มะตอเฮ ดอเลาะ...หยาดเหงื่อของพ่อต่อลมหายใจของลูก
แม้การทำมาหาเลี้ยงครอบครัวเพื่อดูแลลูกและส่งลูกเรียนสูงๆ จะเป็นหน้าที่ปกติของพ่อทุกคน แต่สำหรับ มะตอเฮ ดอเลาะ แล้ว หน้าที่ที่ว่านี้ยังไม่ถึงครึ่งกับสิ่งที่เขาต้องทำ เพราะภารกิจสำคัญในชีวิตของเขาก็คือ ทำงานหาเงินเพื่อต่อลมหายใจของลูกชาย...ซูไฮมี ดอเลาะ
ซูไฮมี ต้องกลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ 8 ขวบ เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" ที่บ้านตะบิงตีงี ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2551 นับถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้ว อาการของลูกชายยังไม่ดีขึ้น ทำให้มะตอเฮในวัย 50 ปีต้องพาซูไฮมีเข้า-ออกโรงพยาบาลแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน
โชคยังดีที่ บูคอรี กับ นุรไอนี น้องของซูไฮมีซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุรุนแรงในครั้งนั้นด้วย ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ชีวิตหลังวันร้ายของครอบครัวก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะ อังคณา วาเตะ ภรรยาของมะตอเฮ แม่ของเด็กๆ ที่เคยเปิดร้านขายของชำ ก็ต้องหยุดกิจการอย่างถาวรเพื่อดูแลซูไฮมี ภาระการหารายได้ทั้งหมดเพื่อจุนเจือครอบครัวจึงตกเป็นของมะตอเฮผู้พ่อแต่เพียงผู้เดียว
ตลอดมา...มะตอเฮต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาพัก ทำให้เขาเริ่มป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง แม้อาการป่วยจะเริ่มมาเยือน แต่มะตอเฮบอกว่าเขาไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้ เพราะเครื่องช่วยหายใจคือลมหายใจของซูไฮมี
"ลูกชายของผมไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แม้กระทั่งหายใจ เครื่องช่วยหายใจจึงเป็นลมหายใจของลูกชายผม ทุกวันนี้เครื่องช่วยหายใจเสีย ผมต้องพาซูไฮมีไปใช้เครื่องช่วยหายใจที่โรงพยาบาล และหาเงินเกือบ 5 หมื่นมาซ่อมเครื่องช่วยหายใจให้ดีเหมือนเดิม"
มะตอเฮ มีลูกทั้งหมด 9 คน เป็นหญิง 5 คน และชาย 4 คน คือ น.ส.นุรฮานัน อายุ 21 ปี นายมูฮัมหมัด อายุ 17 ปี ด.ช.ซูไฮมี ขณะนี้อายุ 13 ปี ด.ญ.นุรไอนี อายุ 11 ปี ด.ช.บูคอรี อายุ 10 ปี ด.ญ.รอยฮัน อายุ 7 ปี ด.ญ.นูรี อายุ 5 ปี ด.ช. มุสลิม อายุ 4 ปี และ ด.ญ.ฟิตตู อายุ 2 ปี
งานของมะตอเฮ คือแพ็คของเพื่อนำไปส่งให้กับร้านค้า ซึ่งเขาลงแรงเอง และระดมมือไม้ของลูกๆ ที่โตพอจะช่วยเหลือได้ให้ช่วยกันทำช่วงหลังเลิกเรียน ทุกคนในบ้านต้องนอนดึก เพราะเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มะตอเฮต้องนำสินค้าที่แพ็คแล้วไปส่ง
เท่านั้นยังไม่พอ ช่วงเย็นของทุกวันมะตอเฮยังไปเปิดร้านขายของที่สี่แยกตลาดเมืองใหม่ จ.ยะลา อีกด้วย กว่าจะได้กลับบ้านก็ 3-4 ทุ่ม ต้องทำบัญชีรับ-จ่าย กว่าจะนอนก็ราวๆ เที่ยงคืน พอถึงตี 4 ก็ต้องตื่นทำละหมาด ตรวจเช็คสินค้า และขับรถนำไปส่งให้กับลูกค้า
งานที่หนักอยู่แล้วเพราะต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวรวม 11 ชีวิต ถึงวันนี้ต้องหนักขึ้นไปอีก เพราะเครื่องช่วยหายใจของซูไฮมีเสีย ทำให้ซูไฮมีต้องไปใช้เครื่องช่วยหายใจที่โรงพยาบาล ซึ่งมีค่าใช้จ่าย และต้องหาเงินมาซ่อมเครื่องช่วยหายใจเครื่องเก่า
