นักวิทยาศาสตร์ “นาซา” มีคำตอบ ทำไม 21-12-12 โลกไม่แตก !?!
จากความเชื่อที่ว่า วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 อันเป็นจุดสิ้นสุดของปฏิทินมายันโบราณจะเป็นวันมหาวิบัติหรือ “วันสิ้นโลก” ส่งผลให้เกิดการตื่นตระหนกไปทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเข้าใกล้วันดังกล่าวเท่าไร ข้ออ้างทางความเชื่อเหล่านั้นก็ยิ่งถูกล้มล้างด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซา (National Aeronautics and Space Administration: NASA) สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาตอบคำถามในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก พร้อมทั้งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ขององค์การนาซา http://www.nasa.gov ไว้ดังนี้
Q: มีสัญญาณเตือนอะไรเกี่ยวกับวันสิ้นโลกอย่างที่หลายๆ เว็บไซต์อ้างถึงบ้างไหม?
A: โลกจะไม่แตกในปี 2012 นี้ โลกของเราคงอยู่มาได้อย่างปลอดภัยตลอดเวลามากกว่า 4 พันล้านปี นอกจากนี้ เครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ทั่วโลกต่างก็ตรวจไม่พบสัญญาณเตือนใดๆ
Q: คำทำนายที่ว่าโลกจะแตกในปี 2012 มาจากไหน?
A: เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากความเชื่อเกี่ยวกับ “นิบิรุ” ดาวเคราะห์ที่อ้างว่าถูกค้นพบโดยชาวสุเมเรียนกำลังมุ่งหน้ามายังโลก ในตอนแรก ภัยพิบัติครั้งนี้ถูกทำนายว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2003 แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วาระสุดท้ายของโลกจึงถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนธันวาคม 2012 โดยมีการเชื่อมโยงไปถึงการสิ้นสุดหนึ่งรอบอันยาวนานของปฏิทินมายันโบราณในวันที่มีกลางวันสั้นที่สุดหรือ “Winter Solstice” ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง
Q: ปฏิทินมายันสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงหรือ?
A: มันเป็นแค่ของที่ไม่ต่างไปจากปฏิทินแขวนบนผนังครัวของคุณ ปฏิทินธรรมดาสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี ส่วนปฏิทินมายันก็จะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคมหลังจากครอบรอบการนับอันยาวนานนั่นเอง และเช่นเดียวกัน ปฏิทินธรรมดาจะเริ่มนับใหม่ในวันที่ 1 มกราของปีใหม่ ปฏิทินมายันก็จะเริ่มนับรอบใหม่อีกเช่นกัน
Q: นาซาได้ทำนายว่าไฟฟ้าจะดับทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 23-25 ธันวาคมหรือไม่?
A: ไม่ใช่อย่างแน่นอน ทั้งนาซาและองค์การวิทยาศาสตร์อื่นๆ ไม่ได้มีหน้าที่ทำนายเรื่องไฟฟ้าดับทั้งสิ้น การรายงานที่บิดเบือนนี้อ้างว่า การจัดเรียงของดวงดาวบางกลุ่มในอวกาศจะทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ซึ่งจริงๆ แล้วจะไม่มีการเรียงตัวใดๆ ในลักษณะที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ข่าวลือบางข่าวได้อ้างถึงข้อความของเจ้าหน้าที่นาซาชื่อ Charles Bolden ซึ่งในเนื้อความเป็นเพียงการกระตุ้นให้ประชาชนเตรียมพร้อมในภาวะฉุกเฉิน และแนะนำให้รัฐบาลเตรียมแผนรับมือภัยพิบัติให้แน่นหนาขึ้น โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงเรื่องไฟฟ้าดับแต่อย่างใด
Q: ดาวเคระห์ต่างๆ มีโอกาสเรียงตัวในลักษณะที่จะส่งผลกระทบต่อโลกได้หรือไม่
A: จะไม่มีการเรียงตัวของดาวเคราะห์อย่างน้อยในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า แต่หากการเรียงตัวจะเกิดขึ้นจริง มันก็ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น ผลกระทบจากการเรียงตัวของดาวเคราะห์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 1962 และอีกสองครั้งเล็กๆ ระหว่างปี 1982 ถึงปี 2000 โดยในทุกๆ เดือนธันวาคมของทุกปี โลกและดวงอาทิตย์และเรียงตัวกันในแนวที่ใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเพียงเหตุการณ์ประจำปีที่ไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ ต่อโลก
Q:ดาวเคราะห์หรือดาวเคราะห์แคระสีน้ำตาลชื่อ “นิบิรุ” หรือ “แพลนเน็ตเอ็กซ์” หรือ “อีริส” ที่กำลังมุ่งหน้ามายังโลกและจะก่อให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่
A: นิบิรุรวมถึงดาวดวงอื่นๆ เป็นเพียงแค่เรื่อง “ลวงโลก” ที่แพร่กระจายอยู่บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ มารองรับคำกล่าวอ้างพวกนี้เลย
ถ้า นิบิรุ หรือ แพลนเน็ตเอ็กซ์ มีอยู่จริงและจะชนกับโลกในปี 2012 นี้ นักดาราศาสตร์คงตรวจพบได้ตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมาแล้ว และที่สำคัญตอนนี้เราจะมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า
สรุปได้ว่า มันไม่ได้มีอยู่จริงอย่างแน่นอน ส่วน อีริสนั้นมีอยู่จริง แต่เป็นเพียงแค่ดาวเคราะห์แคระคล้ายพลูโตที่โคจรอยู่ในระบบสุริยะชั้นนอก ระยะที่มันเข้าใกล้โลกได้มากที่สุดคือ 4 พันล้านไมล์
