′ปู′สั่งศึกษาเงินกู้จีนซื้อแท็บเล็ต แจกนักเรียนทุกชั้น-เล็งยุบร.ร.ขนาดเล็ก
'ยิ่งลักษณ์' สั่งเสมาศึกษากู้เงินจีนซื้อเเท็บเล็ตเเจกป.3-6 เเละม.3-6 เล็งยุบร.ร. ขนาดเล็ก หวังลดค่าใช้จ่ายประเทศ
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เพื่อรับทราบนโยบายด้านการศึกษา ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา เพราะมีความสำคัญทั้งปริมาณกำลังคนและเนื้อหาการจัดการเรียนการสอน ที่ผ่านมาไม่มีการประสานงานระหว่างสถานประกอบการกับทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่ามีความต้องการกำลังคนจากอาชีวศึกษามาก และคนที่มาเรียนสายอาชีวะก็มีน้อยมาก ฉะนั้นต้องไปหารือกับสถานประกอบการว่าต้องการกำลังคนด้านไหนบ้างเพื่อให้ สอศ.ผลิตนักเรียนนักศึกษาตรงความต้องการ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามถึงกองทุนตั้งตัวได้ที่จะให้ทุนแก่นักศึกษาไปประกอบธุรกิจว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว โดยขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้ว รอประชุมคณะกรรมการระดับชาติก็จะเดินหน้าได้ ส่วนงบประมาณได้รับอนุมัติ 5,000 ล้านบาท รวมกับงบประมาณเก่าของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อีก 1,300 ล้านบาท ที่สามารถใช้ได้เลย ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากเน้นให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาได้เข้าโครงการนี้และควรดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้นักศึกษาที่จบมีงานทำ
ปลัด ศธ.กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังได้สอบถามถึงโครงการจัดหาแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ว่าแจกครบแล้วหรือไม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รายงานว่าเหลืออีกประมาณ 200,000 เครื่อง และคาดว่าจะแจกได้แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังพูดถึงการจัดซื้อแท็บเล็ตให้นักเรียนระดับชั้นอื่นให้ครบทุกชั้น ได้แก่ ประถมศึกษาปีที่ 3-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3-6 อาจไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐบาลเพราะประเทศจีนพร้อมจะให้เงินกู้มาก่อนแล้วทางรัฐบาลค่อยโอนเงินจ่ายเป็นรายปีไปให้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปโดยนายกรัฐมนตรีมอบให้มาศึกษาข้อดีข้อเสียและจำนวนงบประมาณที่ต้องใช้
"นายกฯยังมีนโยบายเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 30-40 คน ว่าควรย้ายเด็กไปเรียนโรงเรียนอื่นแทนและให้หารถรับส่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้ ซึ่งนายกฯเห็นว่าหากยังเปิดสอน ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่ย้ายเด็กไปเรียน ก็ต้องไปดูว่าจะใช้ประโยชน์อะไรต่อได้" นางพนิตากล่าว
ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า การจัดหาเครื่องแท็บเล็ตให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปีการศึกษา 2556 นั้น ยังคงเป็นความร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งไอซีทีจะรับผิดชอบในส่วนของการกำหนดสเปก และการดำเนินการทางด้านเทคนิคต่างๆ ส่วนแนวทางการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตนั้น จะจัดซื้อด้วยวิธีประมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบอีออคชั่น โดยแบ่งเป็น 5 โซน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และเป็นการกระจายที่ช่วยลดความเสี่ยง เนื่องจากจัดซื้อจำนวนมากประมาณ 1.6 ล้านเครื่อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมีแนวคิดที่จะขยายการจัดสรรแท็บเล็ตให้ครอบคลุมนักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนให้รวดเร็วมากขึ้นด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาแนวทางการดำเนินการ
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ส่วนเนื้อหาที่จะบรรจุในแท็บเล็ตนั้น สพฐ.จะติดตามการใช้ที่ผ่านมา และส่งเสริมการพัฒนาสื่อ โดยจะจัดประกวดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้วงการผลิตสื่ออีคอนเทนต์ (e-content) มีความตื่นตัวมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะว่า ควรสร้างแรงจูงใจให้คนหันมาส่งผลงานเข้าประกวด โดยให้ความสำคัญกับเครดิตของผลงาน ซึ่งหากผู้ชนะมาจากภาคเอกชนก็ควรเปิดโอกาสให้สามารถนำผลงานบรรจุลงในแท็บเล็ตได้ด้วย แต่หากผู้ชนะเป็นครู ทาง สพฐ.ก็มีแนวคิดที่จะให้ผลงานมีผลต่อการประเมินวิทยฐานะ เพราะในเกณฑ์การประเมินของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีการพิจารณาจากรางวัลระดับชาติด้วย ดังนั้น สพฐ.จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ก.ค.ศ. เพื่อให้การรับรองรางวัลที่ชนะจากการประกวดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการประเมินวิทยฐานะด้วย.
ที่มาภาพ : http://www.myfirstbrain.com/thaidata/image.asp?id=2823074