ศึกชิงกรรมสิทธิ์ “เกาะทราย” บนความเหลื่อมล้ำ “ชาวบ้าน กับ นายทุน”
“ชาวบ้านส่วนใหญ่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ที่ดินเคยรับปากว่าจะเร่งดำเนินการให้ แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น"

“บ้านเกาะทราย” หรือ”ชุมชนเกาะทราย” ในเขตเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในอดีตเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีประชากรอาศัยอยู่ไม่มากมีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำสาย
แต่หลังจากจำนวนประชากรเริ่มหนาแน่น พร้อมการขยายตัวของเมือง
พื้นที่สาธารณะหลายจุด ได้ถูกรุกคืบจากนายทุน จนทำให้เกิดข้อพาทระหว่างชาวบ้านและนายทุน หลังจากราษฎรหมู่ที่ 2,7,10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย (ชุมชนเกาะทราย) ได้ร้องขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน(โฉนดที่ดิน) ต่อคณะกรรมาธิการปกครองสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2548 และมีการชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเรียกร้องให้ราชการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณดังกล่าวให้กับกลุ่มชาวบ้าน
มีการยืนยันข้อมูลว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในขณะนั้น ได้จัดให้มีการประชุมแก้ไขปัญหาทีดินทำกิน ขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย ในที่ประชุมรัฐมนตรีฯได้สั่งการให้อำเภอแม่สาย ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่สาธารณประโยชน์ “ชุมชนเกาะทราย” เพื่อให้มีการเพิกถอนที่สาธารณะแปลงนี้ และจะนำกรณีเพิกถอนที่ดินสาธารณะดังกล่าวเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ
หลังจากนายธวัชชัย อภิวงศ์ (อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย) ได้เข้าร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่ดิน โดยยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามหนังสือจังหวัดเชียงราย ด่วนที่สุด ที่ ชร 0016.5/1625 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 ว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากราษฎรอ้างว่าครอบครองที่ดินมานานหลายสิบปี โดยไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ แต่ที่ดินบริเวณเดียวกันได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับกลุ่มนายทุนท้องถิ่นแล้ว

@@ เปิดปมปัญหาเอกสารสิทธิ์ชุมชนเกาะทราย
จากการตรวจสอบพบว่า มีหนังสือจากอำเภอแม่สายแสดงความประสงค์ขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวเพื่อนำไปจัดให้ประ ชาชนอยู่อาศัยทำกินตามมาตรา8(2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 แล้ว กรมที่ดินแจ้งว่าไม่สามารถนำที่ดินที่ถอนสภาพแล้วไปดำเนินการจัดให้ประชาชนได้เนื่องจากนโยบายของรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2525 กำหนดนโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดินของรัฐ ว่าด้วยการจัดการที่ดินของรัฐให้ดำเนินการตามกระบวนการของการปฎิรูปที่ดินเท่านั้นและไม่สามารถนำที่ดินที่ถอนสภาพแล้วไปจัดหาผลประโยชน์ตาม มาตรา 10,11 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้
เนื่องจากคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติวางกรอบนโยบายไว้ว่าที่ดินสาธารณะที่มีการบุกรุกหากถอนสภาพจะไม่ให้กรรมสิทธิ์แก่ผู้บุกรุกครอบครองแต่จะจัดให้เช่าแทนด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงยังมิได้ถอนสภาพที่สาธารณ ประโยชน์แต่อย่างใด
จากการตรวจสอบทะเบียนที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินพบว่า ที่สาธารณประโยชน์เกาะทรายได้ขึ้นทะเบียนเป็นแปลงที่ 1 ชื่อที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เกาะทราย มีอาณาเขตติดต่อด้านทิศเหนือจดลำน้ำสาย 170 วา ด้านทิศใต้จดบ้านราษฎร 100 วา ด้านทิศตะวันออกจดบ้านนายปัญญาฯ 200 วา และด้านทิศตะวันตก จดที่มีการครอบครอง 200 วา
โดยมีนายสัมฤทธิ์ ศักดิ์สูง(กำนัน)เป็นผู้ประกาศหวงห้ามไว้เมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยเก็บสงวนไว้เลี้ยงสัตว์ โดยที่ดินมีสภาพเป็นที่งอกริมตลิ่งลำน้ำแม่สายเปลี่ยนทางเดินและเป็นเกาะทราย ได้มาโดยมีการตื้นเขินและเป็นที่งอกริมตลิ่งต่อจากผืนแผ่นดินไทยมีเนื้อที่ประมาณ 67 ไร่ 2 งาน ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงจึ่งไม่ทราบแนวเขตที่แน่นอน
การบุกรุกของราษฎรได้เข้าอยู่อาศัยตั้งแต่ปี พ.ศ.2480 สภาพปัจจุบันมีราษฎรบุกรุกเข้าอยู่อาศัยอย่างถาวรเต็มพื้นที่ เป็นชุมชนหนาแน่นและจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช 2457 ที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวไม่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งจังหวัดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าว ราษฎรไม่สามารถเข้าไปใช้ร่วมกันได้อีกต่อไป เพราะมีการบุกรุกและได้จัดตั้งเป็นหมู่บ้านไปแล้ว ย่อมไม่อาจกลับไปใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ได้อีก
