โครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก” ปี 2 มอบทุนสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม 350,000 บาท
จากความสำเร็จของโครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก” ปี 1 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมให้ผู้หญิงได้ใช้ความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สำนักพิมพ์สามสี สานต่อโครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก” ปี 2 โดยในปีนี้ มอบทุนสนับสนุนมูลค่า 350,000 บาท ครอบคลุมใน 4 ด้าน ได้แก่ การศึกษา,สิ่งแวดล้อม, ศิลปะเพื่อสังคม, และสิทธิมนุษยชน
ดร.วิลาสินี พิพิธกุล อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม (สสส.) พูดถึงโครงการผู้หญิงกลิ้งโลกว่า
“โครงการนี้จะช่วยปลุกเรื่องการตระหนักรู้ และเรื่องการมองเห็นคุณค่า บทบาท ตัวตนของผู้หญิง ผู้หญิงส่วนใหญ่พอมองไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่มีคุณค่าก็หมดกำลังใจ ด้วยสังคมวัฒนธรรม อาจไม่ได้ทำให้ผู้หญิงตระหนักถึงการเห็นคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง น่าเสียดายที่ยังมีผู้หญิงส่วนใหญ่ พอมองไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำอยู่มีคุณค่า บางทีก็ดูถูกตัวเอง และหมดกำลังใจ กลายเป็นว่ารอให้คนอื่นบอกตลอดเวลา เราต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงต้องหันมาเห็นคุณค่าของตัวเอง และเชื่อมต่อตัวเองเพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับโลกใบนี้
“อาจจะเป็นแค่โครงการเดียว แต่ถ้ามันสามารถไปจุดประกายหรือปลุกจิตสำนึกบางอย่าง มันก็คงไปได้ไกลกว่านี้เยอะ”
มนทิรา จูฑะพุทธิ ผู้ริเริ่มและผู้อำนวยการโครงการผู้หญิงกลิ้งโลก พูดถึงการมอบทุนสนับสนุนกิจกรรมครั้งนี้ว่า
“ปีนี้เราเพิ่มจำนวนทุนและจำนวนเงินมากขึ้น แบ่งเป็น 7 ทุนๆ ละ 50,000 บาท โดย 3 ทุนแรกนั้นเรามอบให้กับ 3 โครงการที่ชนะเลิศในปีแรก ได้แก่ โครงการ “The Missing shoes : ประติมากรรมจากรองเท้าที่หายไป”, โครงการ “แม้ลมหายใจสุดท้ายก็ไม่ท้อ” และ โครงการ anyone can draw ทั้งนี้เพราะการทำงานที่จะก่อให้เกิดความยั่งยืนได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้คนทำงานแข็งแรงและยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนอีก 4 ทุนนั้น มอบให้กับโครงการใหม่ๆ ที่จะส่งเข้ามาในปีนี้ ปีที่แล้วมีผู้หญิงส่งผลงานเข้ามายังโครงการเกือบ 100 โครงการ แต่คณะกรรมการคัดเลือกเหลือเพียง 50 โครงการ แบ่งเป็นด้านสิ่งแวดล้อม 12 โครงการ ด้านการศึกษา 18 โครงการ ด้านศิลปะเพื่อสังคม 12 โครงการ และด้านสิทธิมนุษยชน 8 โครงการ ปีนี้ก็หวังว่าจะมีโครงการที่สร้างสวรรค์และมีนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งมาให้เราพิจารณามากขึ้น”
คณะกรรมการทั้ง 6 ท่านที่จะเป็นผู้ตัดสินโครงการในปีนี้ได้แก่ ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา, ดร.พิไล พูลสวัสดิ์, ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์, ดร.วิลาสินี พิพิธกุล อดุลยานนท์,มนทิรา จูฑะพุทธิ, เมตตา สุดสวาท และสฤณี อาชวานันทกุล ซึ่งแต่ละท่านล้วนเป็นตัวจริงเสียงจริงในแต่ละสาขา
ส่วน 4 พรีเซ็นเตอร์สาวในปีนี้ พูดถึงโครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก” ผ่านมุมมองของผู้หญิงได้อย่างน่าสนใจ และจุดประกายความคิดใหม่ๆ ให้กับสังคมไทย ลองฟังความคิดเห็นของเธอทั้ง 4 กันดู

