ป.ป.ช. รับสมัคร “คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ.”ทำหน้าที่ค้นหาคนดีมือปราบโกงในพื้นที่ 32 จังหวัด
นายณรงค์ รัฐอมฤต เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 เมษายน 2556 สำนักงานป.ป.ช. ได้ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่การขอขึ้นทะเบียนหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อคักเลือกคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. ซึ่งจะเริ่มพื้นที่ 32 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี สงขลา นครปฐม กระบี่ จันทบุรี ชัยนาท ชุมพร เชียงราย ตรัง นครพนม นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ เพชรบุรี แพร่ ยะลา ร้อยเอ็ด ลพบุรี ลำปาง ศรีสะเกษ สระแก้ว สุโขทัย สุพรรณบุรี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี อุบลราชธานี โดยกำหนดวันขึ้นทะเบียนของหน่วยงานหรือองค์กรที่ประสงค์จะส่งผู้แทนเข้ามาคัดเลือกคือวันที่ 30 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2556 และคาดว่าจะประกาศรายชื่อคณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. ครบ 32 จังหวัด ในวันที่ 14 มิถุนายน 2556 และในเดือนกรกฎาคม 2556 จะดำเนินการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. ในจังหวัดที่เหลืออีก 44 จังหวัด
ทั้งนี้ การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหากรรมการป.ป.จ. จะดำเนินการโดยให้ผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรในแต่ละจังหวัด รวม 9 กลุ่มหน่วยงานหรือองค์กร คัดเลือกกันเองให้เหลือหน่วยงานหรือองค์กรละหนึ่งคน ดังนี้
1. สมาคมหรือชมรมครู อาจารย์ หรือสมาคมทางด้านการศึกษา
2. สภาทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย
3. สมาคมหรือชมรมพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือสภาแรงงาน หรือสหภาพแรงงาน
4. สภาหอการค้าจังหวัดหรือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรือชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัด
5. กลุ่มอาสาสมัคร
6. องค์กรเอกชน
7. องค์กรเกษตร
8. สมาคมหรือชมรมสื่อมวลชน
9. หัวหน้าสื่อราชการประจำจังหวัด
คุณสมบัติของหน่วยงานหรือองค์กรที่มีสิทธิส่งผู้แทนเพื่อคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมการป.ป.จ.
1. การรวมตัวกันของสมาชิกของหน่วยงานหรือองค์กรต้องเป็นไปเพื่อดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ส่วนรวมต่อผู้ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างต่อเนื่องในจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งใน 9 ประเภท ที่กฎหมายกำหนด
2. ได้รับการรับรองจากทางราชการ หรือมีหลักฐานแสดงสถานภาพของหน่วยงานหรือองค์กร
3. หน่วยงานหรือองค์กร ต้องจัดดตั้งหรือดำเนินกิจกรรมมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันแจ้งความประสงค์ โดยสามารถนำผลงานหรือรายงานการดำเนินกิจกรรมมาแสดงได้ เว้นแต่กรณีเป็นหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้
4. เป็นหน่วยงานหรือองค์กรที่มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ต้องมีสมาชิกซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดตามจำนวนที่กำหนด
4.1 หน่วยงานหรือองค์กรตามข้อ 1, 2, 3, 4 และ 8 ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 10 คน
4.2 หน่วยงานหรือองค์กรตามข้อ 5, 6 และ 7 ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คน
5. หน่วยงานหรือองค์ใดมีคุณสมบัติมากกว่าหนึ่งประเภท ให้แจ้งความประสงค์ขอขึ้นทะเบียนได้เพียงประเภทเดียว
ดังนั้น คณะกรรมการสรรหากรรมการป.ป.จ. ในแต่ละจังหวัด มีจำนวน 9 คน ในกรณี มีผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรไม่ครบจำนวนแต่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 7 คน ให้ผู้แทนหน่วยงานหรือองค์กรเท่าที่มีอยู่ดังกล่าวดำเนินการสรรหาต่อไปได้
คณะกรรมการสรรหากรรมการ ป.ป.จ. จะเข้ามาทำหน้าที่สำคัญ ดังนี้
1. ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ประวัติ และพฤติการณ์ของผู้สมัครเป็นกรรมการป.ป.จ. แต่ละราย
2. พิจารณาคัดเลือกผู้สมัครกรรมการป.ป.จ. ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามซึ่งสมควรได้รับการเสนอรายชื่อเป็นกรรมการป.ป.จ.เสร็จสิ้นแล้ว
3. คณะกรรมการสรรหาสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่เมื่อคณะกรรรมการป.ป.ช. ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการป.ป.จ. เสร็จสิ้นแล้ว
นายณรงค์ รัฐอมฤต เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. สรุปทิ้งท้ายว่า หากหน่วยงานหรือองค์กรใดมีความประสงค์ส่งผู้แทนเข้าร่วมคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด ให้ติดต่อสอบถามได้ที่ทำการสำนักงานป.ป.ช. ประจำจังหวัดทั้ง 32 แห่ง หรือสำนักงานป.ป.ช. ส่วนกลาง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนป.ป.ช. 1205