สารพัดปัญหาขวางทางบุญ... นายกฯสั่งฟันขบวนการสูบผลประโยชน์ฮัจญ์
สกู๊ปพิเศษที่ชื่อ “เปิดเส้นทางสายฮัจญ์...คราบน้ำตาของผู้แสวงบุญบนความทุจริตของผู้ประกอบธุรกิจและ จนท.รัฐ” ที่ศูนย์ข่าวอิศราเปิดประเด็นเอาไว้เมื่อต้นเดือน ต.ค.นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่รวบรวมปัญหาจากผู้แสวงบุญตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าปีนี้สถานการณ์จะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าที่ “ทีมข่าวอิศรา” รายงานเอาไว้เสียอีก
ไม่เฉพาะประเด็นการขอวีซ่าฮัจญ์ซึ่งกลายเป็นเกมการเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศ อันสืบเนื่องจากความพยายามของรัฐบาลที่จะผลักดัน พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม (อดีต) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จำเลยในคดีอุ้มฆ่า นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจเชื้อพระวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทั่งสถานการณ์คลี่คลายเมื่อเจ้าตัวยอมเสียสละไม่รับตำแหน่ง โดยที่รัฐบาลไม่ได้แสดงท่าทีรับผิดชอบใดๆ เลยเท่านั้น
เพราะเมื่อถึงห้วงเวลาที่ผู้แสวงบุญต้องเดินทางไปนครเมกกะจริงๆ กลับยังมีอุปสรรคปัญหาตามมาอีกมากมาย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการทุจริตคดโกงของบริษัทผู้ประกอบการหลายราย และความอ่อนด้อยในการบริหารจัดการของรัฐบาล จนมีผู้แสวงบุญส่อว่าจะต้องพลาดการเดินทางจำนวนหลายร้อยคน...ทั้งๆ ที่จ่ายเงินซึ่งอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมานานหลายปีไปจนเกลี้ยงกระเป๋าแล้ว
ที่น่าตกใจก็คือสภาพการณ์เช่นนี้มาเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทั้งๆ ที่พรรคการเมืองพรรคนี้มีฐานเสียงใหญ่อยู่ในภาคใต้ และเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีพี่น้องมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่
สารพัดปัญหาขวางทางบุญ
สรุปปัญหาที่ผู้แสวงบุญต้องเผชิญ “เส้นทางสายวิบาก” ได้ดังนี้
1.บริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจญ์บางรายใช้สายการบินอิหร่านแอร์ และมาฮานแอร์ ในการพาผู้แสวงบุญเดินทางไปเมกกะ ทั้งๆ ที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชัดเจนว่ากำหนดให้สายการบินไทยเป็นสายการบินเดียวเท่านั้นที่รับหน้าที่นี้
ภายหลังสายการบินทั้ง 2 สายได้ขอถอนตัว ทำให้รัฐบาลไทยต้องเร่งหาสายการบินอื่นที่ได้รับอนุญาตมารับช่วงแทน สร้างความวุ่นวายไม่ใช่น้อย
2.ต่อเนื่องจากข้อ 1 เมื่อสายการบิน 2 สายไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล ทำให้มีปัญหาในการขอวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญ ส่งผลให้ผู้แสวงบุญราว 3,000 คนไม่มีวีซ่า ซึ่งล่าสุดรัฐบาลได้พยายามผ่อนหนักเป็นเบาจนสามารถช่วยเหลือไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว
3.มีผู้ประกอบกิจการฮัจญ์จำนวน 8 บริษัทไม่ยื่นเอกสารสัญญาเช่าที่พัก ส่งผลให้กรมการศาสนาไม่สามารถยื่นขอวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญจำนวน 731 รายได้ เพราะติดกฎระเบียบของทางการซาอุดิอาระเบียที่กำหนดให้ผู้แสวงบุญแต่ละรายมีที่พักตรงตามหลักเกณฑ์ จึงจะออกวีซ่าให้
4.มีบริษัทผู้ประกอบกิจการฮัจญ์บางบริษัทไม่ยอมส่งเงินคืนกองทุนสำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ยืมไปจากรัฐบาลรวม 47 ล้านบาท ทำให้กรมการศาสนาไม่สามารถยื่นขอวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญที่เดินทางกับบริษัทดังกล่าวได้
รัฐไล่ถอดสลัก-สั่งสอบหา"ไอ้โม่ง"ทำวุ่น
สรุปการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลและความไม่ชอบมาพากลที่พบ
1.กรณีสายการบินอิหร่านแอร์ และมาฮานแอร์ มาร่วมขนส่งผู้แสวงบุญในพื้นที่ภาคใต้จนเกิดปัญหา แม้ทั้งสองสายการบินจะยอมถอนตัวในเวลาต่อมา และรัฐบาลเร่งหาสายการบินใหม่มารับช่วงแทนได้แล้ว แต่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ก็ได้สั่งให้กรมการบินพลเรือนส่งเอกสารการขอเข้าร่วมขนส่งผู้แสวงบุญของสายการบินทั้งสองแห่งนี้ เพื่อหาต้นตอว่ามีบุคคลใดเข้ามาแทรกแซงจนวุ่นวายกันไปหมด
