กรณี “คนหายซ้ำซ้อน” โยงปมชายแดนใต้ จากทนายสมชาย ถึง พ.ต.ต.เงิน และ อับดุลเลาะห์ อาบูคารี
ต้องยื้อต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด สำหรับการไขความจริงในคดีคนหายที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคดีหนึ่งของประเทศไทย นั่นก็คือคดี ทนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่นับถึงวันนี้ได้หายตัวไปอย่างลึกลับและเป็นปริศนานานเกือบ 7 ปีแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดี “อุ้มทนายสมชาย” ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย รวมทั้งบุตรอีก 4 คน ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อายุ 49 ปี อดีตสารวัตรประจำกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (สว.กอ.รมน.) ช่วยราชการกองบังคับการปราบปราม พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อายุ 42 ปี อดีตพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (กก.4 ป.) จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อายุ 40 ปี อดีตผู้บังคับหมู่งานสืบสวน แผนก 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (กก.2 บก.ทท.) ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อายุ 38 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 ป. และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อายุ 45 ปี อดีต รองผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (อดีต รอง ผกก.3 ป.) เป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย
อย่างไรก็ดี ทนายความของ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยที่ 1 หายสาบสูญในเหตุการณ์คันกั้นน้ำถล่มที่เขื่อนแควน้อย อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2551 ขณะนี้ญาติอยู่ระหว่างขอให้ศาลจังหวัดปทุมธานีมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลสาบสูญ โดยศาลนัดไต่สวนในวันที่ 15 พ.ย.นี้ นอกจากนี้ยังขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีในส่วนของจำเลยที่ 1 ด้วย
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้จำเลยที่ 2 -5 เดินทางมาศาลตามนัด แต่กรณีมีเหตุให้เปลี่ยนแปลงผลคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงให้งดอ่านคำพิพากษา และส่งสำนวนคำร้องคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาต่อไป
อังคณาไม่เชื่อ “พ.ต.ต.เงิน” สาบสูญ
นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย ซึ่งเดินทางไปรอฟังคำพิพากษาด้วย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ โดยหลังจากได้ปรึกษากับทีมกฎหมายแล้ว เธอเตรียมที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์อ่านพิพากษาต่อไป เนื่องจากการที่ทนายจำเลยอ้างว่า พ.ต.ต.เงิน เป็นบุคคลสาบสูญนั้น เป็นคดีแพ่ง หากศาลแพ่งตัดสินให้เป็นบุคคลสาบสูญจริง ก็ไม่น่าจะมีผลในทางคดีอาญา นอกจากนี้หากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ ก็จะทำให้ตำรวจต้องติดตามตัว พ.ต.ต.เงิน มารับโทษตามคำพิพากษา
“ดิฉันไม่เชื่อว่า พ.ต.ต.เงิน หายตัวไปในเหตุการณ์คันกั้นน้ำถล่มตามที่กล่าวอ้าง เพราะที่ผ่านมายังมีกระแสข่าวพบตัว พ.ต.ต.เงิน อยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยันและไม่พบศพ พ.ต.ต.เงิน” นางอังคณา ระบุ และว่า “รู้สึกผิดหวังกับรัฐบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เคยประกาศจะให้ความสำคัญกับคดีนี้ แต่ผ่านมากว่า 2 ปีกลับไม่มีความคืบหน้า โดยรัฐบาลและดีเอสไอมุ่งหน้าทำแต่คดีทางการเมืองเท่านั้น”
ย้อนรอย “พ.ต.ต.เงิน” หายตัวปริศนา?
