เครือข่ายประชาชนอีสาน ร่วมถอดบทเรียน ยกฟ้องคดีเจริญ วัดอักษร
เครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมและตัดสินคดีความในภาคอีสาน ร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นกรณีการยกฟ้องของศาลอุทธรณ์ในคดีจ้างวานฆ่าเจริญ วัดอักษร เพื่อนำสู่การถอดบทเรียนกระบวนการยุติธรรมไทย
เร็วๆนี้ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพอีสาน(ศสส.) ร่วมกับ โครงการประสานงานและความร่วมมือเครือข่ายส่งเสริมสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดเวทีเสวนา “วิพากษ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี เจริญ วัดอักษร สู่การถอดบทเรียนขบวนการประชาชนภาคอีสาน” โดยมีตัวแทนจากกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ เครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมและตัดสินคดีความในภาคอีสานกว่า 10 เครือข่าย เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นจำนวนกว่า 100 คน
สืบเนื่องจากการตัดสินของศาลอุทธรณ์กลางมีคำพิพากษาในคดีจ้างวานฆ่า นายเจริญ วัดอักษร ประธานกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก แกนนำกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้าบ่อนอก จ.ประจวบคิรีขันธ์ โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดที่เหลือในคดีนี้ ทั้ง 3 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่า ด้วยเหตุผลพยานและหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้ขบวนการภาคประชาชนเกิดคำถามขึ้นกับคำตัดสินว่า มีความยุติธรรมเพียงพอหรือไม่ กับการต่อสู้ของชาวบ้านที่ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรสิ่งแวดล้อมของชุมชนจากการรุกรานของนายทุนและโครงการพัฒนาของภาครัฐ
โดยบรรยากาศในช่วงเริ่มงาน นางสาวกรณ์อุมา พงษ์น้อย แกนนำกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เล่าสถานการณ์ความเป็นมาของคดี พร้อมทั้งฉายวิดีทัศน์การให้การและการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของ นายเสน่ห์ เหล็กล้วน และ นายประจวบ หินแก้ว 2 มือปืน ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ในช่วงระหว่างการตัดสินคดีความ โดยนางสาวกรณ์อุมา กล่าวในเวทีเสวนาว่า
“ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ แต่ต้องการต่อสู้เพื่อให้ได้กระบวนการตัดสินคดีความที่เป็นธรรมและถูกต้องตามความเป็นจริง และเชื่อว่าการตัดสินคดีความของศาลในคดีนี้มีทัศนคติบางอย่างที่ถูกครอบงำโดยอำนาจ ทุน รัฐ และ เงิน ที่มองไม่เห็นขบวนการต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรของภาคประชาชนเลย” นางสาวกรณ์อุมากล่าว
ด้านนายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ที่ติดตามคดีนี้มาโดยตลอด ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อคดีนี้ภายในเวทีเสวนาว่า จากคำให้การและการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของ 2 มือปืนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้มีความเชื่อได้ว่าพยานและหลักฐานมีความแน่นหนาเพียงพอ และที่ผ่านมาไม่เคยมีการหักล้างคำให้การของ 2 มือปืนจากจำเลยทั้งสามก่อนการตัดสินคำพิพากษาในครั้งนี้เลย และความแวดล้อมในคดีมีความสำคัญและเหตุผลเพียงพอที่น่าเชื่อถือได้ แต่คำให้การของ 2 มือปืน กลับถูกตัดทิ้งในการพิจารณาครั้งนี้
“คดีนี้เชื่อได้ว่ามีการปักธงไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนการตัดสิน เนื่องจากไม่สอดคล้องกับคำให้การของ 2 มือปืนก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลแวดล้อมมีความแน่นหนาอย่างมาก และการให้การมีลักษณะของการสำนึกผิดของจำเลย ไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญใดๆ แต่กลับถูกตัดสินออกมาโดยไม่อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและข้อเท็จจริง” นายแสงชัยกล่าว.
ที่มาภาพ ::: http://www.thaingo.org/HeadnewsKan/1year-jarern.htm