แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องสมาชิกทั่วโลกกดดันรัฐไทยปล่อยตัวนักโทษทางความคิดคดีหมิ่นฯ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (Amnesty International : AI) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้สมาชิกที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 3 ล้านคนใน 150 ประเทศ เขียนจดหมายถึงรัฐบาลไทยเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักโทษคดีหมิ่น มาตรา 112 ซึ่งทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่าเป็นนักโทษทางความคิด (prisoner of conscience) ผู้ซึ่งใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบ
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมแรงงานและบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ เป็นนักโทษทางความคิด (prisoner of conscience) เขาถูกจับกุมในวันที่ 30 เมษายน 2554 หลังจากเริ่มรณรงค์รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาได้ไม่นาน เขาถูกสั่งฟ้องและไต่สวนคดีตามความผิดมาตรา 112 ซึ่งห้ามการพูดหรือการกระทำใดๆ ที่มีลักษณะ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปีสำหรับแต่ละข้อหา ที่ผ่านมาทางการไทยปฏิเสธไม่ยอมให้เขาประกันตัวหลายครั้ง
ในเดือนพฤษภาคม 2555 การไต่สวนคดีของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุขสิ้นสุดลง แต่ยังอยู่ระหว่างรอคำตัดสินซึ่ ง ศาลได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษามาแล้วสามครั้ง ครั้งล่าสุดเลื่อนจากวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ไปเป็น 23 มกราคม 2556
นับแต่ปี 2549 ทางการไทยได้ใช้มาตรา 112 มากขึ้นเพื่อปราบปรามการแสดงความเห็นอย่างสงบ กฎหมายมาตรา 112 ละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เป็นการห้ามใช้สิทธินอกเหนือจากกรณียกเว้นที่มีการระบุไว้ ประเทศไทยเป็นภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) และมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก
ดังนั้นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงรียกร้องให้สมาชิกจากทั่วโลกเขียนจดหมายถึงรัฐบาลไทย โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
· แสดงความกังวลว่านายสมยศ พฤกษาเกษมสุขได้ถูกควบคุมตัวจากการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบ
· เรียกร้องให้ยกเลิกข้อกล่าวหาต่อเขา และให้มีการปล่อยตัวเขาทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข
· เรียกร้องให้มีการเยียวยาชดเชยเขาจากการถูกจองจำเป็นเวลาหลายเดือน และให้ทางการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 112 ให้สอดคล้องกับพันธกรณีของไทยที่มีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และให้พักการใช้กฎหมายข้อนี้จนกว่าจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในลักษณะดังกล่าว
โดยระบุให้ส่งจดหมายถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส่งสำเนาจดหมายถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้วย
# นิยาม “นักโทษทางความคิด” (prisoner of conscience) ในความหมายของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หมายถึง
· บุคคลที่ถูกคุมขังหรือถูกจำกัดเสรีภาพทางร่างกายเพียงเพราะการแสดงความคิด และหรือเชื่อทางการเมือง ศาสนา ของตนที่ต่าง หรือเพียงเพราะชาติพันธุ์ เพศ สีผิว ภาษา ความเป็นมาด้านชาติหรือสังคม สถานะทางเศรษฐกิจ ชาติกำเนิด อัตลักษณ์ทางเพศ หรือสถานะอื่น ๆ โดยไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือสนับสนุนความรุนแรงหรือความเกลียดชัง พวกเขาถูกควบคุมตัวเพียงเพราะความเชื่อของตนเองหรือเพียงเพราะอัตลักษณ์ของตนเอง ไม่ใช่เป็นเพราะอาชญากรรมที่ก่อขึ้น
· แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยืนยันว่าต้องมีการปล่อยตัวนักโทษทางความคิดทั้งหมดโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข
· ตามกฎบัตรระหว่างประเทศ รัฐบาลไม่มีสิทธิควบคุมตัวบุคคลเหล่านี้
· นักโทษทางความคิดบางคนปฏิบัติการต่อต้านโดยตรงกับระบบของรัฐบาล แต่คนอื่น ๆ ที่ทำตามกรอบกฎหมายของระบบการเมืองในประเทศและถูกคุมขังก็มีอยู่บ้าง
บุคคลอาจกลายเป็นนักโทษทางความคิดด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน เช่น
o มีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสันติ เช่น เข้าร่วมในการพัฒนาชุมชน
o เป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยที่พยายามเรียกร้องอำนาจการปกครองตนเอง
o ยืนยันที่จะปฏิบัติตามหลักศาสนาของตน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ
o เข้าร่วมในกิจกรรมของสหภาพแรงงาน เช่นการนัดประท้วงหยุดงานหรือการเดินขบวน
o ถูกจับกุมเพียงเพราะความผิดที่กระทำ ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่พวกเขากระทำเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของรัฐ
o เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์เพื่อเปิดโปงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศตนเอง
o ปฏิเสธไม่ยอมเกณฑ์ทหารด้วยเหตุผลด้านมโนธรรมสำนึก (โปรดดูการขัดขืนตามมโนธรรมสำนึก (Conscientious objection))
o ต่อต้านการใช้ภาษาที่เป็นทางการของประเทศ
o เหตุผลเพราะว่าไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบางแห่ง
o เพราะว่ามีญาติที่เป็นฝ่ายค้านคนสำคัญของรัฐบาล
o มีการควบคุมตัวผู้หญิงด้วยเหตุผลเพียงเพราะเพศอย่างเดียว (เช่นกรณีของกลุ่มฏอลีบันในอัฟกานิสถาน)
o เพียงเพราะอัตลักษณ์ทางเพศทั้งที่เป็นจริงหรือในความคิดของคนอื่น หรือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน
· การตัดสินว่านักโทษคนใดเข้าข่ายเป็นนักโทษทางความคิดต้องใช้การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ที่สำนักเลขาธิการระหว่างประเทศ (International Secretariat- IS) เป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจดังกล่าว โดยพึ่งพาข้อมูลที่ได้จากหลายแหล่ง
