อส.ทพ.ใหม่...ดวงตาที่เสียไปแต่หัวใจไม่สิ้นหวัง
"อยากกลับบ้านใช่ไหม ถ้าใช่ยกนิ้ว 1 นิ้ว...ไม่อยากให้พี่ไปใช่ไหม ถ้าใช่ยก 2 นิ้ว" เป็นเสียงของ ลิ้ม อามาตมนตรี ที่พยายามหาวิธีสื่อสารกับน้องชายของเขา "ใหม่ อามาตมนตรี" หรือ "แบ็ค" เหยื่อระเบิดจาก อ.ยะหา จ.ยะลา ที่บาดเจ็บยับเยิน และดวงตาต้องมืดมิด
"ใหม่" เป็นอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4714 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 บ่ายวันพุธที่ 10 ต.ค.2555 เขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเกิดระเบิดขึ้นบริเวณริมถนนสายยะหา-ปะแต ท้องที่หมู่ 5 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา ขณะที่เขากับเพื่อนๆ ทหารพรานนั่งรถกระบะกลับฐานที่บ้านสะปอง ต.ปะแต อ.ยะหา หลังเสร็จภารกิจ แรงระเบิดทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 9 นาย และ อส.ทพ.ใหม่ คือหนึ่งในนั้น โดยเขาอาการสาหัสที่สุด
ร่างไร้สติถูกเพื่อนทหารนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา แต่เนื่องจากอาการหนัก เขาจึงถูกส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อาการเบื้องต้นคือถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะและดวงตา แพทย์ต้องผ่าตัดด่วน
วันนี้แพทย์ได้ผ่าเอาเลือดที่คั่งในสมองของเขาออกเรียบร้อยแล้ว ส่วนตาขวาที่ถูกสะเก็ดระเบิดอย่างรุนแรง ทีมแพทย์ต้องผ่าเอาลูกตาออก ส่วนตาซ้ายยังไม่ได้ผ่าเพราะต้องรอดูอาการ จึงแค่เช็ดทำแผลตามปกติ เนื่องจากคนไข้ที่ผ่าตัดสมองต้องใช้เวลาสังเกตอาการพอสมควร
แม้จะโดนหนักขนาดนี้ และดวงตาทั้งสองข้างมีผ้าขาวปิดสนิท แต่ อส.ทพ.ใหม่ ก็ยังใจสู้ พยายามใช้ภาษากายโต้ตอบหมอได้เป็นอย่างดี และใช้นิ้วสื่อสารกับพี่ชายอย่างไม่ย่อท้อ...
ทันทีที่ได้รับแจ้งจากต้นสังกัดว่าลูกชายโดนระเบิดขณะออกปฏิบัติหน้าที่ รวย อามาตมนตรี ผู้เป็นพ่อ พร้อมกับ "ลิ้ม" ลูกชายอีกคน รีบเดินทางออกจาก อ.เซกา จ.บึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ซึ่งเพิ่งแยกเขตการปกครองจาก จ.หนองคาย เมื่อปีที่แล้ว มุ่งหน้าสู่ จ.ยะลา ทันที ด้วยความหวังว่าลูกชายคงไม่เป็นอะไรมาก และต้องปลอดภัย
"พ่อเคยเตือนแล้วว่าให้คิดให้ดีก่อนลงไปที่ภาคใต้ แต่ด้วยความที่เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ก็เลยยืนกรานว่าจะไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ทั้งที่รู้ว่าพื้นที่นี้ไม่ปลอดภัยก็ตาม เขาจึงตัดสินใจลงมา"
รวย วัย 68 ปี พ่อของ อส.ทพ.ใหม่ เล่าว่า เขามีลูกทั้งหมด 9 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 6 คน อส.ทพ.ใหม่ เป็นลูกชายคนสุดท้อง เป็นความหวังของครอบครัว แม้ที่ผ่านมาลูกชายเลือกย้ายลงใต้ ปฏิบัติหน้าที่ในเขตอันตราย แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้
"พูดไม่ออก เสียใจที่ต้องมาเห็นสภาพลูกชายเป็นอย่างนี้ หัวอกคนเป็นพ่อ หัวใจแทบสลาย..."
