“เฉลิม”แจงพบเพื่อนรักในมาเลฯจิบไวน์ไป8ขวด
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปพบ นายราจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อหาทางแก้ปัญหาเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่า รู้สึกดีใจที่นายราจิบ ให้เวลาในการพูดคุยมากกว่าที่ได้ประสานงานไว้เป็นเวลากว่า 1.05 นาที จากนั้นได้พูดคุยกับรองนายกฯ และ รมต.ศึกษา เป็นเวลากว่า 40 นาที รวมถึงได้พูดคุย กับ รมว.มหาดไทย พร้อมแถลงข่าวด้วยตัวท่านเอง และมีเนื้อหาที่ดีมาก นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ลงลึกในรายละเอียด และต้องรอให้กระทรวงการต่างประเทศสรุป เพื่อให้เสนอต่อ สภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ถือว่าบรรยากาศดี
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับผู้ประกอบการร้านอาหารต้มยำกุ้ง กว่า 100 คน รวมทั้งได้ไปโรงเรียนที่เยาวชนไทยได้เรียนหนังสือ พร้อมอธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เยาวชนไทยจำนวน 90 คนได้รับฟังเพื่อให้นำไปชี้แจงกับผู้ปกครอง และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานในหลายด้านเพื่อประกอบการแก้ปัญหาในพื้นที่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนอยู่ระหว่างรอการยืนยันการเข้าพบ ดร.มหาเธร์ บิน มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพราะรัฐบาลมาเลเซีย มอบหมายให้ ดร.มหาเธร์ เป็นผู้พัฒนาเศรษฐกิจชายแทนของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ มีร้านอาหารไทยว่า 6,500 แห่งในมาเลเซีย และมีคนงานกว่า 150,000 คน แต่มีการขึ้นทะเบียนเพียง 6,900 คน เพราะเขาอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนได้เฉพาะ พ่อครัวและผู้ช่วยพ่อครัวเท่านั้น พนักงานพนักงานเสิร์ฟ ไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียน และการอนุญาตมีค่าทำเนียมที่สูง จึงพยายามเจรจาให้มีการขึ้นทะเบียนเด็กเสิร์ฟด้วย เพราะจะทำให้สามารถทำงานมีรายได้ เพื่อส่งกลับบ้าน ใครจะชักชวนทำอะไรในทางที่ไม่มีเขาจะไม่ทำ และหากทำสำเร็จผลประโยชน์จะเกิดกับประเทศ
ทั้งนี้หากมาเลเซียอนุญาตให้พนักงานเสิร์ฟขึ้นทะเบียนและเสียค่าทำเนียมในราคาต่ำ เขาจะมีงานทำและจะสามารถแก้ปัญหาได้ และเมื่อพูดคุยกับ ดร.มหาเธร์ แล้วจะเตรียมตัวเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นไม่สามารถบอกได้
เมื่อถามถึงสิ่งที่จะดำเนินการหลังจากพูดคุยครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่างน้อยได้พูดคุยถึงปัญหาเหมือนที่ได้พูดไว้ตั้งแต่แรกว่าปัญหานี้แก้ข้างในไม่ได้ต้องแก้ที่อื่น ส่วนจะเจอแกนนำผู้ก่อการหรือไม่นั้นไม่สามารถบอกได้ และเราพูดเขาไม่เชื่อต้องหาคนที่เขาเชื่อไปพูดและคนๆนั้นต้องเป็นพวกของถึงจะแก้ปัญหาได้ ส่วนการพูดคุยต้องเป็นทางลับ และจะเปิดเผยได้ต่อเมื่องานจบแล้ว ในเรื่องนี้ผู้ร่วมคณะกับตนเป็นผู้ดำเนินการเนื่องจากตนทำงานเป็นทีม และมั่นใจว่าเดินทางมาถูกจุดแล้ว ส่วนบทบาทของกรรมการชายแดงของสองประเทศนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของตน
เมื่อถามว่าหลังจากไปพูดคุยกับทางมาเลเซียแล้วการแก้ปัญหาจะเป็นรูปธรรมชัดเจนหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องขอเวลาอีกนิดให้ได้ไปพบ ดร.มหาเธร์ ก่อนอาจจะเป็นที่ จ.สตูล หรือ เกาะลังกาวี
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงภาพที่หลุดมาระหว่างการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ว่า มีเพื่อนอยู่ในประเทศ มาเลเซีย สิงคโปร์ และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นผู้ช่วยตอนลี้ภัย เป็นเพื่อนรักกันจะเจอกันทุกปี แต่ครั้งนี้ 2 ปีแล้วที่ยังไม่เจอกัน พวกเขาไปรับตนที่สนามบิน และได้รับประทานอาหารร่วมกัน และทั้ง 5 คนได้ดื่มไวน์ ไป 8 ขวด ไม่มีข้าราชการทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซียอยู่ด้วย ไม่ได้เมามาย และไม่ได้กินไวน์บนเครื่องบินแต่อย่างใด.

