รถคันแรก รถทุกคัน และต้นไม้สามต้น โดย เดชรัต สุขกำเนิด
รถคันแรก รถทุกคัน และต้นไม้สามต้น
เดชรัต สุขกำเนิด
ในที่สุดปีพ.ศ. 2555 ปีที่ดูน่าจะร่าเริงที่สุด (เพราะฮาตั้งสามครั้งตลอดทั้งปี) ก็ผ่านพ้นไป
ผ่านพ้นไปพร้อมๆ กันกับนโยบายรถคันแรกที่เพิ่งผ่านพ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2555 พร้อมๆ กับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 1,251,000 คัน (ยังไม่รวมการยื่นเอกสารทางอินเตอร์เน็ต) คิดเป็นเงินภาษีสรรพสามิตที่รัฐบาลเพื่ออุดหนุนผู้ซื้อรถคันแรกกว่า 90,000 ล้านบาท
แต่ที่ยังไม่ผ่านพ้นไป คือรถใหม่อีก 1,251,000 คันที่ทยอยกันออกมาโลดแล่นบนถนน พร้อมนำพาเจ้าของ ครอบครัว เพื่อนฝูงไปสู่จุดหมายต่างๆ ในชีวิต ในประเทศที่ผู้คนไม่มีตัวเลือกมากนักสำหรับการเดินทาง
ที่ต้องกล่าวเช่นนี้ เพราะผมทราบดีว่า การเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนที่เชื่อถือไม่ได้ในนครหลวงของประเทศนี้เป็นเรื่องสาหัสสากรรจ์เพียงใด ผมจึงเข้าใจผู้เข้าร่วมโครงการรถคันแรกดี เพราะผมก็มีรถคันแรกไปเมื่อ 7 ปีก่อน (เลยไม่ได้เข้าร่วมโครงการ)
ต่อมาเมื่อผมย้ายบ้านไปอยู่ในสถานที่ที่ห่างจากระบบขนส่งมวลชนกว่า 2 กิโลเมตร ภรรยาผมก็ตัดสินใจมีรถคันแรกอีกคน อันถือเป็นรถคันที่สองของครอบครัวเรา
ผมจึงไม่เคยคิดตำหนิผู้ที่มีรถคันแรกแม้แต่น้อย (หรือถ้าจะตำหนิก็ต้องตำหนิตัวผมเองด้วยเช่นกัน แต่จะไม่ตำหนิภรรยาเด็ดขาด อะแฮ่ม) แต่ผมก็อยากชวนให้เราลองคิดไปต่อเช่นกันว่า เมื่อเรามีรถคันแรกอีก 1,251,000 คันแล้ว อะไรจะตามมาสำหรับตัวเราและโลกของเรา
สมมติว่า ในแต่ละปี รถแต่ละคันใช้นำพาเจ้าของของมันไปสู่จุดหมายต่างๆ ประมาณ 20,000 กิโลเมตร โดยรถแต่ละคันบริโภคน้ำมัน (สมมติว่าเป็นก๊าซโซฮอล์) ในอัตรา 15 กม. ต่อน้ำมัน 1 ลิตร
ฉะนั้น ในแต่ละปี รถแต่ละคันจะบริโภคน้ำมันไปประมาณ 1,333 ลิตร คิดเป็นเงินที่เจ้าของรถคันแรกจะต้องเติมประมาณ 46,660 บาทในแต่ละปี (คิดจากราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 35 บาท/ลิตร) หรือเทียบเท่ากับเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท/เดือน (ตามที่รัฐบาลประกาศ) 3 เดือน ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่แน่นอนว่าเจ้าของรถคันแรกก็คงประหยัดค่ารถตู้ ค่ารถเมล์ ค่ารถแท็กซี่ไปได้ด้วย
จากน้ำมันแต่ละลิตรที่เติมและเผาไหม้ไปในการนำเราไปสู่จุดหมาย เราก็จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาสู่ชั้นบรรยากาศประมาณ 2 กก. (คิดจากน้ำมันก๊าซโซฮอล์ ถ้าเป็นน้ำมันดีเซลจะมากกว่านี้) เพราะฉะนั้น แต่ละปีเจ้าของรถคันแรกจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 2,627 กก.ในแต่ละปี
หากสมมติให้รถคันแรกทั้ง 1.25 ล้านคันปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตรานี้ ประเทศของเราก็จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 3.3 ล้านตัน/ปี ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อภาวะโลกร้อนให้รุนแรงขึ้น
