"รถคันแรก"ดันยอดจองป้ายแดงชายแดนใต้พุ่ง โชว์รูมยิ้ม-เต็นท์มือสองกร่อย
นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยดันยอดจองรถในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้พุ่ง เฉพาะ จ.ปัตตานี จังหวัดเดียวยอดจองรวมจากทุกโชว์รูมสูงเกือบ 1,000 คัน โดยมีรถกระบะ 4 ประตูเป็นรุ่นยอดฮิต
แม้สถานการณ์ในพื้นที่จะมีแต่ข่าวความรุนแรง โดยเฉพาะในปี 2555 ที่มีข่าวโด่งดังทั้งลอบวางระเบิดกลางเมืองและสังหารครู แต่ในมิติเศรษฐกิจแล้วชายแดนใต้ถือว่าไม่น้อยหน้าภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะการแห่ใช้สิทธิ์จองซื้อรถยนต์ตามนโยบาย "รถคันแรกได้คืนภาษี" ของรัฐบาล ทำให้เกือบทุกโชว์รูมยิ้มพึงพอใจกับยอดรับจอง พร้อมเร่งบริษัทแม่ผลิตให้ทันตามออเดอร์ (คำสั่งซื้อ) แม้ในพื้นที่นี้จะมีเงื่อนไขการวางเงินดาวน์สูงกว่าพื้นที่อื่น แต่ก็เป็นข้อตกลงที่ลูกค้ายอมรับ
มาสด้าปลื้ม "บีที 50" ยอดฮิต
โชว์รูมมาสด้าของ บริษัท ชูเกียรติยนต์ จำกัด (ปัตตานี) ที่มี วิชาญ วิริโย เป็นผู้จัดการฝ่ายขาย บอกว่า พอใจในยอดจองที่ปรากฏ ยิ่งเทียบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของพื้นที่ยิ่งต้องถือว่าน่าพอใจ นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนมากขึ้น
"ตั้งแต่มีโครงการรถคันแรก ก็มียอดจองเข้ามาเรื่อยๆ ลูกค้าที่จองตั้งแต่เริ่มโครงการก็ทยอยได้รับรถกันไปแล้ว ยอดมากระเตื้องอีกทีตอนใกล้ปิดโครงการ มียอดคงค้างยังไม่ได้รับรถเกือบ 50 คันสำหรับรุ่น บีที 50 (มาสด้า) ที่เป็นกระบะ 4 ประตู ถือเป็นรุ่นยอดฮิตที่จองกันมากสุด นอกจากนั้นก็มีมาสด้า 2 ที่ยังค้างอยู่ 160 คัน แต่กรณีของมาสด้า 2 มีสาเหตุจากอุทกภัยเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย (น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง) ฉะนั้นใครที่ตัดสินใจซื้อ บีที 50 จะได้รับรถภายใน 1 เดือน ส่วนมาสด้า 2 ต้องประมาณ 1-2 เดือน"
วิชาญ บอกว่า ลูกค้าที่เป็นคนทำงานในเมืองส่วนใหญ่จะจองรถเก๋งที่เครื่องยนต์ไม่เกิน 1500 ซีซี ส่วนชาวบ้านที่เป็นชาวสวนและเกษตรกรจะเน้นรถกระบะที่ใช้บรรทุกสินค้าได้ หลักฐานและหลักทรัพย์สำหรับการจองรถ เราก็จะดูทะเบียนบ้าน โฉนดที่ดินทำกิน และรายได้ แต่ละรายจะดูหลักฐานไม่เหมือนกัน
"การซื้อขายรถจะดูเครดิตและวินัยของลูกค้าเป็นหลัก แต่ละคนแต่ละอาชีพพิจารณาไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะหากซื้อเงินผ่อน สำหรับเงื่อนไขการซื้อรถคันแรกของรัฐบาลมีความซับซ้อน ผู้ซื้อต้องศึกษารายละเอียดและเตรียมเอกสารให้ครบ ทางโชว์รูมจะพิจารณาจากเอกสารเป็นหลัก และในพื้นที่นี้ต้องเตรียมเงินดาวน์อย่างต่ำ 20-25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าพื้นที่อื่น"
คาดไตรมาสแรกปี 56 ตลาดรถนิ่ง
ยอดจองรถในภาพรวมของปัตตานี วิชาญ ให้ความเห็นว่าเป็นยอดที่น่าพอใจ โดยเฉพาะรถประหยัดน้ำมันมียอดจองที่ดี คาดว่าปีหน้าการซื้อรถอาจชะลอตัวลงด้วยเหตุผลหลายข้อ
"คาดว่าปีหน้ายอดจองจะลดลงและชะลอตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี เพราะหมดสิทธิ์ในโครงการนี้แล้ว และบริษัทต้องเคลียร์ยอดจองรถคันแรกให้หมด ผู้มาจองที่จ่ายเงินมัดจำไว้ 5,000 บาท หากไม่ได้รับรถตามสัญญาหรือรอรถนานเราก็จะคืนเงินให้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน" วิชาญกล่าว
