ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่ชายแดนใต้...
องค์กรสื่อมอบเงินบริจาคช่วยลูกสาวครูเหยื่อไฟใต้
เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พร้อมด้วยตัวแทนจากสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนมอบเงินที่ได้รับบริจาคผ่านรายการ “คลื่นความคิด” สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 96.5 อ.ส.ม.ท. เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของ นายวิลาศ เพชรพรหม และนางคมขำ เพชรพรหม ครูสองสามีภรรยาจาก จ.นราธิวาส ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2553
ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ มอบเงินให้กับลูกๆ 3 คนของครูวิลาศและครูคมขำ คือ น.ส.ปัทมา เพชรพรหม น.ส.ปิยะพร เพชรพรหม และ น.ส.เพ็ญพร เพชรพรหม ซึ่งทั้งสามคนยังอยู่ในวัยเรียน
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์สลด คนร้ายสังหารครูวิลาศกับครูคมขำ ทางสถานีวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 96.5 ได้ร่วมกับสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวของครูทั้งสอง โดยผ่านบัญชี “โครงการศูนย์ข่าวอิศรา โต๊ะข่าวภาคใต้” เป็นบัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 073-217487-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสามเสน โดยตั้งแต่เปิดรับบริจาคเมื่อวันที่ 9 ก.ย. จนถึงวันที่ 20 ก.ย. มียอดเงินบริจาคผ่านบัญชีของศูนย์ข่าวอิศราถึง 225,942.15 บาท และยังมีการบริจาคผ่านบัญชีของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยด้วยอีก 25,800 บาท รวมยอดเงินบริจาคทั้งสิ้น 251,742.15 บาท
“เงินบริจาคที่ประชาชนมอบให้ผ่านรายการคลื่นความคิด ถือเป็นอีกแรงใจและความช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกันที่พอจะช่วยให้ทายาททั้งสามคนของครูวิลาศและครูคมขำ ดำเนินชีวิตได้ต่อไปอย่างมั่นคงพอสมควร” นายวิสุทธิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.ปัทมา ลูกสาวคนโตของครูวิลาศและครูคมขำ กล่าวว่า ขอบคุณน้ำใจจากทุกท่านที่ให้บริจาคและเป็นกำลังใจแก่ครอบครัวของเธอตลอดมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์กับพ่อและแม่ และขอขอบคุณรายการวิทยุคลื่นความคิด เอฟเอ็ม 96.5 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย รวมทั้งสถาบันอิศรา ที่เป็นสื่อกลางนำความช่วยเหลือจากทุกท่านมาสู่เธอและน้องๆ อีก 2 คน
ธารน้ำใจไหลหลั่งช่วยสองย่าหลานตาบอด
หลายคนคงยังจำกันได้ กับเรื่องราวสุดรันทดของ นางบุญเลี้ยง ปานปทุม อายุ 86 ปี กับ เด็กชายสมพล เสาใบ อายุ 12 ปี สองย่าหลานผู้พิการทางสายตาจาก อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แทบไม่มีแม้รายได้ที่จะเลี้ยงชีวิต ตามที่สื่อมวลชนใน จ.ยะลา และโต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา เคยนำเสนอจนสะเทือนใจผู้คนทั่วประเทศมาแล้ว
ความหวังเล็กๆ ของ ย่าบุญเลี้ยง ก็คืออยากให้หลานชายได้รับการรักษา หรืออย่างน้อยก็ได้โอกาสไปเรียนหนังสือ ขณะที่ตัวย่าบุญเลี้ยงเองก็อยากมองเห็นอีกครั้ง เพื่อจะได้ทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูหลานชายคนเดียวของนาง
ตลอดหลายเดือนหลังจากที่สื่อนำเสนอข่าว ปรากฏว่ามีผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศช่วยกันบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคารของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ คณานุรักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา ได้นำเงินสดจำนวน 23,335 บาท ที่ได้รับบริจาค ไปมอบให้ย่าบุญเลี้ยง และเด็กชายสมพล เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เงินที่นำมามอบให้ เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากพี่น้องประชาชนทั้งหมด ส่วนการรักษาดวงตาของทั้งสองคนนั้น ทราบว่า เด็กชายสมพลนั้น ไม่สามารถรักษาได้แล้ว เนื่องจากพิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด ส่วนย่าบุญเลี้ยงยังพอมีหนทางรักษาอยู่บ้าง และได้ประสานกับทางโรงพยาบาลเพื่อดำเนินการอย่างดีที่สุดต่อไป
“สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดในขณะนี้คือการศึกษาของเด็กชายสมพล เนื่องจากมีอายุถึง 12 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะผู้ปกครองไม่มีความพร้อม ผมจึงได้ประสานกับทางโรงเรียนคนตาบอดในพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อขอให้รับเด็กชายสมพลเข้าไปเรียน จะได้มีความรู้สำหรับประกอบอาชีพในอนาคตได้”
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่ยังต้องการบริจาคเงินช่วยเหลือสองย่าหลาน ยังสามารถบริจาคได้ที่บัญชี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา เลขที่ 909-6-03619-0 ธนาคารกรุงไทย สาขายะลา หรือสอบถามข้อมูลได้ที่หมายเลข 073-243004 และ 073-212961 ในวันและเวลาราชการ
ย่าบุญเลี้ยง กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การช่วยเหลือนางและหลานชาย ชีวิตทุกวันนี้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากตามองไม่เห็น และสงสารหลาน อยากให้ไปเรียนหนังสือ เมื่อทราบว่าทางราชการจะช่วยเหลือก็รู้สึกดีใจ หลานจะได้มีชีวิตใหม่ที่ไม่ลำบากเหมือนในปัจจุบัน
5 ปี“อิศรา”กับกิจกรรมที่ศูนย์สงเคราะห์เด็กปัตตานี
สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดำเนินมาเกือบ 7 ปี นอกจากทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว จำนวนเด็กกำพร้าที่ต้องสูญเสียบิดาหรือมารดาไป ก็ยังมากขึ้นจนน่าตกใจ
ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 5,111 คน!
ไม่เพียงเท่านั้น ในพื้นที่ยังมีปัญหาสังคมซ้อนทับอยู่อีก ทำให้มีเด็กๆ อีกมากมายที่ไร้บ้าน ขาดคนดูแล และรัฐก็ยื่นเข้ามาช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ โดยตั้งศูนย์สงเคราะห์เด็กปัตตานีขึ้น และรับเด็กผู้หญิงจากทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้หลายร้อยคนมาดูแล ให้ที่หลับที่นอน ให้การศึกษา และให้โอกาสในการประกอบอาชีพ ให้ยืนบนขาของตนเองได้
แต่ก็แน่นอนว่าเงินงบประมาณจากรัฐอาจไม่มากพอ ในขณะที่จำนวนเด็กๆ ทีต้องการความช่วยเหลือก็เพิ่มมากขึ้นทุกที ตามปัญหาความรุนแรงและปัญหาสังคมทับทวีมากขึ้นทุกวัน
ในโอกาสครบ 5 ปีของการต่อตั้งศูนย์ข่าวอิศรา ทางคณะผู้บริหารสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย รวมทั้งอดีตบรรณาธิการ และผู้สื่อข่าวของโต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา ได้จัดกิจกรรมเล็กๆ ขึ้นที่ศูนย์สงเคราะห์เด็กปัตตานี ทั้งกิจกรรมสันทนาการ เช่น ร้องเพลง เล่นเกมต่างๆ และมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาท เพื่อใช้ในกิจการของศูนย์สงเคราะห์เด็กฯต่อไป
ภาพเด็กๆ ช่วยกันตะเบ็งเสียงร้องเพลง ปรบมือ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แซมด้วยเสียงหัวเราะ เป็นบรรยากาศใสๆ บริสุทธิ์ที่เปรียบเสมือนหยุดความรุนแรงที่ชายแดนภาคใต้เอาไว้ชั่วคราว...
ฟ้าหลังฝนของครอบครัวนางมือหล๊ะแห่งบ้านบ่อเตย
หลังจากโต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตต้องสู้ของ นางมือหล๊ะ ขาเจดอเลาะ มุสลิมวัย 52 ปี ชาวบ้านบ่อเตย ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ผู้ที่มีแขนเพียงข้างเดียว ขาทั้งสองข้างก็พิการ ขณะที่สามีก็จากไปด้วยโรคชรา ทิ้งลูกชายหญิง 3 ชีวิตให้เธอต้องดูแล ธารน้ำใจจากผู้คนในสังคมก็หลั่งไหลสู่ครอบครัวนี้
ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยทหารในพื้นที่เอง ได้เข้าไปช่วยเหลือนางมือหล๊ะคนละไม้คนละมือ...
เมื่อราวๆ 1 ปีที่แล้ว ผู้สื่อข่าวอิศราได้เป็นตัวแทนมอบเงินที่ได้รับบริจาคจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศผ่านทางเว็บไซต์มุสลิมไทยดอทคอม จำนวน 30,000 บาท ให้กับนางมือหล๊ะ โดยมีผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้านบ่อเตย ร่วมเป็นสักขีพยาน
แต่หลังจากนั้นมา สายธารแห่งน้ำใจก็ยังคงไหลไม่ขาดสาย ทำให้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผู้สื่อข่าวของอิศราต้องเดินทางไปที่บ้านของนางมือหล๊ะอีกครั้ง เพื่อมอบเงินอีกก้อนหนึ่งจำนวน 20,000 บาทที่ได้รับบริจาคผ่านทางเว็บไซต์มุสลิมไทยดอทคอมเช่นกัน ให้กับนางมือหล๊ะและครอบครัว
การย้อนกลับไปที่บ้านบ่อเตยคราวนี้ ทำให้ได้เห็นบ้านใหม่ของนางมือหล๊ะ ที่สร้างขึ้นทดแทนบ้านไม้หลังเก่าของนาง ซึ่งเป็นบ้านใต้ถุนสูงใกล้พัง ฝาบ้านแทบจะกันไม่ได้ ไม่ว่าลมหรือฝนก็ตาม
บ้านใหม่หลังนี้เป็นบ้านท้องถิ่นไทยเทิดไท้องค์ราชัน 84 พรรษา ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากบาง ซึ่งมีงบประมาณสร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ตำบลละหนึ่งหลัง ทาง อบต.ปากบางได้ประชุมและตกลงกันสร้างบ้านมอบให้นางมือหล๊ะด้วยงบประมาณจำนวน 229,000 บาท และเพิ่งเสร็จเข้าอยู่ได้เมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้เอง
ทุกคนในครอบครัวของนางมือหล๊ะ บอกว่า ดีใจมากๆ ที่ได้มีบ้านหลังใหม่ เพราะจะได้ไม่ต้องขดตัวนอนหลบฝนอีกต่อไปแล้ว
“ฉันขอบคุณมากๆ สำหรับผู้ใจดีที่มีน้ำใจช่วยเหลือฉันและครอบครัว ฉันจะเก็บเงินนี้ไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นและเป็นประโยชน์ รวมทั้งให้ลูกได้เรียนหนังสือ” นางมือหล๊ะ กล่าวถึงเงินบริจาคก้อนที่ 2 อีก 2 หมื่นบาทที่ผู้สื่อข่าวอิศราเป็นตัวแทนนำไปมอบให้ถึงบ้าน
ขณะที่ น.ส.ซารีปะห์ นิยมเดชา ลูกสาวคนโตของนางซึ่งตัดสินใจออกจากโรงเรียนไปทำงานหาเงินช่วยเหลือครอบครัว กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกน้ำใจที่มีต่อครอบครัว ทั้งเรื่องการสร้างบ้านและเงินบริจาค น้ำใจที่ไม่ทอดทิ้งและเปิดโอกาสให้ครอบครัวเธอได้สมหวังเป็นสิ่งที่รอคอยมานานแสนนาน โดยเฉพาะบ้านหลังใหม่ที่ทำให้แม่และน้องๆ ได้อยู่สบายขึ้น
แม้จะได้รับเงินบริจาคไปมากพอสมควร แต่นางมือหล๊ะก็ยังคงทำงานหนักอยู่เช่นเดิม เพราะที่ใต้ถุนบ้านมีถาดปลาฉิ้งฉั้งวางอยู่ ซึ่งนางเล่าว่า มีคนมาจ้างให้ฉีกปลาฉิ้งฉั้งเพื่อเป็นรายได้ ซึ่งนางก็เต็มใจทำ ถ้ามีคนอื่นจ้างอีกก็จะทำ เพื่อหาเงินส่งลูกเรียน...
เย็นย่ำที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากให้มีแต่การพูดคุยถึงเรื่องราวของน้ำใจ การอยู่ร่วมกัน และเอื้อเฟื้อแบ่งบัน ทดแทนเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแทบทุกวันบ้าง...จะได้ไหม?
------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 รวมภาพโดยฝ่ายศิลป์ โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
2 สองย่าหลานตาพิการที่ยะลา (ภาพโดย เลขา เกลี้ยงเกลา)
3 รอยยิ้มที่ศูนย์สงเคราะห์เด็กปัตตานี (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังนิ)
4 นางมือหล๊ะกับลูกสาวคนโต และบ้านหลังใหม่ของครอบครัว (ภาพโดย เลขา เกลี้ยงเกลา)
ขอบคุณ : คุณนครินทร์ ชินวรโกมล ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกประจำจังหวัดยะลา เอื้อเฟื้อข่าวสองย่าหลาน
อ่านประกอบ :
- โลกมืดท่ามกลางความรุนแรง...ของย่าแดงกับน้องบ่าว
http://www.south.isranews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=437:2010-07-14-06-21-54&catid=11:2009-11-15-11-15-13&Itemid=20
- ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยครอบครัว “นางมือหล๊ะ”...แม่ผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา
http://www.isranews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=4903&Itemid=86