ทางหนึ่งที่เราจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากรถคันแรกก็คือ การปลูกป่าเพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากข้อมูลขององค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกพบว่า หากเราปลูกกระถินณรงค์ที่เติบโตเร็วในสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมปานกลาง ก็จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4.4 ตัน/ไร่/ปี แต่ถ้าเป็นการปลูกไม้สักในพื้นที่ที่เหมาะสมสูง อัตราการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเท่ากับ 2.16 ตัน/ไร่/ปี
เพราะฉะนั้น หากมองในภาพรวมทั้งประเทศ เราก็ต้องการพื้นที่ป่ากระถินณรงค์เพิ่มขึ้น 747,000 ไร่ หรือหากเป็นพื้นที่ปลูกไม้สัก เราก็จะต้องการถึง 1,522,000 ไร่ เพื่อที่จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถคันแรก
หากย้อนกลับมามองที่เจ้าของรถแต่ละคัน เราก็จะพบว่า หากเราจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 2,677 กก. ที่เราปล่อยออกมาในแต่ละปี เราก็คงใช้พื้นที่ประมาณ 238 ตารางวาในการปลูกกระถินณรงค์ ซึ่งดูแล้วคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราที่จะไปหาที่ดิน 238 ตารางวา มาพร้อมกันการผ่อนรถคันแรก และการจ่ายค่าน้ำมันอีกเกือบ 5 หมื่นบาทในแต่ละปี
ผมก็เลยคิดสูตรง่ายๆ ว่า หากเราเติมน้ำมันครั้งละ 1,000 บาท เราก็จะได้น้ำมันประมาณ 28.6 ลิตร (คิดราคาน้ำมัน 35 บาท/ลิตร) ซึ่งน้ำมันในปริมาณดังกล่าวก็จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศประมาณ 56.3 กก.ในทุกครั้งที่เราเติม
ตามที่เราทราบว่า หากเราปลูกต้นกระถินณรงค์ 200 ต้นในพื้นที่ 1 ไร่ มันจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ 4.4 ตัน ฉะนั้น แต่ละต้นก็น่าจะช่วยดูดซับได้ 22 กก./ปี ส่วนต้นไม้อื่นๆ ก็จะมีค่าแตกต่างไปจากนี้เล็กน้อยเช่น ต้นสักจะดูดซับไว้ที่ 21 กก./ปี เอาเป็นว่าเราใช้ตัวเลขกลางๆ ที่ 20 กก./ต้น/ปี
เพราะฉะนั้น ถ้าทุกครั้งที่เราเติมน้ำมัน 1,000 บาท แล้วเราปลูกต้นไม้ยืนต้น 3 ต้น (และดูแลรักษาให้เติบโตด้วย) เราก็จะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกลงได้ 60 กก./ปีพอดี
สรุปง่ายๆ ว่า ทุกครั้งที่เติมน้ำมันกลับไปปลูกต้นไม้ 3 ต้น หรือจะจดบันทึกไว้แล้วไปหาเวลาปลูกพร้อมกันครั้งละหลายๆ ต้นก็ได้ครับ และอย่าลืมคนที่นั่งรถคันแรกของเราไปช่วยปลูกด้วยนะครับ
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่รถคันแรกหรอกครับที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก รถทุกคันก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้น คาถานี้ใช้จึงใช้ได้สำหรับรถทุกคันครับ รวมถึงรถสองคันของผมด้วย
แต่แอบผมมุ่งหวังมากกว่านั้น อีก 2-3 ปี รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ผ่านถนนหน้าบ้านผมจะเสร็จ เมื่อนั้นผมจะใช้นโยบายรถคันเดียวครับ ขายไปหนึ่งคัน แล้วหันมาใช้รถจักรยานและขนส่งมวลชนแทนครับ
สวัสดีปีใหม่เจ้าของรถคันแรกและเจ้าของรถทุกคัน ช่วยกันปลูกต้นไม้เยอะนะครับ สงสารคนที่เขาไม่มีรถสักคัน แต่ต้องมารับผลกระทบจากรถของเรา
อย่าลืมนะครับ เติมน้ำมันทุกครั้งกลับไปปลูกต้นไม้สามต้นครับ