกองทัพบกก็จะหาทางดำเนินการตามกฎหมาย
หากมีการทุจริตต้องโดนอยู่แล้ว หากไม่ควรซื้อแล้วทำไมถึงซื้อ วันนี้ก็เอาคำตอบมาให้แล้วว่าเขามีประสบการณ์การทำงาน 300-400 ครั้ง ท่านจะไม่เอาไปคิดไม่ได้ เพราะนั่นคือที่มาของความต้องการ ซึ่งหากกองทัพบกไม่ซื้อให้ใน 3 ปีที่ผ่านมา ท่านคงต้องบริภาษผมเป็นเวลา 3 ปีแน่นอน ผมได้มีการประเมินตลอดเวลา แต่การประเมินไม่ได้ออกมาจากห้องแล็บ แต่เป็นการประเมินออกมาจากผลงานที่ทำ
ส่วนจะซื้อต่อหรือไม่ เราระงับการซื้อไปแล้ว หากไม่มั่นใจก็จะไม่ซื้อ สำหรับผู้ใช้ นายกรัฐมนตรีบอกว่าเจ้าหน้าที่ยังใช้อยู่ ทำอย่างไรจะไปอธิบายผลทางแล็บให้เขาเข้าใจว่าเครื่องใช้ไม่ได้ ซึ่งจะให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปชี้แจง ขณะเดียวกันเขา (กระทรวงวิทย์ฯ) ต้องไปรับทราบว่า หากวันนี้ไปตรวจแล้วเจอเขาต้องรับรู้เช่นกัน ดังนั้นขณะนี้จะใช้ไปพร้อมกับประเมินอย่างละเอียด และเรียนไปยังกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯให้ไปชี้แจงกำลังพล ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะพาเจ้าหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ไปร่วมตรวจด้วย
O จะให้กระทรวงกลาโหมจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดชนิดใหม่แทนเครื่องจีที 200 หรือไม่?
เท่าที่ผมมีความรู้ ยังไม่มีเครื่องมือใดที่จะตรวจวัตถุระเบิดในระยะไกลได้ และถ้ามี โดยได้รับการรับรองทางวิทยาศาสตร์และหน่วยงานที่ใช้ ทุกคนก็ต้องการแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่มี ถ้ามีก็จะเป็นตระกูลเดียวกันกับจีที 200 หรือ อัลฟ่า 6 คือมีการทำงานในลักษณะเดียวกัน และไม่แน่ใจว่าทางวิทยาศาสตร์จะรับรองได้หรือไม่
การออกมาแถลงวันนี้ไม่ได้โต้เถียงหรือแก้ตัว แต่เรื่องเกิดมาแบบนี้จริงๆ การจัดซื้อจีที 200 ประชาชนสนใจคือเรื่องทุจริต ขอย้ำว่าหากตรวจเจอไม่ว่าจะเป็นผมหรือคนอื่น สามารถดำเนินการได้สำหรับทุกองค์กรที่เข้ามาตรวจสอบ ประชาชนจะได้สบายใจ
O นายกรัฐมนตรีพูดอีกแบบ แล้ว ผบ.ทบ.พูดอีกแบบ อย่างนี้ประชาชนจะเชื่อใคร?
นายกฯพูดถึงผลจากการทดสอบการใช้เครื่องจีที 200 โดยนักวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บว่าทำงานได้ 4 ครั้งจาก 20 ครั้ง ถือว่าใช้ไม่ได้ แต่กรณีของผมทำให้ประชาชนทราบว่าทำไมถึงซื้อ โดยเอาประสบการณ์จากผู้ปฏิบัติว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นต้องเชื่อทั้ง 2 คน
ผมเชื่อว่าการออกมาเปิดเผยของนักวิชาการไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และผมก็ชื่นชมที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่อง เพราะผมก็อยากทรายละเอียดเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เพิ่งออกมาเปิดเผย น่าจะมาเปิดเผยตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว
O การออกมาแถลงข่าวเหมือนยืนตรงข้ามกับนายกฯที่เชื่อผลทางวิทยาศาสตร์ อาจทำให้ประชาชนไม่สบายใจ และคิดว่าระหว่างรัฐบาลกับกองทัพมีปัญหากันหรือไม่?
