กษ.เจรจาทูตสหรัฐฯ แจงแก้ปัญหาใช้แรงงานประมงเด็ก-เพิ่มนำเข้าสินค้าเกษตรไทย
กษ. เจรจาทูตสหรัฐฯ แจงเร่งแก้ปัญหาใช้แรงงานประมงในเด็ก-วอนนำอเมริกานำเข้าผลไม้ไทยเพิ่ม ด้านลุงแซมเสนอนำเข้าเนื้อโค-สุกร รมว.กษ.ยันไม่กีดกันแต่ต้องตามข้อกำหนดสุขอนามัย
วันที่ 4 ก.พ. 56 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมว.กษ.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนางคริสตี้ แอนน์ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยว่า ที่ผ่านมาสหรัฐฯและไทยมีความร่วมมือกันเป็นอย่างดีทั้งในด้านวิชาการและการควบคุมการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดยการหารือร่วมกันในครั้งนี้มีประเด็นสำคัญ คือ ทางสหรัฐฯมีความสนใจให้ไทยพิจารณาการเปิดตลาดเนื้อวัวติดกระดูกและเนื้อวัวทุกชนิดและการนำเข้าเนื้อสุกร โดยในส่วนการเปิดตลาดเนื้อไม่ติดกระดูก ที่ในปัจจุบันสหรัฐฯ ยังไม่สามารถส่งออกเนื้อโคติดกระดูกจากโคทุกช่วงอายุมายังประเทศไทยได้ เนื่องจากการเจรจาเรื่องการตอบตกลงหรือให้เห็นชอบต่อเอกสารรับรองสุขอนามัยสินค้าสำหรับเนื้อโคติดกระดูกตามมาตรฐาน OIE ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะฝ่ายไทยยังมีข้อกังวลในเรื่องเชื้อ BSE ติดอยู่ เนื่องจากเป็นเชื้อที่กรมปศุสัตว์เฝ้าระวังและยังไม่มีการตรวจพบในประเทศไทย
ส่วนประเด็นที่สองที่ทางสหรัฐขอให้ทางไทยพิจารณา คือ การนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ปิดตลาดเนื้อสุกร และไม่ได้กีดกันการนำเข้าเนื้อสุกรจากประเทศสหรัฐฯ แต่เนื้อสุกรหรือชิ้นส่วนสุกรจากสหรัฐฯไม่สามารถเข้ามาประเทศไทยได้ เพราะติดขัดเรื่องของสุขอนามัยสัตว์เนื่องจากการเลี้ยงสุกรในสหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสุกร ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง (พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 และพ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ (ฉบับที่2) พ.ศ.2542) ดังนั้นขณะนี้จึงถือว่าเนื้อสุกรสหรัฐฯ หากนำเข้ามาก็ไม่ผ่านมาตรการสุขอนามัยสัตว์ของประเทศไทย แต่หากสหรัฐฯสามารถดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของประเทศไทยได้ เช่น การตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงด้านโรคระบาดสัตว์ที่สำคัญในสุกรรวมทั้ง ความปลอดภัยทางอาหารของเนื้อสุกรสำหรับผู้บริโภค การตรวจรับรองโรงงานผลิตเนื้อสุกรในสหรัฐฯ การเจรจาเกี่ยวกับเอกสารรับรองสุขอนามัยสินค้าสำหรับเนื้อสุกร ทางกระทรวงเกษตรฯก็จะไม่ขัดข้อง
นายยุคล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โดยฝ่ายไทยได้ขอให้สหรัฐฯพิจารณาอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย เช่น ผลไม้ไทย เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในอนาคต และอีกประเด็นสำคัญ คือ ได้แจ้งกับท่านทูตสหรัฐฯ ประสานงานและชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงข้อมูลที่ถูกต้องว่าประเทศ ไทยไม่ได้มีนโยบายในการใช้แรงงานเด็กในการทำการประมง และจะเร่งดำเนินการขจัดปัญหาแรงงานเด็กให้หมดไป
สำหรับมูลค้าการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯในปี 2555 มี มูลค่าการค้าสินค้าเกษตร (ไม่รวมยางพารา) ระหว่างกัน 160,547 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า ซึ่งไทยส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯเป็นมูลค่า 113,237 ล้านบาท และนำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่า 47,310 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มูลค่า 65,927 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น กุ้งปรุงแต่ง กุ้งขาวแช่แข็ง ปลาทูน่ากระป๋อง ข้าวหอมมะลิไทย สับปะรดปรุงแต่ง เป็นต้น ขณะที่สินค้านำเข้าจากสหรัฐ ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี และอาหารสัตว์ เป็นต้น
ที่มาภาพ ::: http://www.dld.go.th