บุญสม ทองศรีพลาย…สวัสดิการครูกับความสูญเสีย 125 ศพใน 6 ปี
สมศักดิ์ หุ่นงาม / อับดุลเลาะ หวังนิ
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
เหตุการณ์สังหารโหดด้วยวิธี “ฆ่าเผา” ครูสัมฤทธิ์ พันธเดช ครูโรงเรียนบ้านบาโงยยือแบ็ง ต.กะลุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ไม่เพียงเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งของแวดวงการศึกษาในพื้นที่ แต่ครูสัมฤทธิ์ยังเป็นเหยื่อความรุนแรงศพที่ 100 ของข้าราชการครู และศพที่ 125 หากนับรวมครูสอนศาสนาอิสลาม และบุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ ด้วย ตลอด 6 ปีเศษของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขวัญกำลังใจครูในพื้นที่จะยังมีเหลืออยู่หรือไม่ โดยเฉพาะหากฟังจาก วิชัย พันธเดช บิดาของครูสัมฤทธิ์ ที่บอกว่า ลูกชายเคยเล่าว่ามีคนตามขณะเดินทางกลับจากโรงเรียน และยังบ่นให้ฟังว่าไม่ไหวจริงๆ เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบมีเป็นจำนวนมากเหลือเกิน
นั่นแสดงว่าครูสัมฤทธิ์ทราบชะตากรรมของตัวเองล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ยังคงเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างกล้าหาญ
“ลูกชายไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัว คงเกรงว่าผมจะเป็นห่วง เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องหนักๆ ให้ฟัง ผมขอฝากไปถึงกลุ่มก่อความไม่สงบ ขอให้เห็นใจคนบริสุทธิ์เถอะ ถือว่าเราอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน ถ้าเป็นภาษามลายูขอฝากว่า มีเตาะยาแงบูวะดียอ (แปลว่าขออย่าทำเขา)”
เป็นเสียงวิงวอนและความรู้สึกจากหัวอกคนเป็นพ่อที่ต้องสูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ…
หลังจากนี้ทุกอย่างก็จะวนสู่วัฏจักรเก่า คือแกนนำครูนัดประชุมอย่างเคร่งเครียดกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อปรับแผนรักษาความปลอดภัย (รปภ.) จากนั้นก็จะเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือ แล้วข่าวคราวก็จะเงียบหายไป ก่อนจะกลับมาฮือฮาใหม่เมื่อมีครูตกเป็นเหยื่ออีก
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าครูบางคนที่ตกเป็นเป้า เนื่องจากเดินทางคนเดียว ไม่ยอมเข้าระบบ รปภ.ที่วางมาตรการโดยฝ่ายความมั่นคง แต่ในทางความเป็นจริงก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ครูซึ่งมีอยู่หลายพันคนและอาศัยอยู่ต่างสถานที่กันจะเข้าระบบ รปภ.ได้ครบทุกคน ฉะนั้นก็จะมีครูบางคนที่บ้านอยู่ไกล ไม่อยากเป็นภาระกับเพื่อนครูคนอื่นๆ ก็เลือกที่จะเดินทางเอง โดยใช้วิธีเปลี่ยนเส้นทางและเวลาเดินทาง เพื่อให้กลุ่มที่จ้องทำร้ายจับทางไม่ได้
ขณะที่ครูอีกจำนวนหนึ่งถูกดักสังหารระหว่างเดินทางไปยังจุดรวมพลเพื่อไปโรงเรียนพร้อมกับชุด รปภ.ของทหาร ตำรวจ
ฉะนั้นจึงต้องยอมรับว่า ไม่ว่าจะดูแลดีอย่างไรก็ต้องมีช่องว่างให้คนที่จ้องประทุษร้ายก่อโศกนาฏกรรมได้อยู่ดี
เมื่อพื้นที่นี้คือพื้นที่เสี่ยง เพราะไม่มีทางทำให้ปลอดภัยได้ 100% การดูแลสวัสดิการตลอดจนขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก บุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ หัวหอกการออกมาเรียกร้องเรื่องสวัสดิการครูชายแดนใต้ เปิดใจกับ “ทีมข่าวอิศรา” ถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างยากลำบากของเรือจ้าง ณ ปลายด้ามขวาน
O คิดอย่างไรที่ครูกลับมาเป็นเป้าสังหารอีกครั้ง?
ผมว่าไม่ชัดเจนที่จะพูดอย่างนั้น เพราะขณะนี้สถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นทุกวัน คงอยู่ที่โอกาสและจังหวะของคนร้ายมากกว่า ไม่อยากพูดว่าคนร้ายพุ่งเป้ามาที่ครู เดี๋ยวมันจะแรงไป
O จะมีการนัดประชุมเพื่อปรับแผน รปภ.กันใหม่หรือไม่?
