คนรุ่นใหม่แนะอย่าตกเป็นทาสโซเชียลมีเดีย

วานนี้ (24 มี.ค.) ที่สยามสมาคม ภายในงาน 80 ปี สุลักษณ์ ศิวรักษ์ มีการเสวนาหัวข้อ “โซเชียลมีเดียในฐานะพื้นที่และแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่” โดยมีคนรุ่นใหม่ในวงการสื่อมวลชนเชิงสร้างสรรค์ชื่อดังมาร่วมเสวนา
นายชาติฉกาจ ไวกวี ผู้กำกับโฆษณาจาก Around-Me กล่าวถึงสื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่ใหม่ให้คนรุ่นใหม่สามารถนำเสนอเนื้อหาอย่างอิสระเต็มที่ และไร้พรมแดน เพราะไม่มีอำนาจอื่นมาควบคุม ตัวเราเป็นเจ้านายคอนเทนต์ อย่างไรก็ตามผลงานที่เราสร้าง แม้จะเป็นของเรา แต่เมื่อเรากดแชร์ไปบนโลกออนไลน์ เท่ากับว่า ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่สาธารณะโดยสมบูรณ์แล้ว ผลที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ถ้ามีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย ก็ต้องยอมรับ แต่ตนจะไม่ใส่ใจ เพราะถือว่าคนดูมีสิทธิเลือกที่ดูหรือไม่ดูผลงานของเรา ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องดู
ขณะที่นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ “นิ้วกลม” นักเขียนชื่อดัง กล่าวว่า สังคมออนไลน์มีการถกเถียงในเรื่องต่าง ๆ มากมาย แต่ยังขาดการถกเถียงกันด้วยเหตุผลอย่างมีอารยะ จนบางครั้งนำมาสู่การใช้ความรุนแรงในโลกความเป็นจริง เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการนัดชกต่อยกันจริง ๆ ระหว่างคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันในกระทู้หนึ่งของเว็บไซต์พันทิป การใช้สื่อสังคมออนไลน์ ควรใช้เพื่อเรียนรู้คนอื่น มากกว่าใช้เพื่อให้เราหลงตัวเอง เช่น หลงไปกับยอดกดไลค์ หรือยอดวิว
นักเขียนชื่อดัง กล่าวอีกว่า อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้โลกของเราแคบลง เช่น มีข้อมูลหนึ่งระบุว่า ข้อมูลที่เราได้จากกูเกิ้ล มีความไม่เป็นกลาง เพราะข้อมูลที่คน ๆ นั้นค้นหา ถูกระบบของกูเกิ้ลเลือกสรรแต่สิ่งที่คน ๆ นั้นสนใจมาให้ จึงทำให้ไม่ได้ข้อมูลที่มีความหลากหลายอย่างแท้จริง
ด้าน นางสาวฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ พิธีกรข่าวไอทีชื่อดัง กล่าวว่า การใช้งานโซเชียลมีเดีย ในฐานะสื่อมวลชน ตนยึดคติว่า สื่อมวลชนที่ดีต้องไม่ทำตัวเป็นมลภาวะของสังคม เพราะสิ่งที่คนที่เป็นสื่อมวลชนเขียน หรือพูด จะมีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างในทางใดทางหนึ่งเสมอ
“ส่วนตัวจะบอกเลยว่าถ้าจะติดต่องาน อย่าโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กหรือไลน์ เพราะการโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียยังมีความคลุมเครือบางอย่าง ไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด ควรติดต่อผ่านการโทรศัพท์ดีกว่า เพราะมีความเป็นกิจจะลักษณะและน่าเชื่อถือมากกว่า” ฉัตรปวีณ์กล่าว
สำหรับวิธีการใช้อุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดียของคนไทยรุ่นใหม่โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ที่ส่งผลทำให้เป็นเกิดโรคสมาธิสั้นเพราะเสพติดการสนทนาผ่านหน้าจอนั้น นางสาวฉัตรปวีณ์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว เห็นว่าวัฒนธรรมการใช้สมาร์ทโฟนของคนไทยยังไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกับชาวต่างชาติ เช่น เวลาอยู่ในที่ประชุม คนไทยมักจะง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่คนต่างชาติจะใส่ใจและให้เกียรติที่ประชุมมากกว่า จะมีการขออนุญาตถ้าจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับคนภายนอก ดังนั้นเราควรต้องจัดสรรการใช้งานไม่ให้ตัวเองตกเป็นทาสของอุปกรณ์และเทคโนโลยีเหล่านี้
