เอแบคโพลล์ชี้ปชช. เชื่อมั่น ‘ปู’ ชี้แจงช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจได้
เอแบคโพลล์ชี้ปชช. มั่นใจ ‘ยิ่งลักษณ์’ ชี้แจงช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เชื่ออยู่ครบวาระ ระบุวางตัวเหมาะสมโอบามาเยือนไทย-94% อยากเห็นการเมืองไทยรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง การวางตัวของนายกรัฐมนตรีช่วง บารัค โอบามา มาเยือนประเทศไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และก้าวต่อไปของฝ่ายการเมืองที่ประชาชนอยากเห็น กลุ่มประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ลพบุรี ชลบุรี จันทบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวน 2,054 ตัวอย่าง
พบว่าเมื่อสอบถามถึงความเหมาะสมในการวางตัวของนายกรัฐมนตรีช่วง บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาเยือนประเทศไทย พบว่า ร้อยละ 63.9 ระบุว่าเหมาะสมแล้ว ขณะที่ร้อยละ 36.1 ระบุว่าไม่เหมาะสม และเมื่อถามว่า ถ้าคุณเป็นนายกรัฐมนตรี คุณจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าหรือแย่กว่านายกรัฐมนตรี พบว่าร้อยละ 71.1 ระบุว่าพูดได้แย่กว่านายกรัฐมนตรี ขณะที่ร้อยละ 28.9 ระบุว่าพูดได้ดีกว่า นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.8 ประทับใจในการใช้ภาษาอังกฤษของนายกรัฐมนตรี ช่วงผู้นำประเทศต่าง ๆ มาเยือนประเทศไทย
ที่น่าสนใจ คือ ร้อยละ 87.7 ให้ความสำคัญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 12.3 ไม่ให้ความสำคัญ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 93.5 อยากให้อภิปรายเฉพาะปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 6.5 เท่านั้นที่อยากให้อภิปรายเรื่องส่วนตัว ที่น่าพิจารณา คือ ร้อยละ 74.4 เชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรีในการชี้แจงช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ร้อยละ 25.6 ไม่เชื่อมั่น นอกจากนี้ร้อยละ 75.9 คิดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรในรัฐบาลหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในขณะที่ร้อยละ 24.1 คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามถึงระยะเวลาที่ต้องการให้โอกาสรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานต่อไป พบว่า ร้อยละ 46.9 ระบุ 2 ปีจนครบวาระ ขณะที่ร้อยละ 29.8 ระบุ 1 - 2 ปี ร้อยละ 12.5 ระบุ 6 เดือนถึง 1 ปี และร้อยละ 10.8 ระบุไม่เกิน 6 เดือน ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือ 5 อันดับแรกของก้าวต่อไปของฝ่ายการเมืองที่ประชาชนคนไทยทุกคนอยากเห็น พบว่า ร้อยละ 94.8 ระบุช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รองลงมาคือร้อยละ 91.8 ระบุให้เลิกแตกแยก มุ่งปรองดอง ร้อยละ 84.2 ให้สำนึกรู้คุณแผ่นดิน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ร้อยละ 74.1 ระบุให้รักสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลมีไมตรีจิตต่อกัน และร้อยละ 72.9 ให้เกียรติกัน ไม่เยาะเย้ย ถากถางกัน
ส่วนก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่อยากเห็นมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 45.9 เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าครองชีพ ร้อยละ 20.7 เสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ ลดความแตกแยก ร้อยละ 14.9 พัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศอาเซียน ร้อยละ 12.5 กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดพฤติกรรมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง และร้อยละ 6.0 ระบุอื่น ๆ เช่น แก้ปัญหาสังคม ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนาคุณภาพประชาชน ปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นต้น
ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศต้องการก้าวไปข้างหน้า ต้องการความสงบสุขภายในบ้านเมืองเพราะในชีวิตของประชาชนแต่ละวันก็มีปัญหาเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว ชาวบ้านจึงต้องการให้รัฐบาลและฝ่ายการเมืองทุกกลุ่มมุ่งมั่นทำงานเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นอันดับแรก การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็น่าจะเป็นเรื่องการช่วยเหลือเกื้อกูลชี้แนะชี้นำเชิงสร้างสรรค์หาทางแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศโดยไม่เลือกปฏิบัติมากกว่าเรื่องส่วนตัวเพราะสุดท้ายแล้ว ฝ่ายการเมืองต้องถามตนเองว่า มีใครบ้างในรัฐสภาที่ไม่เคยผิดพลาดเลย ดังนั้น การให้โอกาสและการให้อภัยต่อกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ.