ก็คงต้องเรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาหารือ เบื้องต้นนัดกันวันที่ 11 ก.พ.นี้ สิ่งสำคัญคือเจ้าหน้าที่ต้องสำรวจพื้นที่เสี่ยงว่ามีอยู่กี่ที่ ตรงไหนบ้าง แล้วหาทางอุดช่องโหว่ที่มี เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการศึกษาต้องตกเป็นเหยื่ออีก
O ก่อนหน้านี้ครูเพิ่งจัดกิจกรรมรวมพลหลายพันคน และสิ่งหนึ่งที่มีการเรียกร้องกันก็คือสวัสดิการ อยากให้แจกแจงชัดๆ ว่าข้อเสนอของครูมีอะไรบ้าง?
สิ่งที่เราเรียกร้องไปก็เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความดีความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2550 ซึ่งมี 2 อย่างคือ
1.บำเหน็จความชอบที่เป็นตัวเงิน ซึ่งประกอบด้วยเงินตอบแทนพิเศษ การเลื่อนขั้นเงินเดือนนอกเหนือจากโควตาปกติ เงินประกันชีวิตบุคลากรทางการศึกษา
2.บำเหน็จความชอบที่ไม่ใช่ตัวเงิน ซึ่งประกอบด้วยการเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ การขอพระราชทานเหรียญชายแดน การยกย่องเชิดชูเกียรติ การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน (เลื่อนวิทยฐานะ) การจัดสรรโควตาพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อรับคัดเลือกเข้าศึกษาหรืออบรมหลักสูตรที่หน่วยงานของรัฐจัดร่วม รวมไปถึงการสงเคราะห์และช่วยเหลือทายาท
O ที่อธิบายมามีข้อไหนที่ยังไม่ได้รับ?
ต้องอธิบายก่อนว่าตอนนี้เราได้รับเงินตอบแทนพิเศษที่เรียกว่าเงิน 2,500 บาท หากเทียบกับวิชาชีพอื่นๆ ต้องถือว่าค่อนข้างน้อยมาก การเลื่อนขั้นเงินเดือนนอกเหนือจากโควตาปกติ ตอนนี้ก็ได้รับอยู่บ้าง แต่ยังไม่ทั่วถึง เพราะถูกจำกัดด้วยโควตา เช่น 15 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มครู หมายความว่าครู 100 คนจะได้ไม่ถึง 15 คน
ส่วนเงินประกันชีวิต เราได้รับคนละ 1 ล้านบาทจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) อีก 5 แสนบาท แต่เรื่องทุนการศึกษาอบรมก็ยังไม่เป็นรูปธรรม จะได้รับเฉพาะกลุ่ม เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บ้าง แต่ก็ทำเป็นครั้งคราวเท่านั้น สรุปก็คือที่เราได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ ก็คือเงิน 2,500 บาท
สำหรับบำเหน็จความชอบที่ไม่ใช่ตัวเงิน โดยเฉพาะการเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ก็ยังไม่น่าพึงพอใจมากนัก เพราะได้รับตามระบบปกติ ส่วนการขอพระราชทานเหรียญชายแดน ตอนนี้ยังไม่ได้รับเลย เพียงแต่ทางองค์กรครูเรียกร้องแล้วให้ทางเขตพื้นที่การศึกษาทำข้อมูลขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับเลยแม้แต่รายเดียว การยกย่องเชิดชูเกียรติก็ยังไม่มีเป็นรูปธรรม และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หมายถึงการเลื่อนวิทยะฐานะจากชำนาญการเป็นชำนาญการพิเศษ จากชำนาญการพิเศษเป็นผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งวันนี้ถ้าดูครูในพื้นที่สามจังหวัดชายแดน ความก้าวหน้าทางวิทยฐานะยังน้อยมาก 100 คนมีไม่ถึง 10 คน
ล่าสุดทางคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ออกหลักเกณฑ์วิทยฐานะเป็นเกณฑ์พิเศษในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นผล เพราะว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการส่งผลงานทางวิชาการ เช่นเดียวกับการจัดสรรโควตาพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่เพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาหรืออบรมหลักสูตรที่หน่วยงานของรัฐจัดร่วม อันนี้ก็ยังถือว่าไม่เป็นรูปธรรม มีเพียงการสงเคราะห์และช่วยเหลือทายาทซึ่งมองเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด
O ถือว่ายังน้อยหากเทียบกับการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง?
ใช่ครับ ถ้าเทียบการสถานการณ์และพื้นที่พิเศษตรงนี้ สวัสดิการที่ได้รับถือว่ายังน้อยมาก เงินเสี่ยงภัยต้องไม่ใช่ 2,500 บาท และที่ยังเป็นปัญหาก็คือครูอัตราจ้างกับพนักงานราชการยังไม่ได้รับเงินในส่วนนี้ด้วย ที่ได้ก็คือข้าราชการครูกับลูกจ้างประจำ ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นของการต่อรองอยู่ว่าทำอย่างไรถึงจะช่วยเขาได้ (หมายถึงครูอัตราจ้างกับพนักงานราชการ) ซึ่ง สพฐ. (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) กำลังทำระบบข้อมูลอยู่
-----------------------------------------------------------
ภาพ : นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้