ผมพูดว่ารับผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่มาบอกว่าผมอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล…ไม่ใช่เลย ผมรับทั้งหมดทั้งสิ้น แต่ที่นำผู้ปฏิบัติงานมาแถลงข่าวในวันนี้ เพื่อเป็นการชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบว่าทำไมถึงซื้อ ไม่ได้ยืนตรงข้ามกับนายกฯ ผมยอมรับและไม่ได้ไปโต้แย้ง
เรื่องนี้นายกฯได้ถาม ผมก็บอกไปว่าต้องเรียนความจริงกับประชาชนทั้งหมด ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ปิดบังไม่ได้ ถ้าไม่พูดความจริงจะกลายเป็นว่าประเทศไทยไปสวมแทนทั้งโลกที่จะดำเนินการกับบริษัทนี้ เรื่องทั้งหมดประชาชนเขาฟังอยู่ ให้เขาตัดสินใจเองว่าเรามีเจตนาเช่นนั้นหรือไม่ เราเพียงแต่นำข้อมูลให้ประชาชนทราบ ไม่ได้มากดดันใคร
O หากเครื่องใช้ไม่ได้ จะฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิตหรือไม่?
ผมจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง เพราะส่วนหนึ่งลูกน้องผมบอกว่าสามารถใช้การได้ หากบริษัทบอกว่าพยานยืนอยู่ข้างหลัง ตรวจสอบแล้วเจอจะว่าอย่างไร
O มีการถามถึงขวัญกำลังใจของกำลังพลในพื้นที่หลังผลทดสอบจีที 200 ไร้คุณภาพ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
ผมยังไม่ได้พูดกับหน่วยในพื้นที่ ในวันที่ 19 ก.พ.ผมจะเดินทางลงพื้นที่ และคงจะทราบว่าเป็นอย่างไร
O เป็นการเลื่อยขาเก้าอี้ ผบ.ทบ.หรือไม่?
ผมไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น แต่การออกมาเปิดเผยเป็นเรื่องดีของประเทศที่เปิดความจริงให้คนอื่นรู้ ผมก็อยากรู้ เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว
ระดับแม่ทัพยันคุณภาพคับแก้ว
จากนั้นคณะนายทหารระดับสูง พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดได้ผลัดกันเล่าประสบการณ์การใช้เครื่อง จีที 200 และความสำเร็จในการตรวจหาวัตถุต้องสงสัย
พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 : ผมยืนยันว่าคนที่ทำงานคือ คนที่เสี่ยงชีวิต ความเป็น ความตาย ฝากไว้ที่เครื่องมือ เมื่อเขาเชื่อมั่นในเครื่องมือชนิดนี้ ท่านจะไปห้ามหรือไม่สนับสนุนคงไม่ได้ จนกว่าท่านจะหาเครื่องมือมาทดแทน ในส่วนของการใช้สุนัข ใช้ได้ในระยะใกล้ (ต้องเข้าไปใกล้วัตถุต้องสงสัย) เราเสียสุนัขพร้อมกับผู้บังคับสุนัขมามากแล้ว ซึ่งการใช้สุนัขต้องเข้าไปอยู่ใกล้วัตถุเหมือนเครื่องมือ เซเบอร์ 4000 ไม่สามารถตรวจไกลได้
เพราะฉะนั้น การใช้ จีที 200 คือการจำกัดขอบเขตว่าอยู่แนวนี้ อยากให้ประชาชนได้เข้าใจในหน่วยอีโอดี (หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด) ส่วนประเด็นละเมิดสิทธิ์นั้น น่าจะมีการเข้าใจผิด เมื่อมีการออกแผน (ยุทธการพิทักษ์แดนใต้ เมื่อปี 2550) เราจะใช้ข้อมูลด้านการข่าว ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อไปเชิญตัวตามข้อมูลด้านการข่าว เมื่อรู้ว่าเป็นมือระเบิดหรือมือสังหาร ก็จะใช้เครื่องมือไปตรวจว่ามีหรือไม่ จากนั้นก็นำวัตถุพยานเหล่านั้นมาประกอบการดำเนินคดี ไม่ใช่ใช้ จีที 200 ไปชี้ว่ามีความผิด
