เปิดคำให้การ“สรยุทธ”ร่ายยาว 30 หน้ากระดาษ ดังแล้วไม่โกง โยนถ้าผิด“ลูกน้องทำ”
เปิดคำให้การ“สรยุทธ สุทัศนะจินดา”กรณียักยอก138 ล้าน ร่ายยาว 30 หน้ากระดาษ ดังแล้วไม่โกง ซัดแหลก ผู้บริหาร-พนักงาน อสมท.มีผลประโยชน์แฝง โยนถ้าผิดลูกน้องทำ บ.ไร่ส้มไม่เกี่ยว
กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ได้ชี้มูล นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน อสมท.ยักยอกเงินโฆษณา 138 ล้านบาท ดังรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่นายสรยุทธใช้เวลา “เรื่องเล่าเช้านี้”ทางช่อง 3 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2555 ชี้แจงข้อเท็จจริงสรุปว่าพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงและต่อสู้ไปตามกระบวนการและจะใช้สิทธิต่อสู้ในชั้นอัยการและศาลต่อไป
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่าในชั้นไต่สวนของอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช.นายสรยุทธได้ทำหนังสือชี้แจงต่อประธานอนุกรรมการไต่สวน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2554 ความยาว 30 หน้ากระดาษ แบ่งออกเป็น 11 หัวข้อ เริ่มตั้งแต่
1.ความเป็นมาในการก่อตั้งบริษัท ไร่ส้ม จำกัด
2.โครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด บทบาทหน้าที่ของพนักงานคือนางสาวอังคณา วัฒนมงคลศิลป์ นางสาวสุกัญญา แซ่ลิ่ม นางมณฑา ธีระเดช
3.เจตนารมณ์ตามสัญญาร่วมผลิตรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ระหว่าง อสมท. กับ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และขั้นตอนการทำสัญญาระหว่างกัน
4.ทางปฏิบัติทางการค้าระหว่างบริษัท อสมท. จำกัด กับบริษัท ไร่ส้ม ในส่วนที่เกี่ยวกับการโฆษณา เป็นต้น
ในแต่ละกรณีสรุปได้ดังนี้
ได้ทำคุยคุ้ยข่าว“มิ่งขวัญ”ตอบแทน
นายสรยุทธชี้แจงว่า เหตุที่บริษัท ไร่ส้มได้ทำรายการ “คุยคุ้ยข่าว”เพราะนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ผู้อำนวยการ อสมท.เป็นคนเสนอเพราะตอบแทนที่ทำรายการ “ถึงลูกถึงคน”จนมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นหน้าเป็นตาของช่อง 9 รวมทั้งสร้างรายได้ให้กับสถานีในช่วงเวลาดึกทั้งที่แต่เดิมนั้นไม่ใช่เวลาที่สร้างรายได้ของสถานีแต่อยางใด
ข้อกล่าวหาที่ว่า “เมื่อนายสรยุทธและนางสาวมณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้รู้จักคุ้นเคยกับนางพิชชาภา เอี่ยมสอาดเจ้าหน้าที่ สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการประสานงานรับคิวโฆษณา จากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด เพื่อนำไปจัดทำคิวโฆษณารวมของบริษัท อสมท. และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ในการออกอากาศรายการทีวีคุยคุ้ยข่าว แล้วนายสรยุทธและนางสาวมณฑา เห็นช่องทางที่จะไม่จ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาให้บริษัท อสมท
โดยนายสรยุทธและนางสาวมณฑาได้ร่วมกระทำความผิดต่อนางพิชชาภา ขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องรายงานแจ้งเรื่องโฆษณาส่วนเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยเสนอจ่ายเงินให้เป็นการตอบแทนที่ไม่รายงานเรื่อง บริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาส่วนเกินเวลาดังกล่าว หลายกรรมต่างกัน”
อ้างลูกน้องทำผิดเรื่องส่วนตัว -ไม่สั่ง
