มีโรงเลี้ยงแพะเป็นบ้าน...ชีวิตของเหยื่อไฟใต้ "คอมเสาะ อาแว" และลูกๆ 9 คน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโรงเลี้ยงแพะขนาดใหญ่ในสวนยางพาราตรงข้ามกับมัสยิดดารุลตักวา หมู่ 7 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี คือบ้านของ คอมเสาะ อาแว มุสลิมมะฮ์วัย 43 ปี กับลูกๆ อีก 9 คน
ทั้ง 10 ชีวิตอาศัยอยู่ในโรงเรือนแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2553 หลังจากสามีของคอมเสาะ คือ รุสลี มะลี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ถูกยิงเสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบ
โรงเลี้ยงแพะหลังนี้ตั้งอยู่ในสวนยางพาราซึ่งเป็นที่ดินของอดีตผู้ใหญ่บ้านที่อนุญาตให้คอมเสาะและลูกๆ พักอาศัย โดยปรับปรุงเป็นห้อง 1 ห้องใช้หลับนอนและทำกิจกรรมทุกอย่าง ขณะที่ด้านหน้าใช้วางข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น
ก่อนหน้าที่สามีของเธอจะเสียชีวิต เธออาศัยอยู่ที่บ้านของสามีอย่างสุขสบายตามอัตภาพ แต่เมื่อสามีต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และลูกๆ ไม่อยากไปอยู่ที่บ้านปู่กับย่าเพราะครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งไม่อยากกลับไปบ้านเดิมของเธอซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งด้วยเหตุผลเดียวกัน ที่ทางที่อื่นก็ไม่มี เธอจึงตัดสินใจไปขอใช้พื้นที่โรงเลี้ยงแพะเก่าจากอดีตผู้ใหญ่บ้านใจดีเพื่อทำเป็นบ้านของเธอและลูกๆ ซึ่งเขาก็อนุญาตโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไร
"เขาให้อยู่ฟรีมานานแล้ว เกรงใจเขามากเหมือนกัน ชาวบ้านชอบมาถามว่าทำไมไม่สร้างบ้าน ใครๆ ก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ฉันไม่มีเงินพอที่จะสร้างบ้านได้ เงินเยียวยาที่ได้มาส่วนหนึ่งจากที่สามีเสียชีวิตก็เอาไปเช่าสวนยางเขา 7 ไร่เพื่อจะได้กรีดยางเองและมีรายได้ทุกวัน เพราะเรามีลูกต้องดูแลหลายคน อีกส่วนหนึ่งก็เอาไปซื้อที่ดินเปล่า กว้างสัก 6 เมตร ยาว 10 กว่าเมตรตรงปากทางเข้าโรงเลี้ยงแพะนี้ อยากมีบ้านเล็กๆ แต่ไม่มีเงินสร้าง เพราะรายได้มีแค่เงินจากการกรีดยางและเป็นลูกจ้างในโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาทของทางราชการเท่านั้น ซึ่งฉันต้องไปเข้าเวรขายอาหารที่ร้านอาหารสวัสดิการที่อำเภออาทิตย์ละ 1 วัน ทำให้ฉันมีรายได้แค่พอกินไปวันๆ ไม่มีเหลือเก็บ"
คอมเสาะ เล่าว่า รายรับของเธอมาจากการกรีดยางวันละ 300 กว่าบาท แต่ถ้าวันไหนฝนตกก็ไม่มีรายได้ เพราะกรีดยางไม่ได้ ส่วนการทำงานในโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาท เธอได้ทำมาปีกว่าๆ และเป็นสัญญาปีต่อปี จึงไม่มีความแน่นอน
