องค์กรสิทธิฯระหว่างประเทศเรียกร้องปล่อยตัว “สมยศ” คดีหมิ่นฯมาตรา112
สมาคมสิทธิฯไทยเผยแถลงการณ์องค์การสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เรียกร้องปล่อยตัว “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพ มาตรา 112 ศาลอาญานัดตัดสิน 19 ธ.ค.นี้
วันที่ 10 ธ.ค.55 สมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน(ประเทศไทย) เปิดเผยแถลงการณ์ของคณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ (UNWGAD) อันประกอบด้วยหลายองค์กรที่ทำงานเพื่อคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน อาทิ FIDH และ OMCT รวมทั้งสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชนที่ระบุว่าการควบคุมตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนเป็นการกระทำขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล รวมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ
แถลงการณ์ระบุว่า นายสมยศ ถูกควบคุมตัวมากว่า 20 เดือนตั้งแต่ถูกจับกุม 30 เม.ย.54 หลังจากเริ่มรณรงค์พยายามรวบรวม 10,000 รายชื่อเรียกร้องรัฐสภาแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยศาลยุติธรรมปฏิเสธคำขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายสมยศถูกข้อหาอาญาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา 112 เพราะเขาอนุญาตให้มี 2สองบทความของผู้เขียนอีกคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในวารสาร “เสียงทักษิณ” ซึ่งโดยปกติศาลจะพิจารณาคดีลับกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่โปร่งใส
นายแดนทอง บรีน ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน ประเทศไทย กล่าวว่านายสมยศเป็นสมาชิกองค์กรสิทธิมนุษยชน เป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายเข้มงวดละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายโคทม อารยา เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “รู้จักสมยศตั้งแต่ตอนทำงานที่สมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน เขามุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาสภาพของผู้ใช้แรงงาน ต่อมาทำงานด้านส่งเสริมสิทธิเสรีภาพทางการเมืองให้กับแรงงงานไทย เขามีประวัติงานด้านสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมประชาธิปไตย แรงจูงใจทางการเมืองใดใดไม่ควรทำให้เขาต้องถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นฯ “
นายจตุรงค์ บุญญรัตนสมบูรณ์ อดีตประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน กล่าวว่านายสมยศอุทิศตนต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เชื่อมั่นระบบประชาธิปไตย ไม่เห็นด้วยกับเผด็จการและรัฐประหา
15 มิ.ย.55 UNWGADส่งจดเหมายอย่างเป็นทางการถึงประเทศไทย เรียกร้องและตั้งคำถามเกี่ยวกับการควบคุมตัวนายสมยศ รัฐบาลได้ตอบจดหมาย 29 มิ.ย.โดยกล่าวว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นกฎหมายที่มีความชอบธรรมและและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ และอธิบายว่าการกระทำความผิดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นการคุกคามความมั่นคงและบูรณาการแห่งรัฐ เสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของรัฐไทย แต่ก็ไม่ได้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง
เดือน ส.ค.55 UNWGAD พร้อมด้วยผู้แทนพิเศษว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ระบุว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทย ทำให้การถกเถียงเรื่องสำคัญที่เป็นความสนใจของสาธารณะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม จึงเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก สิทธิเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรา 19 ของอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
“ประเทศไทยใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการคุกคามทางกฎหมาย รวมทั้งการควบคุมตัวนายสมยศ และบุคคลอื่นๆที่ใช้สิทธิแสดงความคิดเห็น ทั้งๆที่ไทยเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและมีภาระหน้าที่ในการเคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการพูดและแสดงความคิดเห็น” ประธาน FIDH กล่าว
UNWGAD ระบุว่าการรณรงค์ให้แก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการตีพิมพ์บทความที่วิพาษณ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์นั้น เป็นการกระทำที่ต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศตามข้อบทมาตรา 19 ของอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คณะทำงานฯ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ และให้ชดเชยค่าเสียหายแก่นายสมยศด้วย
คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ ได้ส่งจดหมายจากองค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับกรณีคดีอาญาข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในหลายครั้ง รวมถึงเดือน มิ.ย.54 ผู้แทนพิเศษว่าด้วยสถานการณ์ของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน นาง Margaret Sekaggya และผู้รายงานพิเศษว่าด้วยเรื่องสิทธิในการแสดงออกทางความคิดเห็น นาย Frank La Rue ได้ส่งหนังสือร้องเรียนเร่งด่วน มายังประเทศไทย เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ถูกดำเนินคดีอาญา รวมทั้งนายสมยศ ต,ค.54 นาย Frank La Rue เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ความผิดอาญาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ในกฎหมายอาญาไทย โดยระบุว่า “กฎหมายดังกล่าวเป็นข้อหาที่กว้างและไม่ชัดเจน รวมทั้งมีบทลงโทษที่หนัก ไม่ได้สัดส่วนกับความจำเป็นในการปกป้องสถาบันกษัตริย์และความมั่นคงแห่งรัฐ”
ธ.ค.54 สำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ UNWGAD และผู้แทนพิเศษทั้ง 3ประเด็นได้ส่งข้อร้องเรียนเร่งด่วนอีกครั้งเดือน ธ.ค.54 เพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฎิบัติต่อนายสมยศระหว่างการควบคุมตัวและความสอดคล้องของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
เดือน ต.ค.ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพ.ศ. 2550 นายสมยศจะต้องขึ้นศาลอาญาอีกครั้งในวันที่ 19 ธ.ค.55 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำสั่งนี้
เลขาธิการของ OMCT นาย Gerald Staberock กล่าวว่า “ เราขอยืนยันให้ปล่อยตัวนายสมยศทันที จากการถูกควบคุมตัวและจากการใช้กระบวนการทางศาลในการคุกคามเขา ขอให้ผู้แทนพิเศษขององค์การสหประชาชาติ องค์กรพัฒนาต่างๆ รวมทั้งสถานทูตประเทศต่างๆประจำประเทศไทย ได้เรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับการควบคุมตัวนายสมยศ และจัดให้มีผู้สังเกตการณ์คดีในการพิจารณาคดี 19 ธ.ค.55 นี้ “.
