แกะรอย“สมหวัง อัสราษี”ผ่องถ่ายหุ้น เทียบเคียง“ณัฐวุฒิ” (มีอินโฟกราฟิก)
แกะรอยกระบวนการผ่องถ่ายหุ้น“สมหวัง อัสราษี”เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า เทียบเคียง“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”รมช.พาณิชย์ พิมพ์เดียว“เจ้านาย-เลขาฯ” แต่งตัวก่อนเข้าสู่อำนาจรัฐ
นายสมหวัง อัสราษี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีการกระทรวงพาณิชย์ (เลขาฯนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์) ได้โอนหุ้นธุรกิจให้ทายาทในช่วงเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อปี 2553 ก่อนรับตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายสมหวัง เป็นเจ้าของธุรกิจผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2539 ทุนปัจจุบัน 45 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 302 หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านคลองสวน อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ นางเพ็ญแข เจตน์ประสิทธิ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ วันที่ 12 ม.ค.2552 นายสมหวัง อัสราษี ถือหุ้นใหญ่ 449,994 หุ้น จากทั้งหมด 450,000 หุ้น-หุ้นละ 100 บาท
วันที่ 5 ม.ค.2553 นายสมหวังโอนหุ้นให้นางเพ็ญแข อัสราษี จำนวน 100,000 หุ้น นายสมหวัง เหลือสัดส่วนถือครองเหลือ 349,994 หุ้น นายธนัช วัฒนรัฐกำจร น.ส.โนรี ปานกลิ่นพุฒ และนางปัทมา บัวแก้ว คนละ 2 หุ้น
วันที่ 3 มี.ค.2553 นายสราวุทธิ อัสราษี เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 422,250 หุ้น นางเพ็ญแข อัสราษี ลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือ 20,250 หุ้น นายธนัช วัฒนรัฐกำจร น.ส.โนรี ปานกลิ่นพุฒ นางปัทมา บัวแก้ว เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็นคนละ 2,500 หุ้น และไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน
บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แจ้งผลประกอบการในรอบปี 2554 รายได้ 153,661,990 บาท กำไรสุทธิ 1,428,594 บาท สินทรัพย์ 121,061,427 บาท หนี้สิน 76,824,180 บาท ขาดทุนสะสม 762,753 บาท ปี 2553 รายได้ 167,464,573 บาท กำไรสุทธิ 1,679,171 บาท
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พบว่านายณัฐวุฒิกับพวกได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจประชาสัมพันธ์ มาตั้งแต่ปี 2544 ชื่อ บริษัท ไทย คอนซัลแตนท์ แอนด์ พับบลิค รีเลชั่น จำกัด ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 คนคือ นายณัฐวุฒิ อยู่บ้านเลขที่ 460 หมู่ 5 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 20,000 หุ้น มูลค่า หุ้นละ 100 บาท (ลงทุน 2 ล้านบาท)และนายสนธยา ทิพย์อาภากุล 29,994 หุ้น หรือ 2,999,400 บาท
ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 นายณัฐวุฒิ ได้โอน 20,000 หุ้น ให้นายเจตนันท์ ใสยเกื้อ (พี่ชาย) 11,975หุ้น และ นายมฆวัต กาญวัฒนะกิจ 8,025 หุ้น ต่อมาวันที่ 23 มิถุนายน 2551 นายมฆวัต กาญวัฒนะกิจ ได้โอนหุ้นจำนวน 8,025 หุ้น กลับมาให้นายเจตนันท์ ใสยเกื้อ ทำให้นายเจตนันท์ ถือครองรวม 20,000 หุ้นซึ่งเป็นจำนวนเท่ากับที่นายณัฐวุฒิเคยถือครองก่อนหน้านี้ ทำให้นายณัฐวุฒิมิปรากฎถือหุ้นธุรกิจอีกเลย
น่าสังเกตว่าการโอนหุ้นของนายสมหวังและนายณัฐวุฒิเกิดขึ้นก่อนเข้าสู่อำนาจรัฐทั้งคู่
ในช่วงหลังรัฐประหาร19 ก.ย.2549 นายสมหลังเป็นนักธุรกิจรายหนึ่งที่ถูกระบุว่าเป็นผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)