เปิดหนังสือ สตง. ตั้ง 5 ปม ถึง "ยิ่งลักษณ์" รัฐบาล ใช้เงินกู้ 4.5 หมื่น ล. ดันราคายางเหลว ?
"...มีแนวโน้มไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในด้านพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพยาง มีการกู้ยืมเงินไปรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก แต่ไม่ได้นำไปลงทุนในการแปรรูปยางเพื่อเก็บสต็อก.."
หมายเหตุ : เป็นหนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เลขที่ ตผ 0012/6951 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยสนับสนุนวงเงินกู้จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สถาบันเกษตรกรใช้ซื้อน้ำยางสด/แผ่นยางดับ มาแปรรูป เพื่อเก็บสต็อกหรือส่งขายให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) แปรรูปเก็บรักษายางไว้รอจำหน่ายเพื่อดันราคายางให้สูงขึ้นถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม
โดยเบื้องต้น สตง.ระบุว่า พบความเสี่ยง และมีแนวโน้มไม่บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายโครงการที่กำหนดไว้ 5 ประเด็น คือ
1.มีแนวโน้มไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในด้านการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยพิจารณาจากกิจกรรม หรือการประกอบธุรกิจที่สถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์กองทุนสวนยางดำเนินการ และเงื่อนไขตลอดจนข้อตกลงที่ให้กับสถาบันเกษตรกรกู้ยืมเงินตามโครงการ ซึ่งพบว่าเป็นเพียงการให้กู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก โดยมิได้ให้กู้ยืมไปลงทุนในการแปรรูปน้ำยางสด หรือยางแผ่นดิบ เพื่อเก็บรักษายางหรือลดอุปทานยางในช่วงราคาตกต่ำ
โดยจากการตรวจสอบที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี พบว่าสหกรณ์กองทุนสวนยาง จะเก็บบางไว้เองไ ด้ไม่เกิน 7 วันท่านั้น นอกจากนี้การดำเนินการโดยอสย. ที่รับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรนั้น เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางสามารถจำหน่ายยางได้ในราคาสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังไม่พบว่ามีการจัดทำแผนการบริหารจัดการผลผลิตยางที่ได้รับซื้อไว้อย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
2.ราคารับซื้อยางพารา ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายของโครงการที่ต้องการให้อยู่ในระดับประมาณ 120 บาทต่อกิโลกรัม โดยพิจารณาจากราคายางพาราตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. 2555 ยังไม่พบว่าราคายางสูงขึ้นไปถึง 120 บาทต่อกก. ทั้งยางที่รับซื้อในโครงการและราคารับซื้อยางในท้องตลาดทั่วไป
3. การบริหารจัดการโครงการนในเรื่องของการซื้อยางมาแปรรูปและเก็บรักษา บางพื้นที่ประสบปัญหาสถานที่จัดเก็บไม่เพียงพอ ซึ่งตามขั้นตอนการดำเนินโครงการ อสย. เป็นผู้รับซื้อยางแผ่นดิบ ยางแผ่นรมควันจากสถาบันเกษตรกรหรือรัฐวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นยางอัดก้อน แล้วนำไปเก็บรักษาไว้ยังสถานที่ ที่ อสย.โดยในทางปฏิบัติ อสย. ได้จ้างบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจโรงงานอัดก้อนยาง โดยตั้งเป็นจุดรับซื้อและดำเนินการแปรรูปยางแผ่นดิบแทน เมื่อแปรรูปเสร็จ อสย.จะนำยางไปเก็บไว้ยังสถานที่ของ อสย. ซึ่งจากการสังเกตการณ์เฉพาะจุดรับซื้อยาง ณ โรงงานอัดก้อนยางเพียรประดิษฐ์ จ.สุราษฏร์ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2555 พบว่ามียางแผ่นดิบที่รับซื้อจากสถาบันเกษตรกรจำนวน 2.5 แสนกิโลกรัม หรือประมาณ 254 ตัน วางกองอยู่กลางแจ้ง โดยมีผ้าคลุมที่มีสภาพชำรุดมีช่องโหว่ปิดอยู่ แต่ไม่มิดชิด
