ส.ต่อต้านภาวะโลกร้อนค้านการแจกป่า-ฟอกที่ดิน เอื้อประโยชน์นายทุน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ มีนโยบายแจกใบรับรองสิทธิ์ทำกิน (สทก.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศจำนวน 2.5 ล้านไร่ ให้กับราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรมที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ทำกิน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนจนให้มีที่ทำกินไม่ให้ไปบุกรุกป่าเพิ่มขึ้นนั้น
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะองค์กรเอกชนสาธารณะประโยชน์ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีวัตถุประสงค์ในการปกป้องพื้นที่ป่าไม้และรักษาทรัพยากรของชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ขอคัดค้านนโยบายและพฤติการณ์ดังกล่าวของกระทรวงทรัพย์ฯและกรมป่าไม้ โดยสิ้นเชิง และเห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นเพียงเล่ห์กลทางการเมืองของนักการเมืองที่รวมหัวกับข้าราชการในการ “ฟอกที่ดิน” ที่ผิดกฎหมาย ให้กลายเป็นที่ดินที่ถูกกฎหมาย ยกเว้นความผิดให้กับผู้ที่บุกรุกป่า เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน นักการเมือง และหรือหัวคะแนนของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง โดยเอาความยากจนของชาวบ้านมาเป็นตัวประกันเท่านั้น
นโยบายและพฤติการณ์ดังกล่าว สมาคมฯขอประณามและขอต่อต้าน 100% เพราะไม่ใช่ทางออกและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกรหรือราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินอย่างยั่งยืน ทั้งที่ในอดีตเคยมีนโยบาย “โฉนดชุมชน” ที่ชุมชนยอมรับโดยให้สิทธิในเอกสารสิทธิที่ทำกินของชาวบ้านในลักษณะของชุมชนเป็นเจ้าของร่วมกัน มิได้แยกเป็นปัจเจกชน ซึ่งไม่สามารถนำไปจำหน่ายจ่ายโอนให้กับนายทุนหรือผู้ใดได้ ยกเว้นการตกทอดแก่ทายาทหรือมรดกเท่านั้น แต่การที่ กระทรวงทรัพย์ฯและกรมป่าไม้ นำที่ป่าสงวนที่อ้างว่าเสื่อมโทรมหรือถูกบุกรุกแล้ว มาแจกให้กับนายทุนเป็นรายบุคคล โดยใช้ราษฎรที่ยากจนเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะนำไปทำรีสอร์ทหรือธุรกิจการค้าได้ ย่อมผิดต่อหลักการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น และจะนำไปสู่การทำลายป่าปกติให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อรอนโยบายประชานิยมดังกล่าว และไม่มีหลักประกันอันใดที่จะยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเมื่อมอบให้กับชาวบ้านแล้ว จะไม่ถูกโอนซื้อขายสิทธิไปให้นายทุน หรือนักการเมือง ฯลฯ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 85 มาตรา 87 โดยชัดแจ้ง
นอกจากนั้น กระทรวงทรัพย์ฯและกรมป่าไม้ ยังได้กระทำความผิดเช้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วย เพราะปล่อยให้มีการบุกรุกที่ป่าสงวนของชาติ จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม โดยการออกมายอมรับในข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อสาธารณะ เพราะความไร้ประสิทธิภาพของตน
ที่สำคัญ จากข้อมูลการแจกที่ดินดังกล่าว ยังเอนเอียงไปแจกแต่เฉพาะในพื้นที่หาเสียงของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ย่อมชี้ชัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 30 โดยชัดแจ้ง ทั้งนี้หากกระทรวงทรัพย์ฯและกรมป่าไม้ ไม่ทบทวนนโยบายหรือการดำเนินการดังกล่าว สมาคมฯจะร่วมกับผู้ที่มีส่วนได้เสียหรือนักอนุรักษ์ทั่วประเทศในการฟ้องร้อง เพิกถอนคำสั่งหรือการกระทำดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ต่อไป
ประกาศมา ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
นายศรีสุวรรณ จรรยา
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