นายสรยุทธปฏิเสธว่า ไม่เคยมีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมการไต่สวน ไม่เคยรู้จักหรือติดต่อกับนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด มาก่อน และไม่เคยรู้ด้วยว่านางพิชชาภา เป็นเจ้าหน้าที่สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการประสานงานรับคิวโฆษณาจากบริษัทไร่ส้ม
การบริหารงานจัดการของบริษัทไร่ส้มทีมงานแค่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบประสานในสายงานที่ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยการประสานงานเกี่ยวกับโฆษณาจะเป็นหน้าที่ของนางสาวมณฑา ธีระเดช ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายการตลาดของบริษัทไร่ส้ม โดยขอบเขตหน้าที่ตามที่บริษัทไร่ส้มมอบหมาย
บริษัทฯ ไม่เคยมอบหมายให้นางสาวมณฑาติดต่อกับนางพิชชาภา เอี่ยมสอาด หรือเจ้าหน้าที่คนใดของบริษัท อสมท.เพื่อขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องรายงานแจ้งเรื่องโฆษณาส่วนเกินและเสนอเงินตอบแทนใดๆ
“นอกจากนั้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนางสาวมณฑา ก็ไม่เคยแจ้งให้บริษัทฯหรือนายสรยุทธหรือกรรมการของบริษัทฯคนอื่นๆ ทราบว่าได้มีการดำเนินการตามพฤติการณ์แห่งข้อกล่าวหา ดังนั้นหากนางสาวมณฑา ได้กระทำการตามพฤติการณ์ข้อกล่าวหาจริง ก็ต้องถือว่าเป็นการปฎิบัตินอกเหนือจากขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯและเป็นการกระทำที่นายสรยุทธไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใดทั้งสิ้น”
นายสรยุทธระบุว่า เข้าใจโดยสุจริตมาตลอดว่าเหตุที่บริษัทไร่ส้มได้มีการโฆษณาเกินเวลา แต่บริษัท อสมท ยังไม่ได้เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาส่วนเกินจากบริษัทไร่ส้ม หลังจากเดือนเมษายน 2548 จนถึงปี 2549 เพราะสัดส่วนการโฆษณาเกินเวลาของทั้งสองฝ่ายมีปริมาณที่ใกล้เคียงกัน โดยบริษัท อสมท.ได้ใช้วิธีหักลบกันไปและจะแจ้งให้บริษัทไร่ส้มทำหนังสือขอซื้อโฆษณาส่วนเกินก็ต่อเมื่อบริษัทไร่ส้มได้มีโฆษณาเกินเวลามากกว่าบริษัท อสมท.
ดังนั้นการที่ บริษัท อสมท.ยังไม่ได้เรียกเก็บค่าโฆษณาส่วนเกินจึงน่าจะมาจากเหตุผลดังกล่าวไม่ใช่เพราะว่าบริษัท ไร่ส้ม ได้จ่ายค่าตอบแทนแก่นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด เจ้าหน้าที่สำนักกลยุทธ์การตลาด บริษัท อสมท.
คุย “ดังแล้วไม่โกง”
นายสรยุทธระบุว่า ตนเองเป็นสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาตั้งแต่การทำรายการโทรทัศน์ “คมชัดลึก” และ “เก็บตกจากเนชัน” ให้กับบริษัท เนชัน มัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด เป็นสื่อมวลชนที่ได้รับการยอมรับในวงการและมีอนาคตที่จะเติบโตก้าวหน้าต่อไปในสายงานวิชาชีพไปอีกมาก
ดังจะเห็นได้จากการได้รับความนิยมจากการดำเนินรายการโทรทัศน์จนกระทั่งปัจจุบันคือรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”ทั้งในวันจันทร์-ศุกร์ และวันเสาร์-อาทิตย์ จึงย่อมที่จะไม่ยอมแลกจิตวิญญาณและอนาคตทางวิชาชีพไปกับผลประโยชน์เพียงชั่วครู่ชั่วยามอย่างแน่นอน
เช็ค 7ฉบับ “ค่าประสานงานโฆษณา”
กรณีจ่ายเช็ค 7 ฉบับเป็นค่าตอบแทนที่นางพิชชาภา มิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด เพื่อเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในปี 2548-2549 นายสรยุทธระบุว่า เป็นเช็คที่บริษัทไร่ส้มจ่ายเป็น “ค่าประสานงานโฆษณา”ซึ่งหมายถึงการจ่ายค่าคอมมิชชันในการหาโฆษณาที่อยู่ในความรับผิดชอบของนางสาวมณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท ไร่ส้ม ซึ่งนางสาวมณฑามีหน้าที่ตั้งแต่การติดต่อลูกค้าเพื่อหาโฆษณา การประสานงานเกี่ยวกับการโฆษณากับบริษัท อสมท. ตลอดจนการประสานงานกับฝ่ายบัญชีของบริษัท ไร่ส้ม เพื่อให้มีการเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาจากลูกค้า และการตัดจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้แก่ผู้ที่หาโฆษณาได้
