ทำไมกลุ่มป่วนใต้ต้องยิงครู?
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
แม้ในสถานการณ์ความรุนแรงที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีผู้คนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพตกเป็นเป้าหมาย แต่ก็ไม่มีกลุ่มอาชีพใดถูกประทุษร้ายบ่อยครั้งชัดเจนเท่ากับทหาร ตำรวจ และครู การมุ่งโจมตีเจ้าหน้าที่ถืออาวุธอย่างตำรวจ ทหารนั้นพอเข้าใจได้ แต่ทำไม "ครู" ถึงตกเป็นเหยื่ออย่างต่อเนื่องมากมายถึง 135 ศพ บาดเจ็บอีก 122 ราย...เป็นเรื่องที่น่าค้นหาคำตอบ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินได้ฟังว่า สาเหตุที่กลุ่มคนร้ายต้องยิงครู เพราะครูเป็นเป้าหมายอ่อนแอ ไม่มีอาวุธ จึงง่ายต่อการก่อเหตุ และยังต้องเดินทางในเส้นทางสายซ้ำๆ กันทุกวัน จึงวางแผนประทุษกรรมได้ง่าย...แต่นั่นเป็นเพียงเหตุผลพื้นๆ เนื่องจากความจริงในพื้นที่ยังมีมากกว่านั้น
"ทีมข่าวอิศรา" สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญงานข่าวและยุทธวิธี 2 ท่าน ทั้งที่เคยผ่านงานภาคสนามในพื้นที่ชายแดนใต้ และที่ยังปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบัน เพื่อไขความจริงของคำถามคาใจที่ว่า...ทำไมกลุ่มป่วนใต้ต้องยิงครู?
พล.ท.นันทเดช : การฆ่าที่มีเหตุผล
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษภาคใต้ ศูนย์รักษาความปลอดภัย และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้เชี่ยวชาญงานด้านข่าวกรอง อธิบายว่า การที่กลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เลือกเป้าครูในการก่อเหตุรุนแรง ไม่ใช่เหตุผลเรื่องความง่ายหรือยุทธวิธี เพราะจริงๆ แล้วยิงอาชีพอื่นง่ายกว่า หรือง่ายเหมือนๆ กัน แต่การเลือกยิงครูเป็นเหตุผลเรื่องความเชื่อและสัญลักษณ์
"ครูเป็นตัวแทนรัฐไทย สอนหนังสือไทย ขบวนการที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนจึงต้องยิงครูซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรัฐไทย และไม่ให้ครูเข้ามาสอนหนังสือไทยให้กับเด็กมุสลิม เป็นแนวคิดเชิงชาตินิยมที่ว่าคนในพื้นที่ต้องเรียนศาสนาและใช้ภาษาท้องถิ่นเท่านั้น ซึ่งแนวคิดเชิงชาตินิยมนี้ก็เป็นเงื่อนไขการปลุกระดมอย่างหนึ่งของขบวนการแบ่งแยกดินแดน"
พล.ท.นันทเดช ชี้ด้วยว่า เมื่อกลุ่มขบวนการที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ใช้แนวคิดชาตินิยมและศาสนาเข้ามากล่อมเกลาหรือปลุกระดมสร้างกลุ่มเยาวชนติดอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐ ทำให้การประทุษร้ายต่อครู เป็นการฆ่าที่มีเหตุผล
"ครูตกเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ และเป็นกลุ่มที่ตกอยู่ในอันตรายตลอด เพราะถือเป็นการฆ่าที่มีเหตุผลในความคิดของกลุ่มคนในขบวนการ" อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษภาคใต้ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ระบุ
พล.ต.สำเร็จ : เป้าหมายจริงๆ คือทำลายงานมวลชนรัฐ
พล.ต.สำเร็จ ศรีหร่าย รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเกาะติดโครงสร้างของขบวนการ "บีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต" และได้พูดคุยกับสมาชิกกลุ่มขบวนการมาแล้วนับร้อยคน กล่าวว่า จริงๆ ครูไม่ใช่เป้าหมายแรกของกลุ่มขบวนการ เพราะเป้าหมายอันดับ 1 คือเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ซึ่งขบวนการต้องการสังหารและชิงอาวุธด้วย แต่เมื่อทำไม่ได้ ก็จะขยับมาเป็นเป้าหมายอันดับ 2 คือ ครู และอันดับ 3 คือชาวบ้าน
สำหรับครูนั้น จัดเป็นเป้าหมายที่กว้าง เพราะมีอยู่ทุกพื้นที่ และถ้ายิงครูไม่ได้ ก็ยังสามารถประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองครู เช่น ลอบวางระเบิด หรือซุ่มยิง ซึ่งส่งผลในแง่สัญลักษณ์คล้ายคลึงกัน