ส่วน "ลิ้ม" พี่ชายคนที่ 2 ของ อส.ทพ.ใหม่ บอกว่า ตอนแรกคิดว่าน้องคงไม่เป็นอะไรมาก แต่พอมาเห็นสภาพน้องชายนอนอยู่อย่างนี้ รู้สึกเสียใจและสงสาร ไม่คิดว่าอาการจะหนักขนาดนี้ แม้จะเคยคิดว่าสักวันหนึ่งต้องเกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็ว...เร็วเกินกว่าที่จะตั้งตัวได้
"ผมไม่ได้โกรธแค้นผู้กระทำ คิดว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนของน้องชายและของครอบครัวเรา ทำให้ชาตินี้ต้องประสบกับเรื่องเศร้า" ลิ้ม กล่าว และว่า "ทราบว่าขณะเกิดเหตุไปกันหลายคน แต่มีคนเดียวที่เจ็บหนักคือน้องชายของผม ก็ถือเป็นความโชคร้ายของเขา ที่สำคัญเดือน พ.ย.นี้ น้องชายมีแผนจะไปทำพิธีหมั้นกับแฟนสาว พอเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นก็ยังไม่รู้อนาคตของน้องเลยว่าจะเป็นอย่างไร"
"ลิ้ม" ยังเล่าถึงอาการล่าสุดของน้องชายว่า ตาข้างขวาบอดสนิท ส่วนตาข้างซ้าย หมอยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะกลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมหรือไม่ ส่วนหูยังได้ยิน ฉะนั้นตอนนี้การสื่อสารที่ดีที่สุดก็คือพูดคุยกับน้อง และให้น้องใช้นิ้วมือเป็นสื่อตอบกลับมา ถึงวันนี้ครอบครัวก็ยังมีความหวังว่าน้องต้องดีขึ้น และอยากกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ)
"ผมอยากให้เหตุการณ์ยุติลงเสียที เพราะคนที่บาดเจ็บล้มตายล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน คนหนึ่งเจ็บ อีกหลายคนก็ต้องเจ็บไปด้วย ฉะนั้นเราน่าจะเห็นใจกัน อย่าได้ทำร้ายกันอีกเลย" พี่ชายของ อส.ทพ.ใหม่ กล่าวฝากไปถึงกลุ่มคนที่ยังเลือกใช้วิธีการรุนแรงสร้างสถานการณ์
ด้าน ส.ต.ท.ศราวุธ ทาสีแสง สังกัด สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของ อส.ทพ.ใหม่ และสนิทสนมกันมาก โดยเขาเรียก อส.ทพ.ใหม่ว่า "แบ็ค" ทุกคำ เขาเล่าว่า แบ็คเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง เพื่อนฝูงรักใคร่ อยู่ที่ไหนมีแต่คนรัก เมื่อปี 2551 แบ็คได้รับการบรรจุเป็นทหารพรานปฏิบัติหน้าที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ทำงานต่อเนื่อง 2 ปีกว่าจึงกลับไปพัก หวังว่าจะกลับไปแต่งงานด้วย แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงยังไม่พร้อม จึงตัดสินใจลงใต้อีกครั้ง พร้อมๆ กับรอสอบตำรวจและเก็บเงินแต่งงาน
"เขาตั้งใจจะกลับไปขอแฟนแต่งงาน โดยแฟนสาวก็ตอบตกลงเรียบร้อยแล้วด้วย ก่อนจะลงมารอบนี้ เขาโทรศัพท์ถามตลอดว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ก็บอกเขาไปว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว อย่ามาเลย แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร เราลงมาทำความดี มาเพื่อปกป้องประชาชน ถ้าเราอยู่ไม่ได้ แล้วคนอื่นจะอยู่ได้อย่างไร"
"ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน คือเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ทราบว่าแบ็คอยู่นราธิวาส กระทั่งวันที่ 10 ต.ค.วันเกิดเหตุ ได้ยินรายงานจากศูนย์วิทยุว่ามีเหตุ 511 (ลอบวางระเบิด) ชุดทหารพราน ร้อย.ทพ.4714 บาดเจ็บ 8-9 นาย ไม่แน่ใจว่าจะมีแบ็คด้วยหรือเปล่า แต่ก็หวั่นใจเพราะเป็นชุดเดียวกันกับที่แบ็คสังกัดอยู่ แต่อีกใจก็ยังคิดในแง่ดีว่าแบ็คอยู่นราธิวาส มาทราบอีกทีตอนหัวค่ำว่าแบ็คโดนระเบิด อาการสาหัส ลูกตาข้างขวาหลุดออกมาและขาดเลือดด้วย"
ส.ต.ท.ศราวุธ เผยความรู้สึกด้วยว่า แม้จะได้ยินข่าวร้ายแทบทุกวันตลอดการทำหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่เคยเกิดเรื่องร้ายกับคนใกล้ตัวขนาดนี้
"เกิดกับคนอื่นเราก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว นี่มาเจอกับคนใกล้ตัว เรียกได้ว่าเป็นน้องชายของเราเลย ก็พูดไม่ออก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องโกรธแค้นพวกที่ทำ ผมคิดว่าความเข้าใจเราต่างกัน ผมไม่แค้นเขาหรอก แค่อยากรู้ว่าทำไปแล้วได้อะไร ศาสนาทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดี แต่ทำอย่างนี้ใช่หรือไม่ มันเป็นการเอาชนะ แต่คงไม่ใช่วิธีการเอาชนะที่ถูกต้อง"
สิ่งที่ตำรวจหนุ่มกังวล คือความช่วยเหลือจากทางราชการ ซึ่งเขาอยากให้ดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะ อส.ทพ.ใหม่ เสี่ยงต่อการทุพพลภาพ
"ทราบว่าต้นสังกัดก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ทั้งกรมทหารพรานที่ 47 ผู้ว่าราชการจังหวัด ศอ.บต.(ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) และแม่ทัพภาคที่ 4 หลังจากนี้ผมไม่ได้ต้องการให้แบ็คได้สิทธิพิเศษอะไร เพียงแค่อยากให้รัฐเอาใส่ใจและดูแลคนคนหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ แล้วเกิดเป็นอย่างนี้ขึ้นมา อยากให้ดูแลเขาให้ดีที่สุด ในสิทธิ์ที่เขาควรจะได้รับ เพื่อวันข้างหน้าเขาจะได้ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง"
"เท่าที่ทราบต้นสังกัดจะดูแลเขาไปตลอดชีวิต ถ้าแพทย์สรุปว่าต้องเป็นคนทุพพลภาพหรือพิการก็อาจจะต้องปลดประจำการ ช่วงแรกๆ อาจเป็นข่าวบ้าง แต่พอหลังจากข่าวเงียบไป ทุกอย่างก็จะเงียบตาม กลายเป็นบุคคลที่ถูกลืม คล้ายๆ กับอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้น ตรงนี้ผมมีความกังวล ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับน้องชายผม โดยเฉพาะในสภาพที่เขาต้องตาบอด" ตำรวจหนุ่ม กล่าว
อย่าให้ อส.ทพ.ใหม่ หรือเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทยต้องกลายเป็น...วีรบุรุษผู้ถูกลืม!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 อส.ทพ.ใหม่ (พรางภาพเพื่อรักษาสิทธิผู้ป่วย โดยฝ่ายศิลป์ ทีมข่าวอิศรา)
2-4 พี่ พ่อ และเพื่อน คอยให้กำลังใจ (ภาพทั้งหมดโดย แวลีเมาะ ปูซู)