ย้อนสถิติป่วนหนักที่ปะนาเระ 21 วัน 8 เหตุ 13 ศพ!
ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปลายปี 2553 เป็นต้นมา ต่อเนื่องถึงต้นปี 2554 และอำเภอที่น่าจับตามากที่สุดอำเภอหนึ่ง คือ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพราะเกิดเหตุรุนแรงถี่ยิบและมีความสูญเสียจำนวนมาก
จากสถิติที่ "ทีมข่าวอิศรา" รวบรวมเอาไว้พบว่า ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค.ถึงกลางเดือน ก.พ.2554 หรือเพียง 21 วัน มีเหตุรุนแรงมากถึง 8 เหตุการณ์ (มากกว่าอำเภออื่นๆ ในพื้นที่สามจังหวัด) ทั้งที่เกิดในเขต อ.ปะนาเระ เองและพื้นที่ข้างเคียงแต่เหยื่อเป็นชาวปะนาเระ โดยมีประชาชนต้องสังเวยชีวิตถึง 13 ราย และบาดเจ็บอีก 6 คน
เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นแทบจะรายวัน ไล่เรียงได้ดังนี้
11 ก.พ. คนร้ายยิง นายมะลูดิน ฮะจีบือเระ อายุ 25 ปี ชาวบ้าน อ.สายบุรี จ.ปัตตานีเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณตลาดปาลัส บ้านปาลัส หมู่ 1 ต.ควน อ.ปะนาเระ
10 ก.พ. คนร้ายยิงและเผาชาวบ้านปะนาเระเสียชีวิต 3 ราย คือ นายสวัสดิ์ เกื้อกูล อายุ 65 ปี นางอ่ำ เกื้อกูล อายุ 60 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 71/72 บ้านป่าสัก หมู่ 6 ต.ดอน อ.ปะนาเระ และนางบุญเพียร ยังรักษ์ ครูโรงเรียนบ้านทรายแก้ว ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีศักดิ์เป็นหลานของทั้งคู่ เหตุเกิดในท้องที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
6 ก.พ. คนร้ายลอบยิง นายมะอูเซ็ง สาเมาะ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 บ้านคลอง หมู่ 2 ต.ดอน อ.ปะนาเระ เสียชีวิต
3 ก.พ. คนร้ายกราดยิงชาวบ้านบ้านใหญ่ หมู่ 1 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ เสียชีวิตถึง 5 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย
27 ม.ค. คนร้ายกราดยิง นายมะสาวี มะสาและ อายุ 41 ปี เสียชีวิตคาที่ และ นายรอเซะ เจ๊ะเม็ง อายุ 58 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดในท้องที่หมู่ 5 ต.คอกกระบือ อ.ปะนาเระ
25 ม.ค. คนร้ายประกบยิง นายสะมะแอ กามา อายุ 50 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอปะนาเระ เสียชีวิตในท้องที่บ้านน้ำบ่อ หมู่ 2 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ
23 ม.ค. คนร้ายประกบยิง นายอับดุลรอแม ดอเลาะ อายุ 47 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) สังกัดกองร้อย อส.ปะนาเระที่ 3 และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านกลาง อ.ปะนาเระ เสียชีวิต เหตุเกิดในท้องที่บ้านปะนาเระ หมู่ 1 ต.ปะนาเระ
22 ม.ค. คนร้ายยิง นางแมะแย เจ๊ะแว อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 บ้านสวนหมาก หมู่ 2 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
คำถามที่ต้องค้นหาคำตอบก็คือ เกิดอะไรขึ้นที่ปะนาเระ?