สำหรับ พ.ต.ต.เงิน ทองสุข เป็นจำเลยเพียงคนเดียวจาก 5 คนที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2549 ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี ในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยศาลเชื่อว่าทนายสมชายถูกลักพาตัวไป และมีพยานจำหน้า พ.ต.ต.เงิน ได้ ส่วนจำเลยอีก 4 คน ศาลยกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
แต่ขณะที่คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ได้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นปริศนาขึ้น เมื่อ พ.ต.ต.เงิน ทองสุข นายตำรวจคนเดียวที่ถูกศาลลงโทษและถูกให้ออกจากราชการ ได้ถูกโคลนถล่มและถูกกระแสน้ำพัดหายไปขณะไปช่วยญาติรับงานก่อสร้างที่เขื่อนแควน้อย อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เมื่อกลางเดือน ก.ย.2551
7 ปีกับคดี “ทนายสมชาย”
คดีการหายตัวไปของทนายสมชาย กลายเป็นคดีปริศนาอีกคดีหนึ่งของสังคมไทย ภายหลังจากที่ทนายสมชายหายตัวไปอย่างลึกลับกลางกรุงเทพฯ ขณะขับรถอยู่ในย่านหัวหมาก เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2547 โดยขณะนั้นเขารับเป็นทนายสู้คดีให้กับผู้ต้องหาคดีปล้นปืนและกบฏแบ่งแยกดิน แดนที่ถูกตำรวจจับกุมตัว และมีการเปิดโปงว่าตำรวจซ้อมทรมานผู้ต้องหา ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการหายตัวของทนายสมชายน่าจะเกี่ยวพันกับกรณีดังกล่าว และน่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง อีกทั้งเรื่องนี้ยังกลายเป็นเงื่อนไขประการหนึ่งของสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2547 สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2547 จำเลยทั้ง 5 คนกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ของนายสมชาย ผู้เสียหายซึ่งหายตัวไป และลักทรัพย์เอารถยนต์ หมายเลขทะเบียน ภง 6768 กรุงเทพมหานคร นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ 1 เรือน ปากกายี่ห้อมองบลังค์ 1 ด้าม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น 903,460 บาท โดยพวกจำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ผลักและฉุดกระชากตัวนายสมชายให้เข้าไปในรถยนต์ของจำเลยทั้ง 5 แล้วจับตัวพาไป ซึ่งจนถึงขณะนี้ไม่ทราบว่า นายสมชาย จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ต่อมาวันที่ 16 มี.ค.2547 พนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของนายสมชาย ผู้เสียหาย ที่ถูกจำเลยทั้ง 5 ร่วมกันปล้นทรัพย์ไปดังกล่าวเป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 8 เม.ย.2547 จำเลยที่ 1-4 เข้ามอบตัว และวันที่ 30 เม.ย.2547 จำเลยที่ 5 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2549 ว่า การกระทำของ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 เป็นความผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักสุด มาตรา 309 วรรคแรก พิพากษาจำคุก 3 ปี ส่วนความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้พิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกขับรถนายสมชายไปจอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 แต่ก็เพื่ออำพรางหลบหลีกการสืบสวนจับกุม ไม่แสดงให้เห็นเจตนาว่าพวกจำเลยประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้นำทรัพย์สินไปจริงหรือไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 2-5 พิพากษายกฟ้อง
“คนหายซ้ำซ้อน” และ “อับดุลเลาะห์ อาบูคารี”
คดีทนายสมชายซึ่งเชื่อกันว่าเกี่ยวโยงกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะขณะที่ทนายคนดังหายตัวไป เขารับเป็นทนายสู้คดีให้กับผู้ต้องหาคดีปล้นปืนและกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ถูกตำรวจจับกุมตัว และมีการเปิดโปงว่าตำรวจซ้อมทรมานผู้ต้องหา
แต่ไปๆ มาๆ คดีนี้และคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน ไม่ได้มีเพียงทนายสมชายเท่านั้นที่หายตัวไป แต่ยังมี พ.ต.ต.เงิน ทองสุข ที่อ้างว่าถูกกระแสน้ำและดินถล่มพัดหายสาบสูญที่ อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เมื่อกลางเดือน ก.ย.2551 หลังศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิด และอยู่ระหว่างประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ด้วย
นอกจากนั้น ยังมี นายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี พยานปากสำคัญในคดีซ้อมทรมานลูกความของทนายสมชาย หายตัวไปอย่างลึกลับหลังเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาลฮารีรายอ ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2552