จากการสอบถามประกอบการตรวจสอบสมุดบันทึกการรับจ่ายยางปรากฏว่าโรงงานดังกล่าว รับซื้อยางแผ่นดิบตั้งแต่ 20 ส.ค. 2555 แต่ต้องชะลอการแปรรูป เนื่องจากสถานที่ของโรงงานมีจำกัดและต้องใช้พื้นที่เพื่อเก็บยางอัดก้อนของโรงงานเอง ที่สำคัญยังมียางจำนวนหนึ่งที่แปรรูปเป็นยางอัดก้อนแล้ว แต่อสย. ยังไม่ได้ขนย้ายออ กไป ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ยังมียางอัดก้อนดังกล่าวกองยู่ทั้งด้านนอกและด้านในโรงเก็บยางบในบริเวณโรงงาน 3 แห่ง โดยวางทับซ้อนกันมากกว่า 6 ชั้น ทั้งนี้ผู้บริหารโรงงานให้ข้อมูลว่าสาเหตุเกิดจากสถานที่จัดเก็บของอสย.ไม่เพียงพอ และยังไม่สามารถระบายหรือจำหน่ายยางที่จัดเก็บไว้ได้ สำหรับยางแผ่นดิบที่ยังไม่ได้แปรรูปหากยิ่งนานไปจะทำให้ยางติดกันเป็นก้อน ซึ่งยากต่อการนำไปแปรรูป เป็นเชื้อรา มีความชื้นสูง เสื่อมคุณภาพ และส่งผลต่อราคายาง
4.การดำเนินการโครงการมีความเสี่ยงต่อการสวมสิทธิ์นำยางมาขายให้แก่ อสย. เช่นการที่เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถขายยางให้แก่อสย.ได้โดยตรง หลักเกณฑ์เหล่านี้เป็นข้อจำกัดทำให้เกษตรกรมีความจำเป็นที่ต้องขายยางให้แก่พ่อค้าในราคาต่ำ และอาจะเป็นช่องทางให้พ่อค้าบางรายนำยางไปสวมสิทธิ์เพื่อขายให้แก่อสย. โดยอาจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บางคน หรือสถาบันเกษตรกรบางแห่งอาจใช้เป็นช่องทางในการรับซื้อยางจากเกษตรกรที่ไม่ใช่สมาชิกโดยมีการคิดค่าบริหารจัดการและนำมาสวมสิทธิ์เพื่อขายให้อสย.ทำกำไรอีกทอด
นอกจากนี้จากการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของธกส.และผู้บริหารสถาบันเกษตรกรที่จ.สุราษฏร์ ได้ให้ข้อมูลที่ยังมีความเสี่ยงได้แก่ การที่ไม่สามารถตรวอจควบคุมปริมาณยางที่เกษตรกรนำมาขา ยได้อย่างชัดเจน เพราะ อสย.ไม่มีฐานข้อมูลเกษตรกรรองรับในกรณีที่เกษตรกรไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกร ประกอบกับการตรวจสอบข้อมูลสถาบันเกษตรกรจนยางมาขาย ไม่สามารถดำเนินการสอบยันได้อย่างรวดเร็วและทันที ยังคงใช้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทำให้การตรวจสอบใช้เวลามากและทำได้ยาก ซึ่งเป็นช่องว่างให้สวมสิททิ์ได้ง่าย
5.จุดรับซื้อของอสย. ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ จากการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ธกส. และผู้บริหารสถาบันเกษตรกรบางแห่งได้ให้ข้อมูลว่า ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ ประการหนึ่งคือ จุดรับซื้อยางของ อสย. ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เนื่องจากไม่มีโรงงานแปรรูปยางโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ปลูกยางและสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวนมาก รวมทั้งจุดรับซื้อของอสย.ยังอยู่ไกล ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับค่าขนส่ง ขณะที่การลงยางที่จุดรับซื้อยังล่าช้า สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไม่สามารถส่งยางได้ภายใน 1 วัน ทำให้เกิดการสะสมและไม่สามารถขายยางที่เหลือต่อไปได้
--------------------