Q: ทฤษฏีขั้วโลกพลิกด้านคืออะไร พื้นโลกสามารถหมุนกลับด้าน 180 องศารอบแก่นโลกในเวลาไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมงได้จริงหรือไม่
A: การพลิกด้านของโลกมีโอกาสเป็นไปได้จริง หากแต่เป็นปรากฏการณ์ที่แผ่นเปลือกโลกขยับอย่างช้าๆ อาทิ แผ่นแอนตาร์กติกาที่เข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่าเดิมหลายร้อยไมล์ เมื่อเทียบหลายล้านปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำกล่าวอ้างที่ว่า ขั้วโลกทั้งสองจะพลิกกลับด้านกัน เว็บไซต์หลายๆ แห่งได้ใช้เทคนิค bait-and-switch กับผู้อ่าน พวกเขามักจะผูกเรื่อง “การสลับขั้วสนามแม่เหล็กที่ขั้วโลก” กับ “การพลิกกับด้านของขั้วโลก” เข้าด้วยกัน ซึ่งการสลับขั้วสนามแม่เหล็กจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 แสนปีโดยประมาณ เท่าที่ความรู้ที่มนุษย์มีตอนนี้ เชื่อว่า การสลับขั้วสนามแม่เหล็กไม่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ต่างเชื่อว่า มันมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้ และอีกหลายพันปีข้างหน้า
Q: โลกมีความเสี่ยงที่จะถูกอุกกาบาตพุ่งชนในปี 2012 หรือไม่
A: โลกตกเป็นเป้าของดาวหางและดาวเคราะห์น้อยเสมอ แม้ว่าการพุ่งชนครั้งใหญ่ๆ เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก การพุ่งชนครั้งใหญ่ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว นำไปสู่การสูญพันธ์ของไดโนเสาร์ในที่สุด
ปัจจุบัน นักดาราศาสตร์ของนาซากลุ่มหนึ่งกำลังทำหน้าที่ “ยามสำรวจอวกาศ” หรือ Spaceguard Survey เพื่อเฝ้าระวังและตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะเข้าใกล้โลก พวกเรามั่นใจว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัตถุอันตรายขนาดใหญ่เท่ากับตอนที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ การทำงานทุกอย่างจะได้รับเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ http://neo.jpl.nasa.gov ซึ่งตั้งขึ้นโดยเฉพาะเป็นประจำทุกวัน คุณสามารถเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลยว่า ไม่มีอะไรที่เชื่อได้ว่าจะพุ่งชนโลกในปี 2012 นี้เลย
Q: นักวิทยาศาสตร์ในนาซารู้สึกอย่างไรบ้างกับข่าวลือเรื่องวันสิ้นโลก
A: สำหรับข้ออ้างเรื่องภัยพิบัติหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งมหึมาต่างๆ ของปี 2012 วิทยาศาสตร์คืออะไร? หลักฐานอยู่ตรงไหน? ไม่มีเลย และสำหรับข้อมูลยืนยันต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่แต่งขึ้นมา ไม่ว่ามันจะถูกพิมพ์เป็นหนังสือ สร้างเป็นหนัง สารคดี หรือเป็นข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วโลกไซเบอร์ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงของแท้ได้หรอก ไม่มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือที่จะสามารถสนับสนุนเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ในเดือนธันวาคม 2012 เลย
Q: พายุสุริยะครั้งใหญ่ที่มีการทำนายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2012 มีอันตรายมากน้อยแค่ไหน
A: พายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะเกิดขึ้นประมาณทุกๆ 11 ปี ในช่วงที่ดวงอาทิตย์แผ่รังสีออกมามากที่สุด พายุสุริยะสามารถทำให้การสื่อสารผ่านดาวเทียมขัดข้องได้ และถึงแม้ว่าวิศวกรกำลังพัฒนาอุปกรณ์ป้องกันพายุสุริยะดังกล่าวอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แสดงว่า มีความเสี่ยงใดที่เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลก พายุสุริยะครั้งใหญ่รอบต่อไปจะเกิดระหว่างปี 2012-2014 นี้ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะอยู่ในระดับปกติที่ไม่ต่างไปจากรอบที่ผ่านๆ มา
Don Yeomans นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของนาซายังกล่าวอีกว่า “เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับความสนใจของผู้คนเกี่ยวกับวัตุบนท้องฟ้า ทั้งในเรื่องตำแหน่งและวงโคจรของมัน โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี 2012 แต่สำหรับผมคงเอาเวลาไปใส่ใจกับหนังสือดีๆ หรือหนังซักเรื่องเท่าๆ กับใส่ใจคนรอบข้างด้วย แม้ว่ารายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์สักนิด ตลอดจนข่าวจากนาซาปลอมพวกนั้นจะยังคงอยู่บนโลกไซเบอร์ก็ตาม”
และล่าสุด องค์การนาซาได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ Why the World Didn't End Yesterday หรือ ”ทำไมเมื่อวานโลกไม่แตก” ทาง YouTube โดยบรรจุเนื้อหาชุดเดียวกันนี้ลงไป พร้อมทั้งยังเชื่อมั่นด้วยว่า คลิปวิดีโอนี้จะแพร่สะพัดไปทั่วโลกไซเบอร์อย่างรวดเร็วในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 อันเป็นวันถัดจากคำทำนายวันโลกแตกหนึ่งวัน