ชี้ทางสร้างเกราะป้องกันสัมพันธ์ในวัยรุ่นคืนลอยกระทง แนะกระชับสัมพันธ์ครอบครัวตั้งแต่เด็ก
นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่จะถึงนี้ ในฐานะคนทำงานด้านครอบครัวขอฝากว่า พ่อแม่ควรใช้โอกาสนี้ทำกิจกรรมกับสมาชิกในครอบครัว โดยเริ่มตั้งแต่การร่วมกันประดิษฐ์กระทง และบอกเล่าถึงความเป็นมา และวัตถุประสงค์ของประเพณีลอยกระทงให้บุตรหลานได้เข้าใจ เพราะเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ถึงเป้าหมายของการลอยกระทงที่แท้จริง และเข้าใจว่าเทศกาลลอยกระทง คืองานรื่นเริง จุดพลุ เล่นไฟ ออกไปกับเพื่อนหรือคู่รัก ซึ่งในอดีตนั้นนอกจากการลอยกระทงจะเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคาแล้ว ชาวบ้านจะร่วมกันขุดลอกคูคลองเก็บสิ่งปฏิกูลในแม่น้ำลำธารของหมู่บ้าน เพื่อสร้างความสามัคคีและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน อีกทั้งเป็นค่ำคืนที่สมาชิกในครอบครัวจะได้ทำกิจกรรมอันดีงามร่วมกัน นอกจากนี้ขอให้ระมัดระวังการจุดพลุดอกไม้ไฟหรือลอยโคม ควรจุดในที่โล่งแจ้ง และไม่ปล่อยให้เด็กเล็กเล่นดอกไม้ไฟตามลำพัง รวมถึงช่วยกันดูแลเด็กที่ออกไปเก็บเงินในกระทง เพราะอาจจะจมน้ำเสียชีวิตได้
ด้าน น.ส.ศิวพร ปกป้อง กรรมการและผู้อำนวยการงานด้านวิจัยสมาคมครอบครัวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ ระดับประถมศึกษาในบ้าน ถือเป็นโอกาสดีที่จะใช้เทศกาลลอยกระทงสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากในปัจจุบันครอบครัวไทยใช้เวลาร่วมกันค่อนข้างน้อย เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่นจึงไม่สามารถตักเตือนได้ ดังนั้น การพูดคุยระหว่างคนในครอบครัวและการปลูกฝังเรื่องต่างๆ จึงควรทำตั้งแต่เด็กเล็ก โดยพ่อแม่ควรชักชวนลูกๆ หาวัสดุธรรมชาติง่ายๆ มาทำกระทงร่วมกัน พร้อมบอกเล่าถึงความสำคัญของวันลอยกระทง และพาเด็กๆ ออกไปลอยกระทง เพื่อให้เห็นถึงความสวยงามของการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ถ้าความสัมพันธ์ในครอบครัวดีตั้งแต่เด็ก และเมื่อเขาโตเป็นวัยรุ่นก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น สำหรับชุมชนในเมือง เช่น หมู่บ้านจัดสรร ก็อาจจะจัดกิจกรรมเล็กๆ ให้คนในชุมชนได้มาประดิษฐ์กระทง จัดประกวดกระทงที่สมาชิกแต่ละครอบครัวร่วมกันทำ และลอยกระทงร่วมกันในหมู่บ้าน ก็จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัว ชุมชนและสังคมให้เกิดขึ้นด้วย
“เด็กวัยรุ่นบางกลุ่มอาจจะมองว่าเทศกาลลอยกระทงเป็นเทศกาลของคู่รัก และวัยรุ่นส่วนใหญ่จะไม่ไปทำกิจกรรมกับครอบครัวแต่จะไปกับเพื่อนหรือคนรัก ซึ่งช่วงวัยนี้ยิ่งเข้าไปห้ามหรือไปยุ่งกับเขามากจะยิ่งหนี จึงเป็นวัยที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง และควรมีกุศโลบายในการพูดคุย เช่น บอกว่าเทศกาลลอยกระทงเกี่ยวพันกับศาสนาและเป็นประเพณีที่ดีงาม การมีคนรักก็ต้องไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรมีสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม หากทำสิ่งดีๆ ร่วมกันในวันลอยกระทงก็จะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต เป็นต้น และควรให้ความรู้เรื่องการป้องกันกับลูกด้วย ทั้งนี้ พ่อแม่ต้องรู้และวิเคราะห์ระดับความซุกซนของลูกตัวเองให้ออก หากลูกยังไร้เดียงสา ต้องสอนทักษะเรื่องการปฏิเสธ การวางตัว และการเอาตัวรอด แต่หากลูกมีความซุกซนสูง ก็ต้องให้คำแนะนำเรื่องการป้องกัน ซึ่งการพูดคุยกับวัยรุ่นให้คุยเหมือนเพื่อน อย่าใช้คำสั่ง โดยเฉพาะคำว่า ห้าม อย่า ไม่ หรือลักษณะคำพูดที่คอยจับผิด แต่ให้ใช้คำพูดเชิงบวกบอกสิ่งที่เราเป็นห่วงและสิ่งที่เขาควรปฏิบัติ เช่น ถ้าไปกับเพื่อนเป็นกลุ่มอย่าแตกกลุ่มนะลูก หรือถ้ากลับดึกโทรบอกแม่ด้วย หรือถ้ากลับเกินเที่ยงคืนให้พ่อออกไปรับนะ โดยให้เหตุผลว่าคนเยอะ พ่อแม่เป็นห่วง และต้องไม่คาดคั้นเอาคำตอบ ยิ่งมีข้อแม้เยอะเด็กจะยิ่งโกหก ซึ่งพ่อแม่ควรใช้ลักษณะการพูดคุยเช่นนี้ จนเป็นเรื่องปกติในครอบครัว เขาจะรู้สึกสบายใจว่าได้รับความไว้วางใจ และไม่กล้าเหลวไหล เพราะความจริงเด็กต้องการให้พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่และไว้วางใจอยู่แล้ว”น.ส.ศิวพรกล่าว