“การที่เราได้ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างมันแสดงจุดยืนว่าเราไม่ได้เป็นเพศที่อ่อนแอ เราอ่อนโยน แต่เราไม่อ่อนแอ”
นุ่น – ศิริพันธ์ วัฒนจินดา นักแสดงสาว ผู้สนใจธรรมะและใส่ใจสังคม
เธอพูดถึงผู้หญิงและโครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก ปี 2” ได้อย่างน่าฟัง
“โดยส่วนตัวนุ่นรู้สึกว่าคำว่า “ผู้หญิงกลิ้งโลก” ความหมายดีน่ะค่ะ คำว่า ‘กลิ้งโลก’ เราไม่ได้เป็นผู้ผลักไสโลก หรือว่าเป็นผู้จูงโลก แต่ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกกลิ้งไปพร้อมๆ กับเรา เพราะคำว่า ‘กลิ้ง’ แอ๊คชั่นคือเราไปด้วยกัน โลกกลิ้งเราก็ก้าวตามโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ
“คำว่า “ผู้หญิงกลิ้งโลก” มันดู soft นะ ไม่จำเป็นว่า...ฉันเป็นผู้หญิงนะจ๊ะ (ทำเสียงเข้ม) แต่ฉันเป็นผู้หญิงค่ะ (เสียงอ่อน) แล้วเราก็กลิ้งโลก โลกกับเราไปด้วยกัน ความหมายดีมาก
“ส่วนตัวแล้ว การที่เราได้ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างมันแสดงจุดยืนว่าเราไม่ได้เป็นเพศที่อ่อนแอ เราอ่อนโยน แต่เราไม่อ่อนแอ เรามีความเข้มแข็ง นุ่นเชื่อว่าถ้าเราถามผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะคนที่เป็นแม่ จะบอกว่าผู้หญิงมีความอดทนสูงมาก อุ้มท้อง 9 เดือน แล้วคลอดลูก ความเป็นผู้หญิงไม่ได้แสดงเลยว่าเราอ่อนแอ เรามีความแข็งแกร่ง ภายใต้เปลือกที่อ่อนโยนของเรา”
สุดท้าย เธอบอกถึงความภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์โครงการนี้
“ส่วนตัวนุ่นรู้สึกว่าโชคดีจังเลยที่ได้รับเกียรติให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ในโครงการผู้หญิงกลิ้งโลก มันทำให้รู้สึกว่า ต้องทำอะไรบางสิ่งบางอย่างแล้วละที่เราต้องชูประเด็นว่า...มาเถอะ มากลิ้งโลกด้วยกัน ทำให้เกิดความแตกต่าง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดี การเปลี่ยนแปลงของเราไม่ใช่การปฏิวัติค่ะ ไม่ใช่ตบมือแล้วบอกว่า...เฮ้ย ไปเด่ะ แต่มันคือ...ไปด้วยกันนะคะ (ทำเสียงอ่อนหวาน) โลกยิ้มเรายิ้ม ทุกอย่างไปด้วยกัน ขอบคุณนะคะที่ให้นุ่นเป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการดีๆ แบบนี้ ซึ่งนุ่นเชื่อว่าหลายๆ สิ่งที่นุ่นทำ และหลายๆ อย่างที่นุ่นกำลังจะทำ คงทำให้นุ่นกับโลกกลิ้งไปพร้อมๆ กัน”
“คนทุกคนมีศักยภาพ แม้แต่คนที่ไร้ศักยภาพทางร่างกายบางส่วนก็ยังมีศักยภาพ แต่ถ้าคุณขาดแรงบันดาลใจ ศักยภาพก็ไม่มีความหมาย ”
ก้อย สุวรรณเกต ดีไซเนอร์ไทยผู้ได้รับการยกย่องจากนิตยสารโว้ค ว่าเธอคือ 1 ใน 10 ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
แม้จะอยู่ไกลถึงนิวยอร์ก แต่เธอก็อาสามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโครงการ “ผู้หญิงกลิ้งโลก ปี 2” แถมไม่ได้มามือเปล่า แต่พกหัวใจเต็มร้อยที่พร้อมจะทำประโยชน์ให้กับสังคมไทย ด้วยการออกแบบเสื้อสวยที่ลายเส้นแสดงถึงความเป็นผู้หญิง
ดีไซเนอร์สาวกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อโครงการครั้งนี้ว่า
“’ผู้หญิงกลิ้งโลก’ เป็นโครงการที่สนับสนุนผู้หญิงที่มีแรงบันดาลใจและศักยภาพในการสร้างผลงานที่ทำประโยชน์ต่อสังคมและโลกใบนี้ เรื่องราวของผู้หญิงเหล่านี้ เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่ายกย่อง แต่เมื่อมองกลับมา ผู้หญิงเหล่านั้นก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ เหมือนที่ดิฉันเป็น รูปเส้นร่างของสรีระผู้หญิงก็เป็นเหมือนการบ่งบอกถึงการเป็นผู้หญิง...เท่านั้นเอง”
ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนหนึ่งของโครงการ เธอบอกว่า
“คนทุกคนมีศักยภาพ แม้แต่คนที่ไร้ศักยภาพทางร่างกายบางส่วนก็ยังมีศักยภาพ แต่ถ้าคุณขาดแรงบันดาลใจ ศักยภาพก็ไม่มีความหมาย คนเรามีคุณค่าอยู่ที่การสร้างผลงาน จึงควรรทำให้ถึงที่สุดและดีที่สุดเท่าที่ศักยภาพของเราจะอำนวย ถ้าคนทุกคนหยุดบ่นและหันมามองในส่วนที่คุณมี คุณก็จะเห็นว่าคุณไม่ได้มีขอบจำกัดเลย นั่นคือความคิดที่สร้างสรรค์ และโลกต้องการคนที่คิดแบบนี้”
“ถ้าไม่มีผู้หญิงโลกไม่ก้าวไปข้างหน้าแน่นอน ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จทุกคน ไปถามเขาดีๆ เถอะว่าใครเป็นกำลังใจ ใครเป็นคนที่แอบอยู่ท้ายเรือให้หัวเรือแล่นไปข้างหน้าได้ ”
เมตตา สุดสวาท ศิลปินอิสระ อดีตเจ้าของบริษัท propaganda ผู้ผันตัวจากนักธุรกิจมาเป็นนักวาดรูป
มุมมองของเธอต่อความเป็นผู้หญิง เมตตากล่าวว่า
“ผู้หญิงกลิ้งโลกได้อย่างไร จริงๆ เป็นคำถามที่ไม่น่าถามเลยเนอะ (หัวเราะ) ผู้หญิงกลิ้งโลกมานานแล้วละ เพราะถ้าไม่มีผู้หญิงโลกไม่ก้าวไปข้างหน้าแน่นอน ผู้หญิงเป็นทั้งเบื้องหลัง เป็นทั้งผู้สนับสนุน เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จทุกคน ไปถามเขาดีๆ เถอะว่าใครเป็นกำลังใจ ใครเป็นคนผลักดัน ใครเป็นคนที่แอบอยู่ท้ายเรือให้หัวเรือแล่นไปข้างหน้าได้ เพราะฉะนั้นถ้าให้เครดิตผู้หญิงบ้าง เธอคงดีใจ (ยิ้ม)”
ในฐานะที่เคยเป็นนักบริหาร เธอแสดงทัศนะเกี่ยวกับสังคมไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า
“ในอนาคตสังคมไทยคนแก่จะเยอะกว่าเด็ก ดิฉันขอเสนอรัฐบาลให้มีโครงการรับเลี้ยงผู้สูงอายุ แต่...แต่จะเลี้ยงก็ต่อเมื่อคนแก่ต้องไปเรียนหนังสือ อะไรก็ได้ที่ท่านอยากจะเรียน จัดให้มีโรงเรียนสอนคนแก่ จะเป็นหลักสูตรปีหรือสองปีก็แล้วแต่ เมื่อเรียนจบถึงจะได้เงินเลี้ยงดูตลอดชีวิต ในขณะเดียวกัน เราก็จะเก็บคนแก่ไว้เป็นกองทหารเกณฑ์ เป็นทีมซัพพอร์ทในชุมชน เพราะบางทีเรารอเด็กๆ ไม่ไหว แต่ผู้ใหญ่มีประสบการณ์ เราแค่เติมอะไรใหม่ๆ ให้เขาทันโลก ให้เขาได้เอ็กเซอร์ไซส์สมอง เพราะฉะนั้นสังคมในอนาคตเราต้องใช้คนแก่ให้เป็นประโยชน์”
“อย่างแรกเลยที่ผู้หญิงควรทำก็คือ ผู้หญิงต้องไม่ดูถูกตัวเอง ”
กอหญ้า – สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารโรงแรมบ้านท้องทราย ผู้มีหัวใจรักสิ่งแวดล้อม
“จริงๆ แล้วผู้หญิงเป็นเพศที่แข็งแกร่งนะ ถึงเวลาที่ผู้หญิงจะได้โชว์พลังที่มีจริงๆ ของตัวเองเสียที อย่างแรกเลยที่ผู้หญิงควรทำก็คือ ผู้หญิงต้องไม่ดูถูกตัวเอง สอง-ผู้หญิงต้องรวมตัวกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เพราะในปัจจุบันถ้าติดตามข่าว จะเห็นว่าผู้หญิงถูกรังแกเยอะมาก เช่น โดนทำร้ายร่างกาย เราต้องสร้างความยุติธรรมให้กับสังคมในปัจจุบันสำหรับผู้หญิงให้ได้ เรามีโอกาส เพราะนายกของเราก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นเราก็น่าจะหันมามองในเรื่องของสิทธิสตรี ดิฉันว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะแสดงพลังที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิของตัวเองให้ได้มากที่สุด”
ผู้สนใจ ตัดใบสมัครโครงการได้จากท้ายเล่มหนังสือ “ผู้หญิงกลิ้งโลก เล่ม 2”
สอบถามข้อมูล โทร 08-9496-1794, email : [email protected], www.facebook.com/worldrollers
