เสียงสะอื้นหลังคลื่นซัด...ที่บ้านดาโต๊ะ
พายุฝนและคลื่นลูกยักษ์ซัดใส่บ้านเรือนประชาชนปลิวหายไปทั้งแถบจนแทบไม่เหลือซากถึง 26 หลัง หลังคาเปิด ข้างฝาพังอีกราว 200 หลัง ชาวบ้านที่กลายเป็นคนไร้บ้านต้องอาศัยโรงเรียนตาดีกาในชุมชนเป็นนิวาสถานหลับนอนชั่วคราว
แต่อาคารโรงเรียนตาดีกาก็คับแคบ มีแค่ 2 ชั้น 8 ห้องเท่านั้น...
นิสารูนี เปาะนา หญิงสาวมุสลิมวัย 25 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 43/2 หมู่ 4 บ้านดาโต๊ะ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุเธออยู่บ้านพร้อมกับลูก 2 คน คนโตอายุ 4 ขวบ และคนเล็กอายุ 2 ขวบ นอกจากนั้นยังมีแม่อยู่ด้วยอีกคน ส่วนสามีไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย จึงไม่มีผู้ชายอยู่ที่บ้านเลย คืนนั้นลมมาแรงจนไม่กล้าอยู่บ้าน สุดท้ายต้องหอบลูกฝ่าสายฝนไปหลบที่มัสยิด พอน้ำขึ้นสูงก็ย้ายไปอาศัยโรงเรียนตาดีกาจนถึงทุกวันนี้เป็นคืนที่ 4 แล้ว เพราะน้ำกับพายุพัดบ้านไปทั้งหลัง เหลือแต่ซาก
“เรื่องความเสียหาย ก็ต้องบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่เสื้อผ้าของตัวเอง ลูกๆ และแม่ของฉันคนละชุดเท่านั้น แต่ตอนนี้ดีหน่อยที่มีชาวบ้านมาบริจาค ทำให้พอมีเสื้อผ้าเปลี่ยนบ้าง ความยากลำบากอีกอย่างหนึ่งในตอนนี้คือต้องมาอยู่ที่โรงเรียนตาดีกา ซึ่งแออัดมาก ไม่สบายเหมือนอยู่บ้านของเราเอง ทั้งอาหารการกิน ที่หลับที่นอน แต่ในความย่ำแย่ก็มีเรื่องดีๆ อยู่ ก็คือความสามัคคีของคนในชุมชน ทุกคนมีอะไรก็จะแบ่งปันกัน มีน้อยก็กินคนละหน่อย มีมากก็แบ่งๆ กันกินเท่าที่พอจะมี”
“สิ่งที่ต้องการมากที่สุดตอนนี้คือน้ำดื่มและอาหารแห้ง เพราะถ้าฝนตกลงมาอีกตามที่ทางจังหวัดประกาศเตือน พวกเราที่อยู่ที่โรงเรียนตาดีกาต้องลำบากกว่านี้ เพราะจะไปซื้อหาของมากักตุนก็ไม่มีเงิน ทุกอย่างหายไปพร้อมกับบ้าน หยิบฉวยอะไรไม่ทันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอพายุฝนและคลื่นลมแรงอย่างนี้ คิดแค่ว่ามีลมพัดมาและฝนตกตามปกติเหมือนทุกปี แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว ยายข้างบ้านบอกว่าแกไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม่ว่าสมัยไหนๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นขนาดนี้ ถือว่าหนักที่สุดเท่าที่บ้านดาโต๊ะเคยประสบมา” นิสารูนี กล่าวพร้อมกับทอดถอนใจ
นางเยาะ สือแต คุณป้าวัย 63 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 52/3 ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเสียบ้านไปทั้งหลัง เล่าว่า เป็นลมตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ถอดสายน้ำเกลือเลย คนแก่มาเจอแบบนี้ก็รับไม่ไหว บ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดต้องมาถูกพายุพัดหายไปในพริบตา
ขณะที่ นายมามะ ดาแม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านดาโต๊ะ บอกว่า สิ่งที่ต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือน้ำกับข้าวสาร ถ้ามีแต่น้ำอย่างเดียวก็ไม่สามารถหุงข้าวกินได้ น้ำในบ่อของหมู่บ้านก็ไม่มีเหลือ อีกเรื่องหนึ่งคือความแออัด เพราะคนหลายสิบครอบครัวต้องไปอัดกันอยู่ในห้องแค่ 8 ห้อง มันเกินกว่าจะอยู่กันได้ แต่ที่ทุกคนต้องทนเพราะไม่มีทางเลือก
“ผมอยากเรียกร้องให้ทางอำเภอเปิดห้องในอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านดาโต๊ะให้ชาวบ้านได้ขยับขยายไปพักก่อน เพราะแต่ละครอบครัวที่บ้านพังคงต้องอาศัยนอนในโรงเรียนตาดีกาอีกนานจนกว่าจะได้บ้านใหม่ ไม่ใช่แค่วันสองวัน ถ้าเปิดห้องเพิ่มน่าจะช่วยลดความแออัดได้บ้าง” ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝากไปถึงนายอำเภอ
ด้าน นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งเดินทางลงพื้นที่บ้านดาโต๊ะเพื่อเยี่ยมเยียนและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับพี่น้องประชาชน กล่าวว่า สิ่งที่สามารถทำได้ทันทีในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ คือแจกจ่ายสิ่งของจำเป็นให้มากที่สุดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า เช่น ยารักษาโรค อาหารการกิน และน้ำดื่ม
“ผมเองนอกจากจะมาในฐานะโครงการวุฒิสภารวมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว ยังมีสิ่งของที่ ท่านกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฝากมาบริจาคอีกด้วย และยังมีหน่วยงานอีกหลายหน่วยเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ส่วนในระยะยาว การแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งอยากจะฝากว่าขอให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เบื้องต้นเงินเยียวยาครอบครัวละ 5,000 บาท และ 1แสนบ้านสำหรับคนที่บ้านพังทั้งหลัง ผมอยากให้ความช่วยเหลือมาถึงพี่น้องที่นี่โดยเร็วที่สุด” ส.ว.อนุศาสตร์ กล่าว
และนี่คือเสียงสะอื้นหลังคลื่นซัดที่บ้านดาโต๊ะ...หมู่บ้านริมเลที่ปัตตานี
------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
ภาพลีด - ชาวบ้านดาโต๊ะยืนมองบ้านเรือนที่พังยับเยินเพราะพายุฝนอย่างสิ้นหวัง
3 ภาพบน - ความเสียหายที่ชุมชนบ้านดาโต๊ะ
3 ภาพล่าง - ชาวบ้านต้องไปอาศัยที่โรงเรียนตาดีกาอย่างแออัด โดยมีชาวบ้านจากพื้นที่อื่นช่วยบริจาคเสื้อผ้า และ ส.ว.อนุศาสตร์ เดินทางเข้าไปเยี่ยม