“จบชีวิตแพะคดีเชอรี่แอน” คดีอัปยศตำรวจไทย-ปรับใหม่กระบวนยุติธรรม!
“คดีเชอรี่แอน” ไม่เพียงโด่งดังจนนำมาสร้างหนังโศกนาฏกรรมความรัก ยังเป็นตำนาน “แพะรับบาป” ความอัปยศของตำรวจไทย และความพยายามสร้างบรรทัดฐานใหม่ในกระบวนการยุติธรรม
“นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม แพะรับบาปคดีเชอรี่แอน คนสุดท้าย” เสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 12 ต.ค.55…
เขาเป็น “1 ใน 5 ผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆาตรกรรมเชอรี่แอน ดันแคน” เป็นผู้เสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ผิดพลาดของตำรวจในอดีต เป็น “แพะรับบาป” ที่ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย และแก้ไขกฎหมายและการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาของไทย
ย้อนไป “คดีประวัติศาสตร์เชอร์รี่แอน ดันแคน” เด็กสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 16 ถูกล่อลวงขึ้นแท็กซี่จากหน้าโรงเรียนไปฆาตกรรมในป่าแสมบางสำราญ ต.บางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 และเป็นข่าวโด่งดังที่สื่อมวลชนและสาธารณชนให้ความสนใจ แต่คดีกลับไม่คืบหน้า
กระทั่งวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2529 ตำรวจได้จัดแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหายกแก๊งค์ทั้งหมด 5 คน คือจำเลยที่ 1 นายวินัย ชัยพานิช เป็นผู้บงการจ้างวาน, จำเลยที่ 2-5 เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคือ นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย, นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม และนายธวัช กิจประยูร
นายวินัย เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการปล่อยตัว โดยอัยการไม่ส่งฟ้องเพราะสำนวนหลักฐานของตำรวจอ่อนเกินไป แต่จำเลยอีก 4 คนถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิต ทั้งสี่ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการและศาลรับไว้พิจารณา 29 ตุลาคม 2533 กระทั่ง 21 มกราคม 2535 ศาลอุทรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด แต่ให้ขังรอฎีกา และ 8 มีนาคม 2536 ศาลฎีกาจึงตัดสินว่าทั้งหมดคือ “ผู้บริสุทธิ์”
แต่ระหว่างกระบวนการพิจารณานายรุ่งเฉลิมเสียชีวิตที่เรือนจำบางขวางปี 2534 ได้อิสรภาพมาเพียง 5 เดือนนายพิทักษ์ก็เสียชีวิตด้วยโรคร้ายที่ติดออกมาจากคุก ตามมาด้วยนายธวัช
เงินค่าชดเชยความเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยการฟ้องคดีแพ่ง ไม่สามารถทดแทนชะตากรรมอันเลวร้ายจากการตก “เป็นแพะรับบาป” ไม่ว่าจะเป็นคำประณามจากสังคมและโทษประหารชีวิต การถูกจองจำนานเกือบ 6 ปี จนบางคนตายในคุก บางคนติดโรคออกมาตายข้างนอก
กระแสร์ พลอยกลุ่ม ได้รับการประกันตัวจากเจ้านายเก่าเมื่อศาลอุทรณ์ตัดสิน เขาเล่าความทุกข์ว่าต้องอยู่ในแดนประหารใส่โช่ตรวน 24 ชั่วโมง ถูกตำรวจซ้อมให้ยอมรับสารภาพ จนสภาพร่างกายปัจจุบันยังมีอาการบาดเจ็บ หนำซ้ำยังพบกับข่าวร้ายยิ่งกว่าเพราะเมื่อออกจากคุก ภรรยาเสียชีวิต ลูกสาวถูกฆ่าข่มขืน ลูกชายหายสาปสูญ…เขาบอกว่า “หากเขาไม่ติดคุกเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้”…!!
เขายังเล่าไว้ในตอนหนึ่งว่า "ตอนเสี่ยวินัยยกฟ้อง พวกข้าพเจ้าโดนตัดสินประหารชีวิต เสี่ยวินัยไปวิ่งเต้นกองปราบปราม กองปราบปรามติดตามคดีอย่างเงียบๆ แล้วก็แจ้งโรงพักปากน้ำว่าพวกนี้ไม่มีความผิด ตัวจริงกำลังจะจับอยู่ แต่ตำรวจปากน้ำไม่เชื่อให้ศาล อัยการสูงสุดดำเนินเรื่องต่อไป ไม่ยอมปล่อยพวกข้าพเจ้าทั้งที่รู้ว่าไม่ผิด…”—(หนังสือตามรอยคดี..ฆ่า ของเจนจบ ยิ่งสุมล)
เป็นที่ประจักษ์ว่า “นายประเมิน” พยานปากเอกเพียงคนเดียวของตำรวจคือพยานเท็จ! ที่ถูกว่าจ้างเพื่อใส่ความแพะทั้ง 5 แต่สิ้นสุดคดีมีตำรวจเพียงคนเดียวที่ต้องออกจากราชการ คนอื่นลอยนวลพ้นผิด…!!
อย่างไรก็ตาม คุณูปการของ “แพะรับบาปคดีฆาตรกรรมเชอรี่แอน” ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงการยุติธรรม โดยปี 2539 สำนักงานอัยการสูงสุดจัดเสวนา"คดีเชอรี่แอนกระบวนการจะคุ้มครองเสรีภาพผู้บริสุทธิ์อย่างไร"ต่อมามีการปรับปรุงขั้นตอนยุติธรรมบางอย่าง ซึ่งบรรจุในรัฐธรรมนูญปัจจุบันด้วย .
(ขอบคุณข้อมูลต้นเรื่องจาก : โครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน :
http://www.youtube.com/watch?v=4LEu8j6L6bA&feature=youtube_gdata_player
http://www.baanmaha.com/community/thread26012.html
http://www.baanmaha.com/community/thread26013.html
http://www.youtube.com/watch?v=lD0SrkxCZf8&feature=related
………………………..
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.55 “นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม แพะรับบาปคดีเชอรี่แอน คนสุดท้าย” ได้หกล้มเสียชีวิตอย่างกะทันหัน โดยจะบำเพ็ญกุลที่วัดบำเพญเหนือ บางชัน มีนบุรี ศาลา 7 วันที่ 13, 14, 15 ต.ค. และฌาปนกิจวันที่ 16 ต.ค. ซึ่งทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่วมกับองค์กรแอนเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทยจะร่วมเป็นเจ้าภาพงานบำเพ็ญกุศลในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 19.00น.ซึ่งมูลนิธิฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและขอเชิญร่วมงานบำเพ็ญกุศลและร่วมบริจาคเงินช่วยงานบำเพ็ณกุศล ที่บัญชีออมทรัพย์171-2-2445-9 นางช่อทิพย์ พลอยกลุ่ม ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ของญาติ 081-1441309 .
-------------------------------------
ภาพประกอบจาก : http://www.learners.in.th/blogs/posts/518909