จึงแจ้งความประสงค์ขอถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงดังกล่าวพร้อมทั้งส่งเรื่องราวให้กรมที่ดินพิจารณา
ต่อมากรมที่ดินได้มีหนังสือ ที่ 0511.3/4917 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 แจ้งผลการพิจารณาว่า การถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ เพื่อนำไปให้แก่ประชาชนตามนัยหนังสือกรมที่ดินดังกล่าวเป็นเพียงหลักเกณฑ์และวิธีการในการถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ เพื่อนำไปจัดให้แก่ประชาชนตามมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้น
ส่วนการจะนำที่ดินที่ถอนสภาพแล้วไปดำเนินการจัดให้ประชาชนได้หรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของรัฐเป็นสำคัญ ขณะนี้ได้มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดนโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดินของรัฐ ว่าด้วยการจัดการที่ดินของรัฐให้ดำเนินการตามกระบวนการของการปฎิรูปที่ดินเท่านั้น
จากแนวนโยบายดังกล่าวกรมที่ดินจึงไม่สามารถนำที่ของรัฐไปจัดให้ประชาชนตามกรอบแนวทางที่จังหวัดเสนอแนะได้ ส่วนการนำที่ดินที่ถอนสภาพแล้วไปจัดหาผลประโยชน์ตามมาตรา 10,11 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยการขายหรือให้เช่าซื้อ ซึ่งสามารถออกเอกสารสิทธิให้ผู้ซื้อหรือผู้เช่าได้นั้น ขณะนี้แนวทางดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากได้มีมติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ หากถอนสภาพจะไม่ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ผู้บุกรุกครอบครองแต่จะจัดให้เช่าแทน

ต่อมาจังหวัดเชียงราย ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันบุกรุกที่ดินของรัฐ(กบร.)จังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 2/2553 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและสอบสวนประวัติความเป็นมาของที่ดินสาธารณประโยชน์เกาะทราย และที่ดินที่ราษฎรเข้าครอบครองและทำประโยชน์หากผลการตรวจสอบปรากฏว่า ที่ดินดังกล่าวได้สงวนหวงห้ามโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และราษฎรได้เข้าครอบครองมาก่อนเป็นที่สาธารณประโยชน์ย่อมมีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน
หากเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์จริงก็ให้พิจารณาช่วยเหลืออนุญาตให้ราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ให้ถูกต้อง
สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย สาขาแม่สาย พิจารณาแล้วเห็นว่า จากรูปแผนที่ถอนสภาพที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่ 100 ไร่เศษ เมื่อเปรียบเทียบกับทะเบียนที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งระบุไว้เพียง 49 ไร่ ซึ่งแตกต่างกันมาก เชื่อว่าแนวเขตที่สาธารณประโยชน์ซึ่งอำเภอแม่สายขอถอนสภาพน่าจะคาดเคลื่อน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแนวเขตที่สาธารณประโยชน์เกาะทราย ที่ชัดเจนถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและผลประโยชน์ของราษฎร จึงเสนอความเห็นให้จังหวัดตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณประโยชน์(เกาะทราย)ให้ถูกต้องชัดเจนอีกครั้ง
คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วเห็นว่าแผนที่ที่ขอถอนสภาพดังกล่าวรวมเอาที่ดินนอกจากทะเบียนที่สาธารณประโยชน์เข้ามารวมด้วย จึงกำหนดที่ดินทีถอนสภาพออกเป็น ๒ส่วน
(๑) ส่วนที่1 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของนายปัญญาฯซึ่งตรงกับทะเบียนที่สาธารณประโยชน์ มีเนื้อที่ประมาณ 57-0-00 ไร่ โดยครอบคลุมพื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 10 ตำบลแม่สายบางส่วน
(๒) ส่วนที่2 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของนายปัญญาฯ เป็นที่ดินที่ไม่อยู่ในทะเบียนที่สาธารณประโยชน์เกาะทราย มีเนื้อที่ประมาณ 44-0-00 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ หมู่2 และหมู่ที่10 ตำบลแม่สายบางส่วน