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 : เราตรวจสอบพิสูจน์ทราบมานาน โดยใช้หน่วยของเราตรวจสอบ ด้วยคน ด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และด้วยจิตใจ ซึ่งทุกคนก็รักชีวิต เพราะฉะนั้นถ้าใช้ไม่ได้จริงเขาคงโยนทิ้งไปแล้ว เพราะทุกคนก็รักชีวิตเหมือนกัน
ทัพบกมีใช้ 757 เครื่อง-ราคาเฉลี่ย 9 แสน
น.อ.สมภพ ปีตะเสน หัวหน้ากองทำลายวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารอากาศ : เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว กองทัพอากาศรับการทดสอบเก็บวัตถุระเบิดเบื้องต้นจากระยะไกลจากบริษัท (ผู้ผลิตและจำหน่ายจีที 200) เมื่อปี 2546 ซึ่งกองทัพอากาศไม่ได้ผลีผลาม ใช้เวลาในการตรวจสอบถึง 1 ปีครึ่ง และมั่นใจในเบื้องต้นว่า จีที 200 สามารถทำงานได้จริง
จากนั้นเมื่อปี 2548 กองทัพอากาศได้จัดการซื้อเบื้องต้นมาใช้งานที่สนามบินกองทัพอากาศ เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความปลอดภัยได้ทั่วถึง ซึ่งมีหลายกรณีที่เครื่อง จีที 200 นำไปใช้แล้วได้ผล และต่อมากองทัพอากาศได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุระเบิดไปใช้งาน ซึ่งในเวลานั้นไม่มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในระยะไกล ทำให้กองทัพอากาศได้รับการร้องขอเป็นจำนวนมาก และมีการจัดซื้อในที่สุด
พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก : ชุดทำลายล้างวัตถุระเบิดของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ได้ทดลองใช้เครื่อง จีที 200 ในปี 2548 ปรากฎว่าพบอาวุธในมัสยิดที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้เห็นว่าเครื่องนี้สามารถใช้การได้ จึงเสนอขอเครื่องมือดังกล่าวในปี 2550 เพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันอันตรายจากการใช้ระเบิดของผู้ก่อการร้าย เพื่อรักษาชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้ กองทัพบกจึงจัดหาให้ตามขั้นตอน โดยจัดซื้อขั้นต้น 26 เครื่อง ให้เฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งเกิดผลงานหลายครั้ง
จนถึงปัจจุบันกองทัพบกจัดซื้อเครื่อง จีที 200 จำนวน 757 เครื่อง โดยมีการจัดซื้อทั้งหมด 12 ครั้ง แบ่งใช้ในพื้นที่ภาคใต้ 524 เครื่อง กองกำลังตามแนวชายแดน 180 เครื่อง และตามหน่วยต่างๆ อีก 20 เครื่อง ส่วนเจ้าหน้าที่อีโอดี มีใช้ประมาณ 23 เครื่อง และเก็บไว้ที่คลังสรรพาวุธอีก 10 เครื่อง สำหรับผลงานตั้งแต่ปลายปี 2551 ถึงปัจจุบัน มีผลงาน 118 ครั้ง เป็นการพบอาวุธ 32 ครั้ง และยาเสพติด 86 ครั้ง
พล.ต.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก : เครื่องจีที 200 มีการจัดซื้อในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จำนวน 59 เครื่อง สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช จำนวน 107 เครื่อง สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จำนวน 44 เครื่อง และสมัยรัฐบาลปัจจุบันจำนวน 547 เครื่อง โดยจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ
กองทัพบกมีการจัดซื้อทั้งหมด 12 ครั้ง โดยครั้งแรกจัดซื้อ 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 950,000 บาท และครั้งที่สองซื้ออีก 24 เครื่อง ราคาเครื่องละ 950,000 นบาท พร้อมการ์ดจำนวน 10 ใบ หลังจากนั้นจัดซื้ออีกล็อตใหญ่จำนวน 751 เครื่อง ราคาเครื่องละ 900,000 บาท พร้อมการ์ด 18 ใบ
พล.ท.เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก : ก่อนที่จะมีการจัดซื้อได้มีการทดลองใช้หลายยี่ห้อ โดยส่งไปให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อทดลองใช้ แต่ปรากฏว่าประสิทธิภาพสู้ จีที 200 ไม่ได้ จึงได้จัดซื้อของบริษัทเอวีเอ แซทคอม จำกัด ส่วนราคาแต่ละเครื่องที่แตกต่างกันนั้น เนื่องจากจำนวนการ์ดที่ใส่ไปในตัวเครื่องไม่เท่ากัน โดยของกองทัพบกจัดซื้อพร้อมการ์ดครบทุกอย่าง สามารถตรวจมวลสารได้ 18 ชนิด ซึ่งความจริงจะถูกหรือแพงจะต้องดูที่ผลงาน เพราะเงินเพียง 900,000 บาทเทียบกับชีวิตคนไม่ได้ ขอยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบทุกประการ
นายกฯ : พิสูจน์แล้วต้องยอมรับ
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันถึงปมปัญหาเกี่ยวกับเครื่อง จีที 200 โดยเฉพาะประเด็นที่ฝ่ายปฏิบัติในกองทัพประกาศเดินหน้าใช้เครื่องต่อไป
O ระดับปฏิบัติยืนยันใช้จีที 200 ต่อไป จะทำอย่างไร?
เข้าใจว่าสิ่งที่กองทัพสะท้อนให้เห็นคือประสบการณ์ของผู้ใช้ ก็เป็นอย่างที่ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ คือผู้ใช้ในพื้นที่มักยืนยันความมั่นใจของตัวเอง แต่ในเชิงนโยบาย เมื่อเราได้ทดสอบ ทดลองทางวิทยาศาสตร์ และทำการพิสูจน์แล้ว เราก็ต้องเชื่อผลที่ดำเนินการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลซึ่งปรากฎออกมาเป็นระยะๆ จากต่างประเทศด้วย และก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมต้องให้ทีมงานวิชาการและกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯลงไปทำความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อช่วยกันอธิบายว่าที่มีความเชื่อว่าใช้ได้นั้น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคืออะไร และเมื่อทำความเข้าใจแล้วคงจะทำให้การดำเนินการต่อไป ความสับสนก็จะน้อยลง เชื่อว่าความสับสนจะมีในช่วงสัปดาห์นี้ พอนำเข้า ครม. (คณะรัฐมนตรี) อีกครั้งก็จะมีการพูดคุยกันให้ชัดเจนว่าทุกหน่วยต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน
O การที่ฝ่ายปฏิบัติยืนยันเดินหน้าใช้งานต่อไป จะกลายเป็นการเผชิญหน้าหรือไม่?