"ทีมข่าวอิศรา" ได้ประมวลความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ในพื้นที่ พบว่ามีความเห็นแตกต่างกัน 2 กลุ่มใหญ่ คือกลุ่มหนึ่งเห็นว่าความรุนแรงมีสาเหตุสำคัญมาจากกลุ่มก่อความไม่สงบล้วนๆ กับอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่ามีความขัดแย้งระหว่างบุคคล โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่น และผลประโยชน์แอบแฝงต่างๆ ทำให้เกิดสถานการณ์ขึ้น โดยยืมมือกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์อยู่แล้ว ทำให้ปัญหายิ่งซับซ้อน
ตำรวจฟันธงไม่เกี่ยวยาเสพติด-อิทธิพล
พ.ต.อ.วัลลพ จำนงค์อาษา ผู้กำกับการ สภ.ปะนาเระ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชัดเจนว่ากลุ่มก่อความไม่สงบพยายามลอบทำร้ายฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอหรือเป็นจุดอ่อน ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เร่งแก้ไข เพิ่มความรัดกุม เพิ่มการเฝ้าเวรยามโดยเฉพาะในตอนกลางคืน
"ผมมั่นใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในพื้นที่มีไม่กี่คน และส่วนใหญ่มาจากหลายพื้นที่ ลักลอบเข้ามาก่อเหตุ" พ.ต.อ.วัลลพ กล่าว และว่า สำหรับเหยื่อที่ตกเป็นเป้าทั้งหมดตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดหรือการเมือง ยิ่งกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่แล้ว ยิ่งต้องถือว่าไม่มีเลย
ทหารชี้ขัดแย้งการเมืองยืมมือแนวร่วมก่อเหตุ
พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน 44 มองต่างออกไปว่า ปัญหาใน อ.ปะนาเระ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างบุคคล และมีการยืมมือกลุ่มที่เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์รุนแรงอยู่แล้วมาก่อเหตุ ทำให้อะไรๆ ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน
"มีบุคคลที่สามเข้ามาก่อเหตุเพื่อให้เกิดความหวาดระแวง เกิดความรู้สึกไม่ดีระหว่างคนสองศาสนาในพื้นที่ พยายามเข้ามาตอกลิ่มและกดดันให้ชาวบ้านบางกลุ่มย้ายถิ่นออกไป" พ.อ.ปกรณ์ ระบุ
ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 กล่าวอีกว่า ในพื้นที่ยังมีปัญหาขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่นเยอะมาก ทำให้เหตุการณ์รุนแรงเกิดเหมือนเป็นการตอบโต้กันไปมา แต่โชคดีที่กลุ่มพี่น้องไทยพุทธเป็นกลุ่มใหญ่ มีความเข้มแข็งมาก จึงยังไม่มีปัญหาอพยพย้ายถิ่นมากนัก พี่น้องไทยพุทธจะเกิดอันตรายช่วงระหว่างเดินทางเข้าหรือออกพื้นที่ ซึ่งคงต้องหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ส่วนที่มีชาวบ้านบางกลุ่มปักใจเชื่อว่าคนร้ายเป็น "นักรบชุดดำ" หรือกลุ่มทหารพรานนั้น พ.อ.ปกรณ์ กล่าวว่า ข่าวลือเช่นนี้ทำให้ทหารพรานตกเป็นจำเลยอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง และเราพร้อมพิสูจน์ ที่ผ่านมาคนร้ายมักแต่งกายคล้าย ทหาร ตำรวจ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตกเป็นจำเลยกันหมด ถือเป็นแผนสร้างความแตกแยก
กำนันบอกปมยาเสพติดกว่าครึ่ง-แยกดินแดนแค่ 15%
ด้านกำนันในพื้นที่รายหนึ่ง กล่าวว่า ชาวปะนาเระทั้งพุทธและมุสลิมเคยอยู่ร่วมกันได้ด้วยดีมาตลอด แต่ในช่วงหลังมีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ ทำให้ประชาชนต้องหวาดระแวงกันเอง
"สำหรับผมเชื่อว่าสาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากเรื่องยาเสพติด เท่าที่สังเกตในพื้นที่ ไม่ว่าจะปราบหรือจับไปมากขนาดไหนยาเสพติดก็ไม่หมด ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ปราบเยอะ ก็ยิ่งต้องมีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้ดูว่าเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่จะได้เบนเป้าไปสนใจเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ ถ้าให้ผมแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ความรุนแรงในพื้นที่นะ ผมให้เรื่องยาเสพติด 60% เรื่องการเมือง 25% และเรื่องแบ่งแยกดินแดนแค่ 15% ส่วนบทบาทของหน่วยงานรัฐ เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะเข้ามาจ่ายเงินเยียวยา เสร็จแล้วก็ออกไป ทิ้งให้ชาวบ้านตกอยู่ในความมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น" กำนันในพื้นที่ กล่าว
อดีต ส.ว.จี้รัฐสางปัญหาสองศาสนาขัดแย้ง
นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า สิ่งที่รัฐต้องเข้ามาดูแลอย่างเร่งด่วนในขณะนี้คือความแตกแยกและหวาดระแวงระหว่างคนต่างศาสนา เพราะเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะเกิดความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันตามมา ขณะที่คนก่อเหตุหลายๆ ครั้งมาจากนอกพื้นที่ นี่คือสิ่งที่น่ากลัว โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ปะนาเระ และอีกหลายอำเภอในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความอ่อนไหวสูงมาก
"ถ้าเปรียบเป็นแก้วน้ำก็ใกล้แตกเต็มที" เป็นคำเตือนทิ้งท้ายของอดีต ส.ว.ที่น่าวิตกยิ่ง!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เจ้าหน้าที่กำลังเก็บหลักฐานรอยเลือดบนถนนจากเหตุรุนแรงที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังนิ ปรับแต่งสีโดย ฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา)