ฝากรอยเท้าที่น้ำตกทรายขาว...ชมทะเลหมอกบนเทือกเขาสันกาลาคีรี
แวลีเมาะ ปูซู
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
กิจกรรม “วิ่งป่าตานี จักรยานเสือภูเขา พิชิตยอดเขาสันกาลาคีรี ครั้งที่ 4” เมื่อต้นเดือนสิงหาฯที่ผ่านมา นอกจากจะส่งผลกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้คึกคักยิ่งขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์เรียกความเชื่อมั่นว่า "ชายแดนใต้ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด" แล้ว อีกหนึ่งผลพวงที่ปรากฏตามมาก็คือ ความประทับใจที่ผู้มาเยือนมีต่อ "น้ำตกทรายขาว" และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเทือกเขาสันกาลาคีรี
จะว่าไป "น้ำตกทรายขาว" ก็เป็นน้ำตกเลื่องชื่อของปัตตานีอยู่แล้ว แต่คนนอกพื้นที่อาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนัก ประกอบกับข่าวสารความรุนแรง ทำให้ใครต่อใครพากัน "แหยง" ที่จะแบกเป้ล่องใต้มาถึงสามจังหวัดชายแดน
เหตุนี้ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทรายขาว อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว และชุมชนท่องเที่ยวทรายขาว จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น โดยไฮไลท์ของงานคือการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา การวิ่ง-เดินป่าหาอาร์ซี การวิ่งป่ามินิมาราธอนพิชิตเทือกเขาสันกาลาคีรี และนั่งรถจิ๊บชมสวน ชิมผลไม้ตลอดทางตามแหล่งท่องเที่ยวด้วย
กิจกรรม “วิ่งป่าตานีฯ ครั้งที่ 4" ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2547 และจัดต่อเนื่องมาอีกรวม 3 ครั้งจนถึงปี 2549 จากนั้นก็หยุดชะงักไปเพราะปัญหาความรุนแรง และกลับมาเริ่มใหม่ในปีนี้
นางศิรวี วาเล๊าะ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้ความคึกคักด้านการท่องเที่ยวลดลงไป เราจึงพยายามใช้ความโดดเด่นของชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นด้านการท่องเที่ยวของชุมชน เมื่อปี 2550 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มาเป็นจุดขาย โดยชุมชนทรายขาวมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ วัดทรายขาว มัสยิดโบราณ และอุทยานแห่งชาติซึ่งมีทะเลหมอกสวยงาม
และนี่เองคือที่มาของการเลือกอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งผลที่ได้รับก็เกินคุ้ม โดยเฉพาะ "น้ำตกทรายขาว" ที่ติดตาตรึงใจทั้งนักปั่นและนักวิ่งกว่า 5,000 คนที่ได้มาเยือน
สำรวจน้ำตกทรายขาว
น้ำตกทรายขาวและพื้นที่ป่าโดยรอบเพิ่งจะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ และป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาสันกาลาคีรีใน 3 จังหวัด คือ ต.ป่าบอน ต.ทรายขาว ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา และ ต.บ้านโหนด ต.เปียน ต.ธารคีรี อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
น้ำตกทรายขาวเดิมชาวบ้านเรียกว่า “น้ำตกกะโถน” ค้นพบโดย พระครูศรีรัตนากร (ท่านศรีแก้ว) อดีตเจ้าอาวาสวัดทรายขาว เมื่อประมาณปี พ.ศ.2475 และท่านได้ชักชวนราษฎรให้ช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์น้ำตกทรายขาว ต่อมาน้ำตกแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาเป็นลำดับ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตปัตตานี (กรมป่าไม้) กระทั่งปี พ.ศ.2530 กรมป่าไม้จึงให้เจ้าหน้าที่สำรวจเพื่อเตรียมการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
ปัจจุบัน "น้ำตกทรายขาว" เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว มีน้ำตกไหลมาจากยอดเขานางจันทร์บนเทือกเขาสันกาลาคีรี มีผาน้ำตกสูง 40 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ตลอดเส้นทางมีพันธุ์ไม้นานาชนิด มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึง 68,750 ไร่
สภาพโดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวเป็นป่าดิบชื้น ประกอบด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญของ จ.ปัตตานี ยะลา และสงขลา ซึ่งประชาชนได้อาศัยประโยชน์จากน้ำเพื่อการกสิกรรม อุปโภค และบริโภค
ที่น่าปลาบปลื้มที่สุดก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมน้ำตกแห่งนี้ และทรงปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึก เมื่อปี พ.ศ.2518, 2528 และ 2533 ด้วย
ความลงตัวของธรรมชาติ
นายมะแอ เจะโด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เล่าให้ฟังว่า ยอดเขาสันกาลาคีรีเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกทรายขาว เป็นจุดที่กั้นเขตแดนระหว่าง จ.ปัตตานี กับ จ.ยะลา และสงขลา น้ำตกทรายขาวมีทั้งหมด 10 ชั้น มีผาน้ำตกสูงถึง 40 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกโพงโพง น้ำตกอรัญวาริน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
“ป่าแถบนี้เป็นป่าดิบชื้น มีน้ำตกสวยงาม ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติลงตัว สภาพทางภูมิศาสตร์ก็มีความเหมาะสม ข้างบนสุดมีผลไม้มากมายที่เรียกกันว่าสวนผสม ซึ่งชุมชนทรายขาวร่วมกันปลูก พื้นที่นี้ชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง"
นายมะแอ กล่าวด้วยว่า น้ำตกทรายขาวได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 ทำให้ต้องปรับรูปแบบการจัดการ มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมและพักผ่อน เพื่อเป็นการบำรุงสถานที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับตัวเลขนักท่องเที่ยว เพราะกลับพบว่ามีผู้คนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ตลอดจนชาวต่างชาติมาเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
“คนมาเที่ยวกันเยอะ ทางอุทยานฯก็มีความภาคภูมิใจ ทุกวันนี้พื้นที่น้ำตกไม่เพียงพอกับนักท่องเที่ยวแล้ว ที่สำคัญคือตัวนักท่องเที่ยวเอง เราได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ เพราะการเข้าชมแต่ละครั้งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย เด็กวัยรุ่นที่มาจึงมาเที่ยวและพักผ่อนจริงๆ ไม่ใช่จะมาสร้างความรำคาญเหมือนแต่ก่อน” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ระบุ
เขตปลอดความขัดแย้ง
ขณะที่ นายสมาน ศรีปูเตะ หรือ “กำนันสมาน” ประธานชุมชนท่องเที่ยวตำบลทรายขาว บอกว่า ในความเลวร้ายที่ได้ยินจากข่าวสถานการณ์ความรุนแรงไม่เว้นแต่ละวันในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น น้ำตกทรายขาวถือเป็นข้อยกเว้น
"จุดเด่นของชุมชนทรายขาวคือวัฒนธรรมท้องถิ่นดั้งเดิม มีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง และความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชน ที่ทรายขาวมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ คือมัสยิดโบราณอายุ 380 ปี ชื่อว่ามัสยิดบาโงลางา มีวัดทรายขาว และน้ำตกทรายขาว นอกจากนั้นกลุ่มแม่บ้านที่นี่ยังผลิตสินค้าโอทอป ทั้งยังอยู่กันได้อย่างสงบสุขโดยไม่มีความขัดแย้งระหว่างศาสนาด้วย" กำนันสมาน กล่าว และว่า
"ความรุนแรงในพื้นที่ทรายขาวไม่มี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการสร้างสถานการณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกวันนี้ชุมชนทรายขาวยังมีกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันผลิตกล้วยเส้นขายเป็นสินค้าโอทอป มีการผลิตผ้าทอลายจวนตานีที่ถูกใจนักท่องเที่ยว ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างไทยพุทธกับมุสลิมดีมาก ทุกคนอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง เวลามีงานของฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็จะมาช่วยกัน สมัยก่อนเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ พวกเราอยู่กันอย่างไร ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่กันอย่างนั้น”
กำนันสมาน กล่าวด้วยว่า การที่น้ำตกทรายขาวได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้ชุมชนทรายขาวมีคนมาเที่ยวและรู้จักเยอะขึ้น ชาวบ้านก็พลอยมีรายได้เพิ่มขึ้นไปด้วย ยิ่งมีการจัดกิจกรรมวิ่งป่าฯด้วยแล้ว ต่อไปน้ำตกทรายขาวและชุมชนทรายขาวจะต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างแน่นอน
วันนี้ได้ไปสัมผัสน้ำใสไหลเย็นที่น้ำตกทรายขาว และฝากรอยเท้าไว้ที่เทือกเขาสันกาลาคีรีแล้วหรือยัง?
-----------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 กับ 3 ทะเลหมอกบนเทือกเขาสันกาลาคีรี ต้นน้ำของน้ำตกทรายขาว
2 ความสวยงามในระดับตรึงใจของน้ำตกชื่อดังแห่งปัตตานี