โดยหลังจากที่บริษัท ฯได้รับค่าโฆษณามาจากลูกค้าแล้วนางสาวมณฑาจะเป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีวาลูกค้าในส่วนที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนนั้นจะตัดแบ่งจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้กับตนเองและบุคคลใดบ้าง ซึ่งในการตัดจ่ายค่าประสานงานโฆษณาแต่ละครั้งนางสาวมณฑาจะนำรายชื่อของบุคคลและคณะบุคคลต่างๆอีกหลายคนเพื่อให้มีการจ่ายค่าประสานงานโฆษณาให้แก่บุคคลต่างๆ และเป็นไปได้ว่าบุคคลดังกล่าวจะมีส่วนร่วมในการหาโฆษณากับนางสาวมณฑาหรืออาจเป็นกรณีที่นางสาวมณฑาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองต้องรับภาระภาษีจำนวนมากก็เป็นได้ จึงต้องกระจายให้บุคคลต่างๆ
เพราะตามวิธีปฏิบัติของบริษัทฯฝ่ายบัญชีจะทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้ง ที่มีการจ่ายค่าประสานงานโฆษณาอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ปัดใช้คน อสมท.ใช้น้ำยาลบคำผิด
ข้อกล่าวหาที่ว่า นายสรยุทธร่วมกับนางสาวมณฑาได้ใช้ให้นางพิชชาภาใช้น้ำยาลบคำผิดลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของบริษัท อสมท.โดยลบเฉพาะคิวโฆษณาในส่วนของบริษัทไร่ส้ม ในใบคิวโฆษณารวมปี 2548-2549 เพื่อปกปิดความผิดนั้น
นายสรยุทธปฏิเสธว่าไม่เคยใช้ให้นางพิชชาภาใช้น้ำยาลบคำผิดลบข้อความในใบคิวโฆษณารวมของบริษัท อสมท. และไม่เคยใช้ให้นางสาวมณฑาหรือพนักงานคนใดไปกระทำการตามพฤติการณ์ข้อกล่าวหาด้วย เพราะไม่มีเหตุผลและความจำเป็น
ยิ่งกว่านั้นบริษัทไร่ส้มยังให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามสัญญากับบริษัท อสมท.มาโดยตลอดและเป็นไปอย่างโปร่งใส
ซัดผู้บริหาร อสมท.-พนักงานมีผลประโยชน์แฝง
นายสรยุทธชี้แจงว่า บริษัทไร่ส้มกับบริษัท อสมท.มีข้อพิพาททางการค้าระหว่างกันตามสัญญาร่วมดำเนินรายการ “คุยคุ้ยข่าว" ซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาของอนุกรรมการไต่สวน จนกระทั่ง บริษัทไร่ส้มต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เรียกให้บริษัท อสมท.ชดใช้เงินจำนวน 253,026,691.12 บาท
ดังนั้นบริษัท อสมท.จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จำเป็นต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนจากข้อพิพาท และนอกจากนั้นบรรดาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของบริษัท อสมท.ก็ยังมีผลประโยชน์ในค่าโฆษณาส่วนเกินของบริษัท อสมท.ตามที่ถูกบริษัท ไร่ส้มฟ้องร้องไว้ จึงย่อมต้องปกป้องมิให้บริษัท อสมท.ต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินแก่บริษัท ไร่ส้ม เพราะจะทำให้ตนเองได้รับผลกระทบไปด้วย
การรับฟังข้อเท็จจริงทั้งจากการให้ถ้อยคำของผู้บริหารและพนักงาน อสมท. รวมทั้งข้อเท็จจริงและความเห็นที่ปรากฏในรายการผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คณะอนุกรรมการไต่สวนจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการรับฟังเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัท อสมท.ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมอยู่ด้วยก็ได้ให้ถ้อยคำในลักษณะซัดทอดจึงไม่อาจรับฟังได้ ดังจะเห็นได้จากการอ้างข้อเท็จจริงในบางเรื่องที่เป็นความเท็จ
(อ่านละเอียดคำให้การ ตอนหน้า)