ประกาศปิดอ่าวไทย ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ 3ด. ฤดูขยายพันธุ์สัตว์น้ำ
กษ.ประกาศมาตรการฟื้นฟูทะเล ปิดทะเลอ่าวไทยช่วงสัตว์น้ำวางไข่ 15 ก.พ.-15พ.ค.55 ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ ระงับใช้เครื่องมือประมงบางประเภท โชว์ปี 55 สัตว์น้ำเพิ่ม 2 เท่า
วันที่ 14 ก.พ.56 นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมช.กษ.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานพิธีประกาศปิดอ่าวฝั่งทะเลอ่าวไทย ณ ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่า กษ.ได้ประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูวางไข่และเลี้ยงตัวอ่อน โดยจะปิดฝั่งทะเลอ่าวไทยประจำปี 2556 นี้ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.–15 พ.ค. รวม 3 เดือน พื้นที่ประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
โดยกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการแพร่ขยายพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวของทุกปี พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำมีความสมบูรณ์เพศสูงและพร้อมที่จะวางไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทูซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีคุณค่าและความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศที่อาศัยอยู่บริเวณอ่าวไทยตอนใน จะมีการอพยพย้ายถิ่นในช่วง ธ.ค.-ม.ค. จึงจำเป็นจะต้องดูแลรักษาทรัพยากรเหล่านี้ให้มีอยู่อย่างยั่งยืน
รมช.กษ. กล่าวต่อไปว่าจากการเก็บข้อมูลประชากรสัตว์น้ำในช่วงหลังฤดูกาลปิดอ่าวไทยเป็นเวลา 3 เดือนเมื่อปี 2555 พบว่ามีความชุกชุมเพิ่มขึ้นกว่าตอนก่อนปิดอ่าว 2.34 เท่า โดยเฉพาะผลผลิตปลาทูแต่ละปีหลังจากปิดอ่าว จะได้ปีละไม่ต่ำกว่า 60,000 ตัน ถ้าหากปล่อยให้ปลาทูมีขนาดใหญ่อีกก็จะได้ผลตอบแทนเชิงปริมาณสูงกว่าในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวมีส่วนช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลให้มีใช้อย่างยั่งยืน ชาวประมงมีรายได้ที่มั่นคงในการประกอบอาชีพและประชาชนคนไทยได้มีสัตว์น้ำบริโภคอย่างเพียงพอด้วย
นายวิมล จันทรโรทัย กรมประมง กล่าวว่าได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจดำเนินมาตรการดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ แบ่งภารกิจเป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ชาวประมงและประชาชนเข้าใจถึงผลดีของการปิดอ่าว กลุ่มควบคุมและปราบปรามรับผิดชอบการตรวจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย กลุ่มติดตามผลการดำเนินคดีมีหน้าที่ติดตามผลการดำเนินคดีในการจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิด และกลุ่มประเมินผลทางวิชาการทำหน้าที่สำรวจรวบรวมข้อมูลศึกษาและประเมินสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำ
ซึ่งนอกนอกจากภาครัฐจะได้ลงไปชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวประมงแล้ว ยังมีโอกาสรับทราบปัญหาในการประกอบอาชีพประมงเพื่อนำไปสู่การพิจารณาหาแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนด้วย .