"ตอนนี้ซูไฮมีต้องไปอยู่โรงพยาบาล ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น เงินที่จะนำมาซ่อมเครื่องช่วยหายใจอันเก่าก็ยังไม่มี ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร สิ่งเดียวที่รู้ก็คือเมื่อไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ซูไฮมีต้องไปอยู่โรงพยาบาล ตอนนี้เครียดมาก ความดันขึ้นไป 165 แล้ว วันพ่อปีนี้ถ้าเป็นไปได้ ขอเครื่องช่วยหายใจเป็นของขวัญให้ลูกก็พอใจแล้ว" มะตอเฮ เล่าความรู้สึก
ที่ผ่านมาเรื่องราวของซูไฮมีเคยเป็นข่าวโด่งดังทางสื่อมวลชนแขนงต่างๆ และครอบครัวของมะตอเฮเคยได้รับบริจาคเครื่องช่วยหายใจถึง 2 เครื่อง หนึ่งในสองเครื่องราคาถึง 7 แสนบาท ได้รับจาก นายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยความที่มะตอเฮเป็นคนจิตใจดี คิดว่าสำหรับซูไฮมีใช้เครื่องช่วยหายใจเครื่องเดียวก็น่าจะเพียงพอ จึงบริจาคให้โรงพยาบาลไป 1 เครื่อง เมื่อถึงคราวเคราะห์ เครื่องช่วยหายใจเสีย เขาจึงต้องพาลูกไปอาศัยใช้เครื่องของโรงพยาบาล แต่ก็กลายเป็นการเพิ่มรายจ่ายเรื่องการเดินทางและอาหารการกิน
"จริงๆ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เครื่องช่วยหายใจของซูไฮมีเสีย มันเคยเสียมาหลายครั้งแล้ว และแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท รายได้ส่วนหนึ่งที่หามาได้จึงต้องเสียไปกับการซ่อมเครื่องช่วยหายใจมาตลอด ตอนนี้ผมมีเงินในบัญชีไม่ถึง 5 พันบาท จึงยังไม่สามารถซ่อมเครื่องช่วยหายใจให้ลูกได้" มะตอเฮ กล่าวเสียงเศร้า
ด้าน ด.ญ นุรไอนี ลูกสาวคนที่ 4 น้องคนต่อจากซูไฮมี บอกว่า ทุกครั้งที่เห็นพ่อกลับมาดึกๆ รู้สึกสงสารพ่อ แต่เราเป็นเด็กทำอะไรไม่ได้มาก ได้แต่ช่วยพ่อทำงานเท่าที่ทำได้ และเป็นเด็กดี ขยันเรียนให้พ่อภูมิใจ
"วันพ่อปีนี้หนูอยากขอเครื่องช่วยหายใจของพี่ซูไฮมีให้พ่อด้วย พ่อของหนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอย่างที่เป็นอยู่"
ขณะที่ ด.ช.บูคอรี ลูกชายคนที่ 5 ของมะตอเฮ บอกว่า ตอนนี้พ่อทำงานหนักมาก เห็นพ่อกินยาลดความดัน คิดว่าพ่อต้องไม่สบายเพราะทำงานหนัก ถ้าเป็นไปได้อยากหยุดเรียนช่วยพ่อทำงานก่อน แต่พ่อไม่ยอม
"ผมไม่เคยเห็นพ่อได้หยุดพักเลย อยากบอกรักพ่อ และขอให้พ่อได้เครื่องช่วยหายใจเป็นของขวัญ เพื่อที่ว่าพ่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อย"
ส่วน ซูไฮมีที่นอนรอเครื่องช่วยหายใจอยู่ที่โรงพยาบาล แม้ร่างกายจะยังขยับไม่ได้ แต่ก็พอพูดได้ด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขาบอกว่า รู้ว่าพ่อเหนื่อยเพราะเขามาตลอดหลายปี โดยเฉพาะทุกครั้งที่เครื่องช่วยหายใจมีปัญหา อยากได้เครื่องช่วยหายใจเครื่องใหม่ พ่อจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก อยากให้พ่อหยุดพัก...
และอยากบอกว่ารักพ่อที่สุด
----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 มะตอเฮ ขณะยืนดูอาการของซูไฮมีที่ข้างเตียงผู้ป่วย
2 มะตอเฮกับภรรยาและลูกๆ (ภาพทั้งหมดโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ)
อ่านประกอบ : แง้มหัวใจช้ำ อังคณา วาเตะ นับวันรอลูกน้อยเหยื่อระเบิดกลับคืนอ้อมอก
http://wbns.oas.psu.ac.th/shownews.php?news_id=69475
หมายเหตุ : งานเขียนเรื่อง แง้มหัวใจช้ำ อังคณา วาเตะ นับวันรอลูกน้อยเหยื่อระเบิดกลับคืนอ้อมอก เป็นงานของศูนย์ข่าวอิศรา โดย แวลีเมาะ ปูซู แต่เนื่องจากการปรับปรุงหน้าเวฺ็บไซต์ ทำให้หาลิงค์เดิมไม่พบ จึงขออนุญาตใช้ลิงค์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี