เมื่อ “สุขุมพันธุ์-พงศพัศ” เกือบจะไม่ได้เป็นผู้สมัคร ???
ก่อนจะถึงวันที่ 21 ม.ค. ที่มีการเปิดรับสมัครผู้เสนอตัวชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการ กทม. โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การจับสลาก “หมายเลข” ที่จะถือเป็นวันเริ่มต้นหาเสียงอย่างเป็นทางการ มีเรื่องที่ควรรับรู้เอาไว้ว่า ...

ทั้ง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” กับ “พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ” เกือบจะไม่ได้เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามลำดับ อยู่แล้ว !
กรณี หม่อมสุขุมพันธุ์ เหตุเพราะแกนนำ ปชป.มองว่ามีจุดอ่อนหลายอย่าง ทั้งสไตล์การทำงานที่ไม่เข้าขากับคนในพรรค รูปรอยการใช้ชีวิตที่คนทั่วไปรู้สึกว่าเข้าถึงยาก รวมถึงมี “แผล” จากการทำงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบไปโจมตีอยู่ไม่น้อย
ช่วงหนึ่ง ปชป.เคยดอดไปเซอร์เวย์ความเห็นคน กทม.แล้วต้องเสียวสันหลังวาบ เมื่อผลออกมาปรากฏว่า หากฝ่ายตรงข้ามส่ง “คุณหญิง” ลงสมัคร ...ก็มีโอกาสสูงที่ “คุณชาย” จะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ !
ไม่แปลกที่ ปชป.จะเริ่มต้นกระบวนการสรรหาผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. โดยเปิดโอกาสให้คนนั้น-คนนี้เข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ ทั้งๆ ที่ตามธรรมเนียมปกติของพรรคเก่าแก่แห่งนี้ จะให้สิทธิผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้ลงป้องกันแชมป์ชนิดแทบจะอัตโนมัติ
โดยระหว่างนั้นก็มีการโยนหินถามทางออกมาหลายชื่อ ทั้ง “กรณ์ จาติกวณิช” อดีต รมว.คลัง “ธีระชน มโนมัยพิบูลย์” รองผู้ว่าฯกทม. ฯลฯ แต่เป็นที่รับรู้กันภายในว่า บิ๊ก ปชป.ได้วางตัว “ชายคนหนึ่ง” ไว้เป็นตัวตายตัวแทน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้ว
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์อลหม่าน ในการเลือกตั้ง “ประธานสภา กทม.” ปลายปีที่แล้ว ที่ ส.ก.ค่าย ปชป.หักกันเองในการผลักดันผู้เหมาะสมคนละคน แล้วปรากฏว่า แกนนำ ปชป.รายนั้น ไม่สามารถเคลียร์ให้เหตุการณ์ยุติได้ ถึงขั้นมีการ “ปิดโทรศัพท์หนี”
เป็นสาเหตุสำคัญที่ให้ชายคนดังกล่าว รู้สึก “ถอดใจ” เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถคอนโทรลได้ กระทั่งคนในพรรคด้วยกันเอง...
ท้ายที่สุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จึงได้กลับมาป้องกันตำแหน่งอีกครั้ง โดยว่ากันว่า ข้อได้เปรียบสำคัญของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็คือเรื่องของ “ทุน” ที่สามารถอาศัยคอนเน็กชั่นเก่าแก่ระดมมาช่วย ในแคมเปญรณรงค์หาเสียง “รักกทม.ร่วมกันสร้าง กทม.” ได้
กลับกันค่าย พท. ผู้สมัครที่ถูกวางตัวไว้แต่แรก มีชื่อว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รมช.คมนาคมในเวลานั้น บุรุษที่ทำงานเข้าตาที่สุดใน ครม.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แต่ปรากฏว่า รัฐมนตรีมือใหม่รายนี้ได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากไม่เคยทำการเมืองในเมืองหลวงของประเทศไทยมาก่อน ที่สำคัญคือ “คุณแม่ขอร้องไม่ให้ลง”
แต่แม้ “เต็ง 1” จะบอกปัดข้อเสนอที่ผู้นำหญิงถึงกับออกปากชวนด้วยตัวเอง คู่แข่งสำคัญของ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ยังมีอยู่ แถมเป็นคนที่มีบารมีในเขต กทม.สูง กระทั่งหลายๆ คนเรียกขานว่าเป็น “เจ้าแม่”
อย่างไรก็ตาม วีรกรรมที่เธอทำไว้ครั้งน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ที่เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการสั่งการแทนผู้มีอำนาจในหลายๆ เรื่อง กระทั่งผู้ที่นั่งหัวโต๊ะทนไม่ไหว ต้องกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “คุณหญิง... ดิฉันเป็นนายกฯ นะคะ” ก็เป็นรอยร้าวที่ยากจะประสานได้ ขนาดเจ้าตัวบินไปเกลี้ยกล่อมผู้มีบารมีเหนือรัฐบาลถึงเกาะฮ่องกงก็ยังไม่สำเร็จ !
ที่สุดตัวเลือกรองอย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ นายตำรวจนักพีอาร์ จึงถูกเลือกเข้าชิงชัย พร้อมชูสโลแกน “สร้างอนาคตร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ”
อย่างไรก็ตาม แม้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กับ พล.ต.อ.พงศพัศ จะไม่ใช่คนที่ “ใช่” ที่สุด มาตั้งแต่ต้น แต่ด้วย “เดิมพัน” อันสูงยิ่งของการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่นอกจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.2556 ยังจะถูกนำไปใช้แปรเป็น “ความชอบธรรม” การดำเนินการทางการเมือง ทั้งในอดีตและอนาคต ไม่ว่า ปชป.หรือ พท. ฝ่ายไหนจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม ในลักษณะ ขนาดคนเมืองหลวงยังเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำเลย...
ทำให้ศึกครั้งนี้ยังน่าจะทวีความเข้มข้น ในระดับที่ไม่ห่างจากคำว่า “ช้างชนช้าง” มาก-น้อยสักเท่าไร !!!