รายได้ที่มีทั้งหมดก็นำมาเลี้ยงดูลูก โดยลูกคนโตอายุ 21 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ คนที่ 2 อายุ 18 ปี ทำงานร้านอาหารในมาเลเซีย คนที่ 3 อายุ 16 ปีเรียนโรงเรียนปอเนาะ คนที่ 4 เรียนโรงเรียนมัธยม คนที่ 5 เรียนโรงเรียนปอเนาะ คนที่ 6 ถึงคนที่ 8 เรียนชั้นประถม และคนสุดท้องเรียนชั้นอนุบาล ปัจจุบันมีลูกๆ ที่กินอยู่หลับนอนกับเธอทุกวันวันละ 5 คน ส่วนอีก 4 คนไปพักตามสถาบันที่ไปเรียน
ลูกๆ ของคอมเสาะแม้ได้รับทุนการศึกษาจากการเยียวยากรณีบิดาเสียชีวิต แต่ก็ไม่เพียงพอ และกระท่อนกระแท่นเต็มที เช่น คนโตได้รับเงินเดือนละ 2,500 บาทจากศูนย์เยียวยาจังหวัด พร้อมเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา แต่เธอก็ต้องส่งให้อีกเดือนละ 1,500 บาท ส่วนคนที่เรียนโรงเรียนปอเนาะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือใดๆ คนที่เรียนชั้นอื่นๆ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่แน่นอน เธอจึงอยากให้มีความแน่นอนในเรื่องการเยียวยาเรื่องการศึกษาของลูกๆ และอาชีพการงานของเธอ เพื่อจะได้มีรายรับที่ชัดเจนไว้ใช้จ่ายในเรื่องจำเป็น
การเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 9 คนโดยลำพังเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสทีเดียวสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอ เพราะไม่มีใครช่วยเหลือนอกจากเงินเยียวยาที่ได้มา ญาติฝ่ายสามีก็ไม่ได้ช่วยอะไรทั้งที่บ้านอยู่ใกล้กัน แต่สิ่งที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือลูกๆ และศาสนา
"เวลาเหนื่อยหรือท้อมากๆ ฉันนึกถึงอัลลอฮ์เสมอ พระองค์ไม่ทอดทิ้งเรา ช่วยเราตลอด ฉันยอมเหนื่อย ยอมอดทนเพื่อลูก ขณะที่ลูกก็เป็นกำลังใจที่ดีทำให้เราสู้ต่อ เขาไม่เกเร เชื่อฟัง ทำให้ฉันสบายใจแม้จะยากจน"
คอมเสาะ เล่าถึงความฝันของเธอว่า ถ้ามีทุนอยากเลี้ยงปลาทับทิมในกระชัง เพราะเมื่อก่อนเคยเลี้ยง 2 กระชังในคลองข้างบ้าน แต่ตอนนี้ต้องหยุดเพราะค่าอาหารปลาแพงมาก อีกอย่างที่อยากทำคือเปิดร้านขายอาหารปากทางเข้าบ้านเพื่อเป็นรายได้เสริมหลังจากกรีดยางเสร็จในแต่ละวันแล้ว ทว่าทั้ง 2 ความฝันยังทำให้เป็นจริงไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้ทุน และนั่นจึงยิ่งทำให้ฝันใหญ่ที่สุดของเธอ คือการมีบ้านเป็นของตัวเองขณะที่ยังมีลมหายใจ ต้องห่างไกลออกไปทุกที...
"อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แม้จะเล็กแต่ก็ยังเป็นของเรา" เธอบอก
ชีวิตของ คอมเสาะ อาแว และลูกๆ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของผู้สูญเสียจากสถานการณ์ไฟใต้ เป็นชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อลูกๆ หลังต้องสูญเสียสามีไป
โศกนาฏกรรมชีวิตอย่าง คอมเสาะ อาแว จะมีมากขึ้นทุกวันหากความรุนแรง ณ ดินแดนปลายด้ามขวานยังไม่ยุติลง...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 คอมเสาะ กับโรงเลี้ยงแพะขนาดใหญ่ที่นำมาปรับเป็นบ้านสำหรับตัวเธอและลูกๆ 9 คน (ภาพโดย เลขา เกลี้ยงเกลา)