จากการสอบสวนของผู้สูงอายุและผู้ปกครองท้องที่ ตลอดจนการจัดทำประชาคมราษฎรในพื้นที่แล้วยืนยันว่าไม่เคยใช้หรือเห็นผู้หนึ่งผู้ใดใช้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่เลี้ยงสัตว์มาก่อน และจากการตรวจสอบจากทะเบียนในช่องการใช้ประโยชน์ได้ระบุว่า เก็บสงวนไว้เลี้ยงสัตว์ เมื่อปี พ.ศ. 2490 จึงไม่สามารถยืนยันว่าได้มีการใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์อยู่ก่อนหรือไม่ แต่จากการสงวนหวงห้าม เมื่อปี พ.ศ. 2490 ดังกล่าว อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติหวงห้ามที่รกร้างว่างเปล่า อันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 ใช้บังคับ โดยมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติฯดังกล่าว กำหนดว่า การหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าให้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา และประกาศในราชกิจานุเบกษา แต่ไม่พบว่าได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด

@@ ชาวบ้านสงสัยอยู่มานานแต่นายทุนได้โฉนด
นายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัดอำเภออำเภอแม่สาย ระบุว่าเคยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเคยมีการรับปากมาแล้วหลายครั้ง แต่ปัญหายังคงยืดเยื้อโดยเฉพาะการที่ในพื้นที่มีทั้งผู้ที่ได้รับเอกสารสิทธิ์ที่ดินและไม่ได้รับ โดยกลุ่มที่ได้รับเป็นเอกชนรายใหญ่ๆ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ปะปนกันกลับไม่ได้รับและกลายเป็นอาศัยอยู่บนที่ดินสาธารณะติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว แกนนำชาวบ้านได้มีการกล่าวปราศรัยโจมตีการทำงานของภาคราชการ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะนาย อำเภอแม่สาย และที่ดินอำเภอแม่สาย ออกมารับหนังสือข้อเรียกร้อง แต่เนื่องจากบุคคลทั้งสองติดราชการ จึงมอบหมายให้นายภูดิส เนตรสุวรรณ์ ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบงานศูนย์ดำรงธรรม เป็นตัวแทนนายอำเภอมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งนายภูดิศ รับปากว่าจะนำเรื่องทั้งหมดเสนอต่อผู้รับผิดชอบโดยเร็วทำให้ผู้ชุมนุมสลายตัว
จากการชี้แจงของนายชวลิต สามห้วย ที่ดินอำเภอแม่สาย ว่าที่ดินสาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านร้องขอออกเอกสารสิทธิ์นั้นยังดำเนินการใดๆให้ไม่ได้เพราะมีภาพถ่ายบงบอกเป็นที่สาธารณประโยชน์และขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประโยชน์ไว้อย่างขัดเจน จึงแตกต่างจากที่ดินของกลุ่มนายทุนท้องถิ่นที่สร้างอาคารพาณิชย์และได้ยื่นขอเอกสารสิทธิ์นั้นเป็นพื้นที่งอกคร่อมบนทางน้ำสายที่ตื้นเขินเนื่องจากน้ำสายได้เปลี่ยนทิศทางและไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์ไว้ ทางที่ดินอำเภอแม่สายจึงสามารถดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่เจ้าของที่ดินได้ถึงแม้ที่ดินของชาวบ้านและของกลุ่มนายทุนท้องถิ่นจะอยู่ติดกันก็ตาม
“ปี 2539 ครอบครองที่ดินอาศัยอยู่กินที่ชายแดนประมาณ 200 ไร่ มาได้นานกว่า 70 ปีแล้วโดยผู้ที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเป็นคนรุ่นลูกหลานแต่ปรากฏว่าในปัจจุบันมีเพียงเอกชนจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับเอกสารสิทธิ์ปะปนกับชาวบ้านประมาณ 18 ไร่ ขณะที่ที่ดินส่วนใหญ่ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ร่วม 700 หลังคาเรือน ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนบ้านเกาะทราย ไม้ลุงขน บ้านเหมืองแดง ฯลฯ กลับยังไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านเกิดข้อสงสัยและเรียกร้องกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2539”ที่ดินอำเภอแม่สายชี้แจง
ขณะที่นางบัวเรียว ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล ตัวแทนชาวบ้านที่ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่ในชุมชนเกาะทราย เล่าว่า "ได้อาศัยอยู่บนพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ และปัจจุบันครอบครัวมีที่ดินทำกินเพียง1 งาน 50 ตารางวาเท่านั้น แม้ที่ผ่านมาจะเคยร้องขอให้ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงรายสาขาแม่สายมาตรวจสอบแนวเขตเพื่อขอออกเอกสารสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2539 แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิน คำตอบที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ระบุเพียงว่า “ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ”
“ชาวบ้านส่วนใหญ่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ที่ดินเคยรับปากว่าจะเร่งดำเนินการให้ แต่จนถึงขณะนี้ไม่มีความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น ทำให้สงสัยว่าทำไมที่ดินออกโฉนดได้เฉพาะนายทุนรายใหญ่หรือเป็นเอกชน ส่วนชาวบ้านกับไม่ได้และกลายเป็นอาศัยอยู่บนที่ดินสาธารณะติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้ว”ชาวบ้านให้ข้อมูล
---------------
หมายเหตุ :ข่าวและสารคดีเชิงข่าวในโครงการ "พัฒนาทักษะทางวิชาชีพให้แก่บุคลากรในวิชาชีพสื่อมวลชน" โดยการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