นายอับดุลเลาะห์ เรียนจนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบ้านโคกศิลา ต.กะลูวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส และไม่ได้ศึกษาต่อ จากนั้นประมาณปี 2547 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในข้อหาปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 แต่ภายหลังศาลยกฟ้อง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กันตัวไว้เป็นพยานในคดีซ้อมทรมานลูกความของ นายสมชาย เพื่อให้รับสารภาพว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืน โดยนายอับดุลเลาะห์รอขึ้นศาลอยู่หลายปี กระทั่งหายตัวไป ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ถึงปัญหาความล่าช้าในกระบวนการยุติธรรม และประสิทธิภาพการคุ้มครองพยานของดีเอสไอ แม้ดีเอสไอจะอ้างว่านายอับดุลเลาะห์กระทำผิดสัญญาการคุ้มครองพยาน เพราะเดินทางกลับบ้านก็ตาม
สำหรับซ้อมทรมานลูกความของทนายสมชาย เพื่อให้รับสารภาพในคดีปล้นปืนนั้น ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนเอาผิดข้าราชการตำรวจรวม 10 นาย นำโดย พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) โดยมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของทนายสมชายในเวลาต่อมา น่าจะเป็นผลจากการทำคดีดังกล่าวหรือไม่ และอาจส่งผลถึงการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์ด้วยเช่นกัน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา องค์กรภาคประชาสังคมหลายองค์กรได้ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาแก้กฎหมายให้ “การบังคับให้บุคคลสูญหายโดยไม่สมัครใจ” เป็นอาชญากรรม มีโทษตามกฎหมาย และขอให้รัฐบาลลงนามรวมทั้งให้สัตยาบันในอนุสัญญาต่อต้านการบังคับให้บุคคลสูญหายโดยไม่สมัครใจขององค์การสหประชาชาติ (UN Convention Against Enforced and Involuntary Disappearances) เพื่อให้หลักประกันในการคุ้มครองประชาชนไทยจากการถูกบังคับให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ และเพื่อให้ครอบครัวผู้ถูกบังคับให้สูญหายซึ่งเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าถึงความยุติธรรมได้ แต่ก็ไม่เคยได้รับการสนองตอบจากรัฐบาลไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด
ดีเอสไอเชื่อ “อับดุลเลาะห์” ยังมีชีวิต
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายอับดุลเลาะห์ อาบูคารี ว่า จนถึงขณะนี้ดีเอสไอยังคงจัดทีมสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสนายอับดุลเลาะห์อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสืบหาข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้อง ญาติ และผู้ที่อยู่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้านที่สุด เนื่องจากเชื่อว่านายอับดุลเลาะห์น่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะเท่าที่สืบสวนมายังไม่มีพยานหลักฐานใดบ่งชี้ว่านายอับดุลเลาะห์เสียชีวิตแล้ว
“ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามตัวทั้งในพื้นที่ที่หายตัวไปจนถึงการติดตามไปในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ล่าสุดยังไม่สามารถตอบได้ว่านายอัลดุลเลาะห์ยังอยู่ในพื้นที่หรือไม่ เบื้องต้นคาดว่าการหายตัวไปของนายอับดุลเลาะห์เกิดจากฝืมือของกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ และไม่น่าจะมีมูลเหตุที่เกี่ยวข้องกับคดีของทนายสมชาย” พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าว
คดีคนหายในประเทศไทยโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แทบทุกคดีล้วนยังเป็นปริศนา ท่ามกลางการรอคอยและหยาดน้ำตาของลูกเมียและคนข้างหลัง...
----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ทนายสมชาย นีละไพจิตร (ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
อ่านประกอบ :
- รมว.ยุติธรรม สั่งสอบพยานปากสำคัญคดีซ้อมผู้ต้องหาปล้นปืนหายตัวลึกลับ
http://www.isranews.org/isranews/index.php?option=com_content&view=article&id=71:2009-12-18-13-53-03&catid=1:2009-11-14-06-19-24&Itemid=7
- 1 ปีรัฐบาล...อังคณาจี้รัฐเคลียร์พยานคดีใต้หายตัวลึกลับ ทหารรุดเยี่ยมครอบครัว
http://www.south.isranews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=86:1--&catid=10:2009-11-15-11-15-01&Itemid=19
- 6 ปีทนายสมชาย (1) กับบทเรียนคดีอุ้มหายที่กัวเตมาลา
http://www.south.isranews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=228:6-1-&catid=10:2009-11-15-11-15-01&Itemid=19
- 6 ปีทนายสมชาย (2) บันทึกการต่อสู้ของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
http://www.south.isranews.org/index.php?option=com_content&view=article&id=232:6--2--&catid=12:2009-11-15-11-15-38&Itemid=14