2.เรื่องสัญญาเช่าที่พักที่มีบริษัทผู้ประกอบการ 8 รายไม่ยื่นเอกสารสัญญาเช่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้สั่งการให้ 8 บริษัทเร่งดำเนินการ และตั้งอนุกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อเดินทางไปตรวจสอบสัญญาเช่าที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
3.เรื่องเงินกองทุนสำหรับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 47 ล้านบาท กระทรวงวัฒนธรรมได้ติดตามไล่บี้กระทั่งผู้ประกอบการยอมส่งเงินคืนทั้งหมด
4.นายนิพิฏฐ์ ลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการกิจการฮัจญ์ทั้งหมด เพื่อพิจารณาเอาผิดและขึ้นบัญชีดำกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และสรุปปัญหานำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ส.ส.มุสลิมตั้งโต๊ะแถลงจี้รัฐสางโกง
ปัญหาการดำเนินการเกี่ยวกับกิจการฮัจญ์ปีนี้ นับว่าฉาวโฉ่จริงๆ ถึงขั้นที่ ส.ส.มุสลิม ต้องตั้งโต๊ะแถลงที่รัฐสภา เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการ
นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เร่งตรวจสอบผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากพี่น้องมุสลิมที่เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัญจ์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ายังมีผู้แสวงบุญตกค้างที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่จำนวนมาก เพราะมีผู้ประกอบการเอกชนบางรายไปฮั้วกับสายการบินต่างชาติที่เป็นสายการบินโลว์คอสต์ (สายการบินต้นทุนต่ำ) แต่เก็บเงินในราคาสูงเทียบเท่ากับการบินไทย
นอกจากนั้น ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบกรณีที่พบความไม่โปร่งใสในการจองที่พักให้กับผู้แสวงบุญ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจองผ่านนายหน้า ทำให้เกิดปัญหาเมื่อผู้แสวงบุญไปถึงที่พัก กลับไม่มีที่พักให้ เพราะไปซ้ำซ้อนกับประเทศอื่นที่จองที่พักที่เดียวกัน ทำให้ผู้แสวงบุญต้องไปนอนข้างถนนนานนับสิบวัน
“รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการกับบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปแสวงหา ผลประโยชน์กับผู้แสวงบุญ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องทางศาสนาและมีความละเอียดอ่อนสูงมาก” นายสมัย กล่าว
นายกฯสั่งเชือดผู้ประกอบการทุจริต
ดังที่เกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า ปัญหาที่เกิดกับผู้แสวงบุญส่งผลสะเทือนถึงฝ่ายการเมืองด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีฐานเสียงหลักอยู่ในภาคใต้ ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงอยู่นิ่งไม่ไหว ต้องสั่งฟันผู้ประกอบการที่เข้าข่ายแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบอย่างเร่งด่วน
“กระทรวงวัฒนธรรมต้องดำเนินการให้ชัดเจน เนื่องจากได้บอกตั้งแต่ต้นว่ากรณีที่มีใครไปแสวงหาผลประโยชน์และไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขก็ต้องลงโทษ เพราะเราไม่ต้องการให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น อีกทั้งปัญหาก็มักจะเกิดซ้ำซากจากคนกลุ่มเดิมๆ จึงต้องเร่งจัดการ พร้อมขึ้นบัญชีดำผู้ประกอบการเอาไว้ ผลการสอบสวนโยงถึงใครก็ต้องดำเนินการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการจัดการกับขบวนการสูบผลประโยชน์โดยมิชอบจากผู้แสวงบุญ ดูจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องอาศัยภาวะผู้นำอย่างสูงของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เพราะรู้กันในวงการว่า คนที่กวนน้ำจนขุ่นหาใช่ใครที่ไหน ก็คือคนในซีกรัฐบาล และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนายกรัฐมนตรีนั่นเอง!
---------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ผู้แสวงบุญตกค้างตามสนามบิน (ภาพจากแฟ้มภาพในอินเทอร์เน็ต)
อ่านประกอบ : เปิดเส้นทางสายฮัจญ์...คราบน้ำตาของผู้แสวงบุญบนความทุจริตของผู้ประกอบธุรกิจและ จนท.รัฐ
http://www.south.isranews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=558:2010-10-07-05-04-18&catid=11:2009-11-15-11-15-13&Itemid=20