แต่กระนั้น การที่ "ครู" ตกเป็นเป้าสังหารอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกครั้งที่ครูถูกยิงถูกฆ่า จะส่งผลสะเทือนหลายประการ สำคัญที่สุดคือความแตกแยกหวาดระแวงระหว่างคนสองศาสนาและกระทบกับงานมวลชน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นทั้งสองอย่างดังกล่าว คือเป้าหมายที่แท้จริงของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน
"ขบวนการจะทำอะไรเขาจะนึกถึงงานมวลชนเป็นหลัก อย่าลืมว่าครูที่ถูกยิงเป็นไทยพุทธเกือบ 100% เมื่อครูพุทธถูกยิง ย่อมทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างศาสนา คนก็จะหวาดระแวงกัน สร้างบรรยากาศความตึงเครียดในพื้นที่"
"ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่มีการยิงครู ยังส่งผลให้สมาพันธ์ครูออกมาเคลื่อนไหว และการเคลื่อนไหวกดดันของสมาพันธ์ครูก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ขบวนการ แต่พุ่งเป้าไปที่การเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาจัดการ เมื่อรัฐบาลถูกกดดัน ก็จะกดดันต่อมายัง พตท. (กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร หน่วยบังคับบัญชากำลังพลในพื้นที่) ให้เร่งจัดการปัญหา พตท.ก็เปิดปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ซึ่งแน่นอนก็จะต้องกระทบกระทั่งกับชาวบ้าน บางทีพลาดไปจับผิดตัว จับคนบริสุทธิ์ ก็จะส่งผลให้งานมวลชนของรัฐที่ทำมาตลอดได้รับความเสียหาย นี่คือวงจรและสงครามความคิดที่ฝ่ายขบวนการทำและหวังผลจริงๆ"
พล.ต.สำเร็จ กล่าวอีกว่า การยิงครูเป็นการสร้างความหวาดกลัวในวงกว้าง เพราะสื่อมักจะโหมรายงานข่าว ซึ่งนอกจากจะทำให้บรรยากาศในพื้นที่ดูอันตรายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการกดดันให้ครูพุทธขอย้ายออกนอกพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ครูพุทธเหลือน้อยลง และการเรียนการสอนของโรงเรียนสายสามัญก็จะมีปัญหา
เปิดแผนประทุษกรรมครู
ส่วนสาเหตุที่ครูตกเป็นเป้าบ่อยครั้ง ทั้งๆ ที่ฝ่ายความมั่นคงส่งกำลังไปอารักขาดูแล หรือที่เรียกว่าชุดรักษาความปลอดภัยครู (ชุด รปภ.ครู) นั้น พล.ต.สำเร็จ อธิบายว่า กลุ่มขบวนการมีวิธีการทำงานที่เป็นระบบ และมีเครือข่ายระดับหมู่บ้าน ทำให้สามารถเลือกเป้าหมายและโจมตีได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ไม่มีกองกำลังดูแล
"วิธีการทำงาน เขาจะเลือกเป้าในแต่ละตำบลหมู่บ้าน มีเป้าหมายเป็นสิบๆ คน ทั้งครูและคนอื่นๆ โดยคนที่ตกเป็นเป้าจะเป็นคนพุทธ ถ้าเป็นคนมุสลิมก็เป็นพวกที่อยู่กับรัฐหรือทำงานให้รัฐ เมื่อมีจังหวะหรือโอกาสทำใครได้ก็จะยิง"
"สำหรับครูนั้น เขาจะไม่ยิงขณะอยู่ในชุด รปภ. สังเกตดูได้เลย ไม่เคยมียิงระหว่างอยู่ในขบวนคุ้มกันของตำรวจ ทหาร อาจจะมีลอบวางระเบิดบ้าง แต่ตรงนั้นเป้าจะอยู่ที่ชุด รปภ. ไม่ใช่ครู เพราะครูเขาจะเลือกยิงขณะที่ไม่มีชุด รปภ.อยู่ อาจจะเป็นช่วงออกจากบ้านเดินทางไปยังจุดนัดพบ หรือออกนอกเส้นทาง รปภ. กลับบ้านก่อนเวลา ออกจากโรงเรียนเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเขาจะรู้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้หมด เพราะเขามีเครือข่ายในพื้นที่ มีฝ่ายติดตาม ฝ่ายเกาะติดเป้าหมาย และสื่อสารกันตลอด" พล.ต.สำเร็จ กล่าว
ฟังจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว มีโอกาสสูงที่ยอดความสูญเสียของครูจะไม่หยุดอยู่แค่ 135 ศพ คำถามต่อไปก็คือ...แล้วรัฐจะแก้อย่างไร?
----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
ซ้าย - พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์
ขวา - พล.ต.สำเร็จ ศรีหร่าย