ระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯเจือจางน้ำเค็มในคลองพระองค์ไชยานุชิตตอนล่าง
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดปัญหาความเค็มในคลองพระองค์ไชยานุชิตตอนล่าง บริเวณจุดสูบน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ดังกล่าว นั้น
การจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 55/56 กรมชลประทาน ได้กำหนดแผนการจัดสรรน้ำเพื่อสนับสนุนการอุปโภค-บริโภค ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างไว้อย่างเพียงพอ แต่เนื่องจากมีการทำนาปรังครั้งที่ 2 ตามริมแนวคลองระพีพัฒน์เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ได้ประกาศขอความร่วมมือให้งดทำนาปรังครั้งที่ 2 ไปแล้ว ทำให้ปริมาณน้ำที่จัดสรรเพื่อการอุปโภค-บริโภค
สำหรับพื้นที่ตอนล่าง ถูกเกษตรกรสูบไปใช้ในการทำนา จึงเกิดปัญหาน้ำเค็มในคลองพระองค์ไชยานุชิต จนส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค อำเภอบางคล้า
กรมชลประทาน ได้แก้ไขปัญหาโดยการเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และคลองชัยนาท-ป่าสัก ผ่านคลองระพีพัฒน์ไปลงคลองพระองค์ไชยานุชิต เพื่อเจือจางน้ำเค็มในคลองพระองค์ไชยานุชิต จนกระทั่งสถานการณ์น้ำเข้าสู่ภาวะปกติไปก่อนหน้าครั้งหนึ่งแล้ว
แต่ ณ ปัจจุบัน ได้เกิดปัญหาน้ำเค็มในคลองพระองค์ไชยานุชิตขึ้นมาอีก สาเหตุเนื่องจากพื้นที่ทางตอนบนตามริมแนวคลองระพีพัฒน์ ยังคงมีการทำนาปรังครั้งที่ 2 เพิ่มขึ้นอีก ทำให้ปริมาณน้ำที่จะไหลลงทางตอนล่างเพื่อสนับสนุนการผลิตน้ำประปา ได้รับผลกระทบอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมชลประทาน จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และคลองชัยนาท – ป่าสัก มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเจือจางความเค็มที่เกิดขึ้นอีก ซึ่งจะแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาลงได้
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เหลืออยู่ประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ เท่านั้น โดยจะต้องสงวนน้ำส่วนหนึ่งไว้สำหรับสนับสนุนการทำนาปีในช่วงต้นฤดูฝน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำหนดแผนการจัดสรรน้ำเพื่อสนับสนุนการทำนาปี ไว้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2556 ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อการผลิตน้ำประปาและการเพาะปลูกข้าวนาปี ขอให้เกษตรกรงดทำนาปรังครั้งที่ 2 เพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด โดยให้ไปทำนาปีตามที่กระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดต่อไป