ขีดเส้นขอโควต้าแรงงานต่างด้าว16มี.ค. เผยค่านายหน้าโหด 2 หมื่นบ.
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมายสามารถอาศัย และทำงานอยู่ในประเทศไทยได้ชั่วคราวเป็นเวลา 120วัน ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2555- 16 เมษายน 2556 เพื่อดำเนินการด้านเอกสารรับรองสถานะให้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย ขณะนี้กรมการจัดหางาน (กกจ.) ได้เปิดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างสัญชาติพม่า กัมพูชาและลาว มายื่นขอโควตาจ้างงานแรงงานกับสำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัดถึงวันที่ 16 มีนาคม 2556 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กกจ.ได้กำหนดจุดเปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ 12 แห่ง ที่จะเปิดให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติไปดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้ได้รับการรับรองเป็นแรงงานถูกกฎหมาย โดยนายจ้างดูข้อมูลรายละเอียดที่ http://www.doe.go.th/ หรือสายด่วนโทร.1694
ด้าน นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวหลังเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการระดับชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ของศูนย์ประสานแรงงานประมงจังหวัดว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดบทบาทและหน้าที่ของศูนย์ประสานแรงงานประมงจังหวัด ซึ่งตั้งใน 7 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ตราด ชุมพร สงขลา ระนองและสตูล โดยศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่จัดหาแรงงานด้านประมงให้เพียงพอแก่ความต้องการ ของผู้ประกอบการ รวมทั้งให้ความรู้เรื่องการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรง งาน พ.ศ.2541 แก่แรงงานต่างด้าว และรวบรวมปัญหา แนวทางแก้ปัญหาเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ โดยให้สมาคมประมงจังหวัดเป็นผู้ดูแลศูนย์นี้และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องในจังหวัดจัดงบสนับสนุนการทำงานของศูนย์
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังหารือถึงการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคประมง โดยขอให้กระทรวงแรงานช่วยประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการที่จ้างแรงงานผิดกฎหมาย มายื่นขอโควตาแรงงาน พร้อมกับแนบบัญชีรายชื่อลูกจ้างและสัญญาจ้างภายในวันที่ 16 มีนาคมนี้ ส่วนการขอนำเข้าแรงงานบังกลาเทศจำนวน 50,000 คน เพื่อมาทำงานด้านประมงและก่อสร้าง ขณะนี้กำลังรอสถานทูตบังกลาเทศส่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) มายังกระทรวงแรงงาน หากได้รับเอ็มโอยูแล้วก็จะนำเรื่องเสนอต่อ ครม.ต่อไป
(รายชื่อแผนที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จแรงงานต่างด้าว กรณีพิเศษ http://wp.doe.go.th/sites/default/files/news/news17.pdf
ด้านนายอดิศร เกิดมงคล เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านนโยบายและวิจัย อินเตอร์เนชั่นแนล เรสคิว คอมมิตตี หรือ IRC มองว่ากรอบเวลาที่จำกัดนี้ ส่งผลให้แรงงานจำนวนมาก ที่ยังเข้าไม่ถึงข้อมูลและไม่รู้จำนวนค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ต้องพึ่งพาบริษัทนายหน้า ที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงถึง 1-2 หมื่นบาท
ข้อมูลจากกรมการจัดหางาน ระบุข้อมูล ณ วันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่ายังมีแรงงานต่างด้าวนับแสนคน ตกค้าง ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติได้ แบ่งเป็นสัญชาติพม่า ประมาณ 2 หมื่น 4 พันคน , กัมพูชา 1 แสน 6 หมื่นคน และสัญชาติลาว 9 หมื่น 9 พันคน
โดยในเวลาเพียง 1 เดือน หรือภายในวันที่ 16 มีนาคมนี้ นายจ้างต้องเร่งดำเนินการยื่นขอโควตากับกรมการจัดหางาน ส่งบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าวและผู้ติดตาม หรือ บุตรของแรงงานต่างด้าว ประเภทธุรกิจ และสัญญาจ้างแรงงานต่างด้าวแนบมาด้วย ซึ่งทั้ง 3 สัญชาติ จะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกัน เช่น สัญชาติพม่า หากเป็นแรงงานมีค่าใช้จ่าย 2,050-4,250 บาท ส่วนผู้ติดตามมีค่าใช้จ่าย 2,075 บาท
จากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการของประเทศต้นทาง เพื่อรับรองสถานะและออกหนังสือเดินทางชั่วคราวให้ และส่งมายังศูนย์พิสูจน์สัญชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ เช่นสมุทรสาคร ระยอง และขอนแก่น หลังจากนั้น ไทยจะตรวจลงตรา ประทับอนุญาตให้อยู่ในราชอาราจักร และออกใบอนุญาตทำงานแบบถูกกฎหมายให้ ซึ่งแรงงานและบุตรที่ผ่านการรับรอง จะสามารถอยู่ในประเทศไทยได้ 2 ปี และขออยู่ต่อได้อีก 1ครั้ง .
