รมว.อุตฯใหม่ ดันเอสเอ็มอี-โอทอป-ครัวไทยสู่สากล-เดินหน้าค่าแรง 300 บ.
รมว.อุตฯใหม่ ลั่นนโยบายด่วน ดันเอสเอ็มอี-โอทอป-ครัวไทยไปตลาดโลก เคร่งครัดกม.โรงงานไม่กระทบชุมชน หนุนลงทุน 3 จว.ใต้ ดึงโบ๊เบ๊สู่กรุงเทพฯเมืองแฟชั่น เดินหน้าค่าแรง300บ.
วันที่ 2 พ.ย. 55 ที่กระทรวงอุตสาหกรรม นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม และนายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.กระทรวงอุตสาหกรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงในโอกาสรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ
นายประเสริฐ กล่าวภายหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหารว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะสานต่อนโยบายสำคัญของรัฐบาลต่อจากม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ อดีตรมว.กระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีนโยบายเร่งด่วนที่จะรีบดำเนินทั้งสิ้น 11 เรื่อง ได้แก่ 1.การสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากล 2. พัฒนาสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(โอทอป) โดยเน้นพัฒนาบรรจุภัณฑ์และหาช่องทางการตลาดใหม่ๆทั้งในไทยและต่างประเทศ 3. สานต่อนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก โดยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารสำคัญของโลกรวม ทั้งอาหารฮาลาลด้วย 4.ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและอัญมณี เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศ ตามนโยบายกรุงเทพฯเมืองแฟชั่น
5.สร้างระบบเตือนภัยเศรษฐกิจล่วงหน้าให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนตัดสินใจประกอบการลงทุน 6. ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ โดยมีมาตรการชักจูงนักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในไทยโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งชักจูงนักลงทุนไทยให้ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา พม่า มากขึ้น 7.สร้างฐานการลงทุนโดยพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแหล่งใหม่กระจายการลงทุนไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 8.เร่งรัดการแก้ปัญหาป้องกันอุทกภัยในนิคมอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง 9.บังคับใช้กฎหมายกับโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดกับชุมชน โดยจะทำให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย 10. กำกับควบคุมเรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และ11. เร่งสำรวจหาแหล่งแร่สำคัญ เช่น ทองคำ โพแทส ควอตซ์ หินน้ำมัน เป็นต้น
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ตนได้มอบหมายให้นายฐานิสร์ รมช.กระทรวงอุตสาหกรรมฯ ดูแลธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และสถาบันอิสระหลายแห่งด้วย
ด้านนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล(เริ่มใช้ทั่วประเทศ 1 ม.ค.56)นั้น เนื่องจากเป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีกำชับและฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลโดยละเอียด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานงานระหว่าง สศอ.กับกระทรวงแรงงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการเพิ่มขีดความสามารถแก่แรงงานและกระบวนการผลิต ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการพัฒนากรุงเทพเมืองแฟชั่น ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะทำงานโดย มีน.ส.กฤษณา รวยอาจิณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อวางกรอบการทำงานเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้า โดยจะเน้นการพัฒนาสินค้าของผู้ประกอบการระดับล่างมากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มสินค้าที่ประตูน้ำ - โบ๊เบ๊