จะไม่มีการไปเผชิญหน้า เพราะเรื่องของตัวบุคคลก็ชัดเจนว่าตอนนี้ถ้ามีการนำไปใช้ ผู้ปฏิบัติก็จะทราบจากผู้บังคับบัญชาว่าเมื่อผลของการทดสอบของรัฐบาลออกมาอย่างนี้ ถ้าไปใช้แล้วเกิดปัญหากับบุคคลและความปลอดภัย ผู้ใช้ก็จะมีความเสี่ยงอย่างสูง ต้องมีความรับผิดชอบที่สูงขึ้นเนื่องจากมีรายงานว่าอุปกรณ์ใช้ไม่ได้ ดังนั้นคิดว่าเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาได้ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติแล้ว
เราเข้าใจความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติโดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เขาคิดว่าเครื่องนี้เป็นอุปกรณ์ที่สร้างความมั่นใจให้ อีกทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรไปทดแทนได้ ก็ย่อมเป็นปัญหากับพวกเขา อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าถ้ายังจะใช้ต่อไปก็มีแต่ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ถ้ามีการเอาไปใช้จริงๆ ผมก็คิดว่ามันมีความเสี่ยงมาก ประการแรกถ้าเขาไปตรวจสอบในเรื่องการมีวัตถุระเบิดหรือไม่ ถ้าเขาไม่พบอาจจะไปสร้างความเข้าใจผิดว่าจุดนั้นปลอดภัย ซึ่งผมไม่อยากให้เกิดเหตุ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุเกิดขึ้น แต่เราไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร มันก็มีการชี้แจงกันได้ว่าเครื่องดังกล่าวไม่ 100% แต่เมื่อวันนี้เราพิสูจน์แล้ว และยังไปใช้อีก ความรับผิดชอบก็ต้องตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก
ประการที่สอง ถ้าไปใช้กับตัวบุคคลจะถูกโต้แย้งแน่นอนในเรื่องการไปละเมิดสิทธิ์ ผมจึงมอบหมายให้ รมว.กลาโหม ไปเร่งคิดถึงเรื่องการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยไม่ใช้เครื่องมือตัวนี้ให้เร็วที่สุด เพราะโอกาสเลิกใช้เครื่องจีที 200 มันมีอยู่แล้ว
O กองทัพภาคที่ 4 ต้องการให้ไปทดลองในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเห็นอย่างไร?
แล้วใครจะเป็นคนไปออกแบบการทดลอง และคำว่าทดลองในพื้นที่จริงคืออะไร เช่น ที่มีการยกตัวอย่างว่ามีมอเตอร์ไซด์ 3 คัน ชี้ไปแล้วเจอ 1 คัน ก็นับว่าเป็นการเจอในสัดส่วน 100% คำถามคือไม่ทราบว่าได้ตรวจอีก 2 คันด้วยหรือไม่ ถ้าทั้ง 3 คันมีอยู่ จะชี้ไปที่คันไหนก็เจอ แต่เขาไม่ได้ดูว่าอีก 2 คันมีหรือไม่
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าในพื้นที่ซึ่งมีสารหรือวัสดุที่ต้องการจะหาค่อนข้างเยอะ การที่มีเครื่องอาจจะไม่ได้ใช้งานจริงก็จะพบในสัดส่วนที่สูง ตรงนี้ต้องมีการไปทำความเข้าใจ แต่ถ้าบอกว่ามีมอเตอร์ไซด์ 3 คัน และเปิดดูแล้วอีก 2 คันไม่มี และเป็นอย่างนี้ตลอดเวลาก็ต้องมาทบทวน แต่คำว่าไปทดลองในพื้นที่ก็ต้องถามว่ามันควบคุมปัจจัยที่จะทดสอบได้หรือไม่ การเจอหรือไม่เจอในพื้นที่จริงจะเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ในการพิสูจน์ว่าใช้ได้ดีกว่าการสุ่ม
O มั่นใจหรือไม่ว่าฝ่ายปฏิบัติจะทำตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้?
เรื่องนี้ผมได้บอกกับ พล.อ.อนุพงษ์ และเช้าวันเดียวกันนี้ (18 ก.พ.) ก็ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปอีกครั้งหนึ่ง ทางกองทัพก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ อีกทั้งผมได้ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเร่งจัดทีมลงไปชี้แจงทำความเข้าใจ แต่จะไปผลีผลามไปห้ามการใช้คงไม่ได้ เพราะจะเกิดการท้าทายกัน เราต้องบอกความจริงถึงความรับผิดชอบ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งต้องเดินหน้าการมีกติกาการทำงานใหม่โดยไม่มีเครื่องจีที 200