รัฐโชว์จริงใจสั่งย้าย 2 แกนนำพูโลกลับเรือนจำบ้านเกิด
กรมราชทัณฑ์ได้ย้ายนักโทษเด็ดขาดคดีกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักรจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายบือโด หรือหะยีบือโด หรือ บาบอแม เบตง ประธานขบวนการพูโล และ นายสะมะแอ ท่าน้ำ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ หรือ นายอิสมาแอล กัดดาฟี หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธขบวนการพูโล กลับไปคุมขังยังเรือนจำจังหวัดยะลา ซึ่งอยู่ใกล้กับภูมิลำเนาเดิมของแต่ละคนแล้ว ตามข่าวที่ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา นำเสนอไปก่อนหน้านี้
สำหรับ นายบือโด เบตง และ นายสะมะแอ ท่าน้ำ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตในคดีกบฏแบ่งแยกราชอาณาจักร ตั้งแต่ปลายปี 2554 ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางสงขลา แต่เนื่องจากทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ครอบครัวและญาติพี่น้องประสบความยากลำบากและมีค่าใช้จ่ายสูงในการเดินทางไปเยี่ยม จึงได้ทำเรื่องขอย้ายกลับไปถูกคุมขังยังเรือนจำบ้านเกิด ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็อนุมัติให้ด้วยเงื่อนไขการเป็นนักโทษสูงอายุและสอดคล้องกับระเบียบของราชทัณฑ์
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า การอนุมัติให้ นายบือโด เบตง และนายสะมะแอ ท่าน้ำ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำขบวนการพูโล ย้ายไปคุมขังยังเรือนจำบ้านเกิดถือเป็นสัญญาณที่ดีก่อนการพูดคุยสันติภาพกับแกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ที่ประเทศมาเลเซีย สำหรับการย้ายผู้ต้องขังกลับไปคุมขังยังเรือนจำในภูมิลำเนาบ้านเกิด ถือเป็นหลักเกณฑ์ปกติที่กรมราชทัณฑ์สามารถดำเนินการและอนุมัติได้ ล่าสุดทราบว่าได้มีการย้ายทั้งคู่ไปยังเรือนจำจังหวัดยะลาแล้ว
ส่วนนักโทษอีก 2 รายซึ่งเป็นอดีตแกนนำขบวนการพูโลและถูกศาลพิพากษาในคดีเดียวกัน คือ นายดาโอ๊ะ ท่าน้ำ หรือ หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ อดีตหัวหน้าขบวนการพูโล และ นายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลกาเดร์ สมาชิกขบวนการพูโล (โดนตัดสินโทษจำคุก 50 ปี) นั้น ยังไม่มีการย้ายกลับเรือนจำในภูมิลำเนาบ้านเกิด เนื่องจากเพิ่งยื่นเรื่องขอได้ไม่นาน โดยนายดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ได้ทำเรื่องขอย้ายกลับไปถูกคุมขังยังเรือนจำจังหวัดปัตตานี
ศอ.บต.แจงย้ายกลับ 3 คน-รวมนักโทษคดียาเสพติด
ต่อมา ศอ.บต.ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมคือ การย้ายผู้ต้องขังดังกล่าวมีจำนวน 3 คน คือนอกจากอดีตแกนนำขบวนการพูโล 2 คนแล้ว ยังมีผู้ต้องขังคดียาเสพติดด้วย 1 คน
ทั้งนี้ ศอ.บต.ได้มีหนังสือ ที่ นร 5203.1/698 ลงวันที่ 4 ก.พ.2556 ขอให้กรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ต้องขังทั้ง 3 รายไปคุมขังในเรือนจำกลางยะลา ตามระเบียบการย้ายผู้ต้องขังหรือนักโทษคดีเด็ดขาดไปคุมขังยังเรือนจำตามภูมิลำเนาของนักโทษ ซึ่งล่าสุดทางกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการแล้วคือ นักโทษชาย สะมะแอ สะอะ หรือหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ หรือ นายอิสมาแอล กัดดาฟี อายุ 61 ปี หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธขบวนการพูโล นักโทษชายบาบอแมบือโด เบตง อายุ 74 ปี ประธานขบวนการพูโล และ นายอับดุลเลาะ ยูโซ๊ะ อายุ 40 ปี (คดียาเสพติด)
ชี้แสดงความจริงใจ-เสริมกระบวนการสันติภาพ