กระบะ 4 ประตู"อีซูซุ"ยอดจองทะลัก
ด้านโชว์รูมอีซูซุ ของบริษัทปัตตานีเจริญเทรดดิ้ง (1972) จำกัด ฐวรรธน์ พานิช ผู้ช่วยผู้จัดการ บอกว่า พอใจยอดจองรถกระบะจำนวนหลายร้อยคันเช่นกัน โดยผู้ที่มาใช้สิทธิ์ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ชอบรถกระบะ 4 ประตู เพราะเหมาะกับการใช้งาน นั่งได้หลายคนเหมือนรถเก๋ง และยังได้คืนภาษีในอัตราที่สูง
"มีผู้มาใช้สิทธิ์จองรถคันแรกกับอีซูซุกว่า 500 คัน รุ่นฮิตคือกระบะ 4 ประตูซึ่งยังคงค้างส่งมอบอีกกว่า 100 คัน คิดว่าประมาณเดือน มี.ค.ปีหน้าจึงจะส่งมอบได้หมด ช่วงก่อนปีใหม่ ก่อนปิดโครงการยังมีลูกค้ามาจองทุกวัน หากไฟแนนซ์ไม่ผ่านก็จะคืนเงินจองให้ ในเรื่องเอกสารจะให้ลูกค้าเข้าใจขั้นตอนอย่างละเอียดเพราะจะได้ไม่มีปัญหาในวันส่งมอบรถ"
ลูกค้าส่วนใหญ่ของอีซูซุเป็นพี่น้องมุสลิมซึ่งมีญาติพี่น้องเยอะ ฐวรรธน์ บอกว่า การซื้อรถกระบะ 4 ประตูสามารถจุคนได้เยอะ ขนของได้ นั่งในกระบะท้ายก็ยังได้ เมื่อจะไปไหนมาไหนกันเป็นครอบครัวหรือรวมญาติก็สามารถนำไปใช้งานได้ดี ส่วนยอดการจองนอกจากเป็นผลจากโครงการรถคันแรกแล้ว ก็ยังมีเรื่องราคายางพาราที่เป็นปัจจัยสำคัญ
"ในโซนใต้ตอนล่างยอดขายรถกระบะของเราดีมาก อย่างที่ จ.ยะลา ที่มีชาวสวนยางเยอะ ช่วงยางราคาดีรถก็ขายดีมาก ส่วนในปัตตานีลูกค้าหลักเป็นข้าราชการและคนค้าขายเพราะทำสวนยางกันน้อย ยอมรับว่าได้ยอดจองเป็นกอบเป็นกำตอนใกล้หมดเวลาจองในโครงการรถคันแรก ตอนนี้ห่วงปัญหาเรื่องการส่งมอบ เพราะบริษัทแม่ขยายโรงงานใหม่ทำให้รถอีกร้อยกว่าคันยังไม่ได้ส่งมอบ การถอนจองอาจเกิดขึ้นได้ถ้าลูกค้ารอรถไม่ไหว และไปเอาที่อื่นที่ออกรถได้เลย" ฐวรรธน์ บอก
สำหรับยอดจองรถยนต์ใน จ.ปัตตานี เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา แยกตามยี่ห้อได้ดังนี้ เชฟโรเล็ต 43 คัน ฮอนด้า 62 คัน อีซูซุ 71 คัน นิสสัน 50 คัน โตโยต้า 139 คัน มิตซูบิชิ 91 คัน และมาสด้า 74 คัน รวม 529 คัน ซึ่งหากรวมยอดในเดือน ธ.ค.กระทั่งหมดโครงการรถคันแรก คาดว่าน่าจะมียอดจองเกือบ 1,000 คัน ซึ่งด้านหนึ่งก็สะท้อนให้เห็นเศรษฐกิจที่แท้จริงของพื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดี
รถมือสองกระทบ-ตลาดซบเซา
เมื่อยอดจองรถคันแรกกระฉูดเช่นนี้ ตลาดรถมือสองที่มีไม่น้อยในพื้นที่ย่อมได้รับผลกระทบ รณชัย เรืองอักษร ผู้จัดการฝ่ายขายรถยนต์มือสอง บริษัทปัตตานีลิสซิ่งจำกัด กล่าวว่า สิ่งที่กระทบโดยตรงคือยอดขายที่ลดลงจากเดิมประมาณ 30–40 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่พอรับได้ เพราะรถของบริษัทมีความได้เปรียบทางการตลาด เนื่องจากเน้นรถกระบะซึ่งคนในพื้นที่นิยมซื้อไปใช้ในงานด้านการเกษตร
"โดยส่วนตัวไม่อยากให้มีโครงการนี้ เพราะส่งผลกระทบจริงๆ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งด้วยความเป็นรถใหม่คงจะแข่งกันไม่ได้ เพียงแต่เราในฐานะคนขายรถมือสองต้องมาปรับกลยุทธ์เท่านั้นเอง ถ้าไม่มีโครงการนี้ทิศทางของรถมือสองคงไปได้ดีขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องมาช่วยรถมือสอง เพราะตลาดรถมือสองมีความซับซ้อน และมีพวกมิจฉาชีพค่อนข้างมาก ถ้าหากมีโครงการช่วยรถมือสองอีก อาจจะทำให้ยิ่งแย่ลงไปใหญ่"
