โพลล์เผย ปชช. มองปรับ ‘ครม.ปู 3’ ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ห่วงนายกฯ ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “ความหวังของสาธารณชน การปรับคณะรัฐมนตรี กับการยึดอำนาจรัฐบาล” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ เลย ยะลา นราธิวาส และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 22 - 27 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา พบว่า
เมื่อถามถึงผลกระทบต่อการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งที่สามของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.2 ระบุคิดว่าไม่มีผลกระทบต่อรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 41.8 คิดว่ามีผลกระทบต่อรัฐบาล นอกจากนี้ เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.9 ระบุเป็นเรื่องดีที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรให้คำแนะนำปรึกษาต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เป็นคนมีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ ได้รับความนิยมศรัทธาสูง เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 46.1 ไม่คิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เป็นตัวของตัวเอง ขาดความน่าเชื่อถือ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จำนวนมากหรือร้อยละ 45.8 คิดว่า เมื่อรัฐบาลปรับคณะรัฐมนตรีแล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 28.6 ระบุว่าจะดีขึ้น และร้อยละ 25.6 ระบุว่าจะแย่ลง
เมื่อถามถึงการชุมนุมทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.6 สนับสนุนเพราะเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 37.4 ไม่สนับสนุน เพราะ วุ่นวาย ควรช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ทุกอย่างให้ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง เป็นต้น
เมื่อถามถึงผลของการปฏิวัติยึดอำนาจที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.2 ระบุ ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง ในขณะที่เพียงร้อยละ 10.8 เท่านั้นที่ระบุทำให้บ้านเมืองดีขึ้น โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.5 ระบุมีแค่คนเฉพาะกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการยึดอำนาจ ในขณะที่เพียงร้อยละ 4.5 เท่านั้นที่ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 ระบุการให้โอกาสรัฐบาลทำงานและอาศัยกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองสร้างความหวังมากกว่าการยึดอำนาจ ในขณะที่ร้อยละ 2.7 คิดว่าการยึดอำนาจให้ความหวังมากกว่า
ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าสาธารณชนอยากเห็นบ้านเมืองก้าวต่อไปข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตยและอาศัยกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองในเวลานี้แก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ เพราะมีความหวังมากกว่าการใช้อำนาจพิเศษใดๆ เมื่อรัฐบาลเกิดความผิดพลาดในการบริหารบ้านเมืองก็ต้องใช้การถ่วงดุลอำนาจและภาคประชาชนเข้าแก้ไขปรับปรุงมากกว่า สังคมไทยน่าจะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป ขอให้ทุกฝ่ายลดอคติที่มีต่อกัน และ “อย่าดึงฟ้าต่ำ”หรือหยุดดึงสถาบันเบื้องสูงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ของประเทศจะแยกแยะออกว่า การเมืองเป็นเรื่องการเมือง ส่วนสถาบันเบื้องสูงเป็นหัวใจที่สาธารณชนคนไทยทั้งประเทศเคารพรักศรัทธาที่แยกออกจากเรื่องการเมืองชัดเจน จึงเสนอแนะให้ฝ่ายการเมืองมุ่งทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของฝ่ายการเมืองในการลดทอนความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ไม่กลายเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งในบ้านเมืองเสียเอง เพราะการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยมีกลไกปรับเปลี่ยนอำนาจในตัวของมันอยู่แล้ว การใช้อำนาจพิเศษใดๆ จะกลายเป็นตัวปัญหาของบ้านเมืองเสียเองที่จะส่งผลทำให้ปัญหาทวีคูณมากขึ้นไปอีก จึงขอให้ทุกอย่างตัดสินกันที่การเลือกตั้งและการหนุนเสริมให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของรัฐบาลทุกระดับ น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับสังคมไทยในเวลานี้มากกว่า