เอกสารข่าวของ ศอ.บต.ยังระบุว่า สำหรับนักโทษชายสะมะแอ สะอะ หรือ สะมะแอ ท่าน้ำ และนักโทษชายบาบอแมบือโด เบตง นั้น ต้องโทษในความผิดเกี่ยวกับคดีความมั่นคงต่อรัฐ ซึ่งถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2551 ศอ.บต.เห็นว่าผู้ต้องขังในความผิดต่อความมั่นคงเป็นผู้ที่มีความเห็นต่างกับรัฐ จึงควรเริ่มต้นที่แสดงถึงความจริงใจของรัฐในการเสริมสร้างกระบวนการสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้ประสานความร่วมมือให้กรมราชทัณฑ์ย้ายจากเรือนจำกลางบางขวาง ไปคุมขังในเรือนจำกลางยะลา (แต่ระหว่างกระบวนการได้ย้ายไปเรือนจำกลางสงขลาก่อน)
การเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังดังกล่าว ถือเป็นการบรรเทาทุกข์และลดความหวาดระแวงของญาติผู้ต้องขัง ซึ่งจากที่ ศอ.บตได้พูดคุยและสำรวจความต้องการของผู้ต้องขังในพื้นที่ส่วนใหญ่ มีข้อเสนอให้มีการย้ายผู้ต้องขังไปอยู่ในเรือนจำภูมิลำเนาบ้านเกิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในแต่ละกรณีต้องเข้าหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ด้วย
เคยแก้ระเบียบปรับเครื่องแบบนักโทษมุสลิมมาแล้ว
การดำเนินการสร้างความเข้าใจและคืนความเป็นธรรมของผู้ต้องขังในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทาง ศอ.บต.ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้เบื้องต้น คือ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ประธานกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้อำนวยการทัณฑสถานจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ทรงคุณวุฒิทางการแพทย์ ปรับปรุงระเบียบให้ผู้ต้องขังมุสลิมสามารถแต่งกายได้ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งผู้ต้องขังชายจะต้องสวมกางเกงยาวเลยเข่า ส่วนผู้ต้องขังหญิงจะสวมเสื้อแขนยาว ผ้าถุงยาว และมีผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสะดวก
ในการนี้ ศอ.บต.ได้สนับสนุนเครื่องแต่งกายให้ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑ์สถานจำนวน 10 แห่ง แบ่งเป็นชุดผู้ต้องขังชาย คนละ 2 ชุด จำนวน 10,276 ชุด และชุดผู้ต้องขังหญิง คนละ 2 ชุด จำนวน 1,006 ชุด เฉพาะเรือนจำกลางของจังหวัดแยกเป็น
เรือนจำกลางจังหวัดปัตตานี แจกจ่ายชุดผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,716 ชุด ชุดผู้ต้องขังหญิง จำนวน 80 ชุด
เรือนจำกลางจังหวัดนราธิวาส แจกจ่ายชุดผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,690 ชุด ชุดผู้ต้องขังหญิง จำนวน 140 ชุด
เรือนจำกลางจังหวัดยะลา แจกจ่ายชุดผู้ต้องขังชาย จำนวน 1,350 ชุด ชุดผู้ต้องขังหญิง จำนวน 110 ชุด
นอกจากนั้นยังได้จัดทำสถานที่ละหมาดและโรงครัวฮาลาล เพื่อให้สอดรับกับอัตลักษณ์และวัฒนธรรมในพื้นที่อีกด้วย
เผยมีอีก 48 คนเข้าเกณฑ์ย้ายกลับชายแดนใต้
ว่าที่ร้อยตรีเลิศเกียตริ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า การย้ายผู้ต้องขังกลับภูมิลำเนาเป็นงานส่วนหนึ่งด้านการเยียวยาจิตใจที่ ศอ.บต.เล็งเห็นถึงความจำเป็นและความเดือดร้อนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตนในต่างพื้นที่ได้ เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะการเดินทางของญาติผู้ต้องขัง ซึ่ง ศอ.บต.พยายามร้องขอต่ออธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้มีการย้ายผู้ต้องขังในพื้นที่ทั่วประเทศที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 262 คน โดยมี 48 คนที่เข้าหลักเกณฑ์สามารถดำเนินการได้ในระดับต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์ของผู้ต้องขังที่สามารถย้ายกลับมาภูมิลำเนาได้คือ 1. ต้องเป็นนักโทษชั้นกลาง 2.ต้องเป็นนักโทษที่ไม่มีคดีอายัด และ 3.เป็นนักโทษที่เหลือโทษไม่เกินกว่าอำนาจในการคุมขังของเรือนจำนั้นๆ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พิธีย้ายนักโทษกลับเรือนจำสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องขัง (ภาพโดย ศอ.บต.)
อ่านประกอบ : ไฟเขียวย้าย "แกนนำพูโล" กลับเรือนจำบ้านเกิด