"คาดว่าปีหน้าคงเป็นโอกาสของรถมือสองบ้าง เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีรถยนต์ รถป้ายแดงก็คงจะมีราคาสูงขึ้น ประกอบกับโครงการรถคันแรกทำให้มีการซื้อรถใหม่กันง่ายขึ้น โอกาสที่รถจะโดนยึดหรือว่าแบกรับการผ่อนไม่ไหวและส่งคืนไฟแนนซ์น่าจะมีจำนวนมาก เมื่อถึงตรงนั้นคงทำให้ตลาดรถมือสองกลับมาสู่สภาวะเดิม"
รณชัย คาดการณ์ว่า ลูกค้าที่ซื้อรถในโครงการรถคันแรก น่าจะมีจำนวนมากที่ผ่อนชำระไม่ไหว และกลายเป็นรถมือสอง ทำให้ปริมาณรถมือสองเพิ่มจำนวนขึ้นในตลาด และจะส่งผลให้รถมือสองราคาถูกลง มีการแข่งขันกันมากขึ้น ลูกค้าน่าจะได้ประโยชน์
ส่วนเงื่อนไขการครอบครองรถ ห้ามโอนภายใน 5 ปีนั้น รณชัย มองว่า เมื่อมีการยึดรถเกิดขึ้นกันจริงๆ รัฐบาลคงมีมาตรการออกมาช่วยเหลือในที่สุด
////////////////////////////////////////////
หลักเกณฑ์การขอคืนภาษีรถคันแรก
สำหรับโครงการรถคันแรกที่กำลังจะหมดอายุลง "ทีมข่าวอิศรา" ขอสรุปหลักเกณฑ์การขอคืนภาษีรถคันแรก เป็นข้อมูลส่งท้าย ดังนี้
1.ต้องเป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อ
2.ต้องทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2554 – 31 ธ.ค.2555
3.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน
4.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือรถกระบะ (Pick up) หรือรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)
5.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
6.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน
7.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
8.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนต่อได้ หรือมีเหตุอย่างอื่น จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับให้กรมสรรพสามิต หากไม่ดำเนินการ ทางกรมสรรพสามิตจะใช้วิธีการทางศาล เพื่อให้สั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์
9.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว โดยจะเริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป ซึ่งกรมสรรพสามิตจะจ่ายผ่านทางเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวน
10.สามารถซื้อรถแบบเงินผ่อนผ่านไฟแนนซ์หรือเงินสดก็ได้
11.รถมือสองไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากรถมือสองไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ-ขาย
สำหรับราคารถยนต์และอัตราภาษีของรถยนต์ประเภทต่างๆ ในท้องตลาด เมื่อคิดเป็นสัดส่วนเงินภาษีที่จะได้รับคืน พบว่า
- รถอีโคคาร์ ราคาประมาณคันละ 3.75-5.4 แสนบาท เก็บภาษี 17% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 45,000 บาท
- รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (ไม่เกิน 1,500 ซีซี) ราคาประมาณคันละ 5-7 แสนบาท เก็บภาษี 25% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- รถกระบะ 2 ประตู ราคาประมาณคันละ 3-5 แสนบาท เก็บภาษี 3% ผู้ซื้อจะได้รับเงินเฉลี่ย 10,000 บาท
- รถกระบะ 4 ประตู ราคาประมาณคันละ 7-8 แสนบาท เก็บภาษี 12% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 60,000 บาท
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์เดลินิวส์