เปิดคำฟ้องซัด“แอ๊ดบาว”ปิดกั้นทางเดินสาธารณะ ไม่คำนึงศักดิ์ศรีมนุษย์
เปิดคำฟ้อง อดีต ผอ.ป.ป.ช.กล่าวหา“แอ๊ด คาราบาว”สร้างกำแพงปิดกั้นทางเดินชาวบ้าน นักเรียน ซัดไม่คำนึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
กรณีนางสมัย โล่ห์ขุนพรหม นางสาวสุณิสา เมืองจันทร์ และนายซาเล็ม อุสตัส (อดีตผู้อำนวยการสำนักคดีและกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการตป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ- ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง เป็นจำเลย ต่อศาลแพ่ง เมื่อ 4 ก.พ.2556 (คดีหมายเลขดำที่ 432/2556) เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการที่จำเลย คือนายยืนยง โอภากุล ได้ก่อสร้างกำแพงปิดกั้นทางเข้าออก อันถือเป็นภารจำยอมที่เจ้าของที่ดินเดิมได้จัดแบ่งไว้ให้แก่โจทก์ และชาวบ้านเข้าออก จนไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้โดยปกติ
ประเด็นหนึ่งในการกล่าวหาคือ ไม่ได้ให้เกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับจำเลยและไม่เคยบอกกล่าวที่จะปิดทาง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุป คำฟ้องคดีนี้ดังนี้
ข้อ 1.โจทก์ทั้งสอง ฟ้องและดำเนินคดีนี้โดยมอบอำนาจให้นายซาเล็ม อุสตัส โจทก์ที่ 3 เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทน
ข้อที่ 2.โจทก์ที่ 1,2 (นางสมัย โล่ห์ขุนพรหม นางสาวสุณิสา เมืองจันทร์) เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 204178 ตำบลหัวหมาก (หัวหมากใต้) อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และโจทย์ที่ 3 คือนายซาเล็ม อุสตัส เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลขที่ 204177 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โดยโจทก์ทั้ง 3 ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลง ซึ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 44463 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิกรุงเทพมหานคร จากนายหร่น มูซอ ราวๆ ปี พ.ศ.2535 โดยนายหร่น มูซอ ได้ทำทางพิพาทขึ้นเพื่อเป็นทางเข้าออกของโจทย์ทั้ง 3 และชาวบ้านตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และเป็นสาธารณูปโภคตกเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร
ต่อมานายหร่น มูซอ ถึงแก่กรรม ศาลจึงมีคำสั่งให้นายอาดำ มูซอ บุตรชาย เป็นผู้จัดการมรดกของนายหร่น และในปี พ.ศ.2550 นายอาดำ ได้ขายโฉนดที่ดินเลขที่ 44463 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ที่พิพาทในคดีให้แก่จำเลย (นายยืนยง โอภากุล) โดยนายยืนยง รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนที่เป็นทางพิพาทโดยทราบอยู่แล้วว่าเป็นทางภารจำยอมหรือทางสาธารณประโยชน์ ที่โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณที่ดินจัดสรรใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยจำเลยเอง ก็ได้ใช้ทางพิพาทดังกล่าวเข้าออกเช่นเดียวกับโจทก์ทั้ง 3 ก่อนที่จำเลย จะซื้อที่ดินพิพาทมา
ต่อมาเดือนมกราคม 2556 จำเลย ได้ก่อสร้างกำแพงปิดกั้นทางภารจำยอมหรือทางสาธารณประโยชน์ดำกล่าว ทำให้โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณที่ดินจัดสรรไม่สามารถใช้ประโยชน์ในทางพิพาทได้ตามปกติ
ข้อ 3 การกระทำดังกล่าวของจำเลยในการก่อกำแพงสูงปิดทางพิพาท เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสาม ทำให้โจทก์ทั้งสามและชาวบ้านที่พักอาศัยในบริเวณที่ดินจัดสรรไม่สามารถใช้ประโยชน์ในทางพิพาทเป็นทางเข้าออกได้โดยปกติ
การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ให้เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกับจำเลย และไม่เคยบอกกล่าวว่าจะปิดทางพิพาทแก่โจทก์ทั้ง 3 และชาวบ้านแต่อย่างใด ทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย
โจทก์ทั้งสามไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง บังคับจำเลยต่อไป
คำขอท้ายคำฟ้อง
เพราะฉะนั้น ขอศาลออกหมายเรียกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
1.ขอให้ศาลเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลย เฉพาะในส่วนที่เป็นทางพิพาทกว้างประมาณ 5 เมตร ยาวตลอดแนวทางภารจำยอม ในที่ดินโฉนดเลขที่ 44463 ตำบลหัวหมากใต้ อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
2.ให้ที่ดินทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสาม หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน
3.ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและสิ่งกีดขวางอื่นใด พร้อมทั้งปรับสภาพทางพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสาม สามารถใช้ทางพิพาทได้ตามปกติโดยค่าใช้จ่ายของจำเลยเอง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์ทั้งสามเข้าดำเนินการแทนได้โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายแก่โจทย์เป็นจำนวน 40,000 บาท
4.ให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าธรรมเนียมแทนโจทย์ในอัตราอย่างสูง
ขณะเดียวกันโจทก์ได้ยื่นคำร้องไต่สวนเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉิน ศาลมีคำพิพากษา
ระบุว่า
โจทก์และชาวบ้านใกล้เคียงเป็นชาวมุสลิม มีความจำเป็นต้องใช้ทางภารจำยอมตามฟ้อง เพื่อเข้าออกไปทำศาสนกิจต่างๆ อยู่เป็นประจำ ประกอบกับชาวบ้านที่ต้องการใช้ทางเพื่อเดินทางเข้าออกไปทำงานและต้องนำลูกหลานจำนวนมากไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนศรีพฤฒา ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ดินแปลงดังกล่าว
โจทก์จึงขอให้ศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ไต่สวนเพื่อคุ้มครองโจทก์ทั้งสี่เป็นการฉุกเฉิน และมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทำการก่อสร้างกำแพงปิดกั้นทางเข้าออก และอนุญาตให้โจทก์ทุบทำลายกำแพงปิดกั้น โดยของให้จำเลยเปิดทางเป็นระยะกว้างประมาณ 4 เมตร และมีความยาวตลอดแนวทางภารจำยอมและห้ามจำเลยเข้าทำการปิดกั้นทางออกตลอดแนวภารจำยอม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษาด้วย
ทั้งนี้ศาลได้ไต่สวนฝ่ายโจทก์เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 และได้นัดไต่สวนจำเลยในวันที่ 18 มีนาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้