คนชายแดนใต้อ้าแขนรับขบวนธรรมยาตราสู่สันติปัตตานี
เลขา เกลี้ยงเกลา / อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
ผ่าน จ.สงขลา ไปแล้ว สำหรับขบวนเดินเท้า "ธรรมยาตราสู่สันติปัตตานี" นำโดย นายโคทม อารียา ที่ออกสตาร์ทจากมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา กับระยะทางรวม 1,100 กิโลเมตร เพื่อกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยร่วมกันใช้สันติวิธีแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยเฉพาะไฟใต้ ซึ่งขณะนี้เหลืออีกไม่ถึง 200 กิโลเมตรก็จะถึงที่หมาย ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 1 เดือนครึ่ง
ขบวนธรรมยาตรามั่นใจว่า จะก้าวเท้าถึงปลายทางคือ จ.ปัตตานี ภายในวันที่ 1 ก.ย.นี้แน่นอน
หนึ่งใน "ผู้ร่วมเดิน" ซึ่งอยู่ในขบวนมาตั้งแต่ต้นทาง เล่าความรู้สึกให้ฟังว่า ได้รับการตอบรับและต้อนรับอย่างเกินความคาดหมายจากพี่น้องประชาชนตามอำเภอและจังหวัดต่างๆ ที่ขบวนธรรมยาตราเดินผ่าน และยังมีอาสาสมัครเข้าร่วมเดินเป็นระยะๆ ในจำนวนที่น่าดีใจด้วย มีการมาร่วมเดินให้กำลังใจและส่งต่อกันเมื่อข้ามเขตอำเภอและจังหวัด จุดแวะพักแต่ละแห่งที่จัดให้มีการพูดคุยถึงเรื่องราวที่พบเห็นจากการเดิน และแนวทางแก้ไขปัญหาแบบสันติวิธีนั้น ก็จะมีประชาชนในละแวกใกล้เคียงมาร่วมพูดคุยให้ความเห็น และบอกเล่าเหตุการณ์หรือปัญหาในพื้นที่นั้นๆ ด้วย
“ผู้ร่วมเดินหลักจริงๆ คือเดินตั้งแต่ศาลายาจนถึงปัตตานีจะมี 8 คน พวกเราไม่ได้เดินเพื่อสันติภาพของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่ยังเดินเพื่อสันติสุขในใจด้วย มันเป็นเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญคือต้องเป็นการเดินด้วยใจ คนส่วนใหญ่จะเดินด้วยเท้า แต่ว่าการเดินอย่างนี้เป็นการเดินระยะทางไกล มีจุดมุ่งหมายเพื่อสันติภาพและสันติสุขในใจ ต้องเดินด้วยใจ ต้องรู้จักวางใจให้เป็น เดินอย่างมีสติ มีสมาธิ แล้วความปวดเมื่อยกับความเหนื่อยจะไม่รบกวนจิตใจ คือทำให้ความทุกข์ทางกายรบกวนจิตใจน้อยลง” หนึ่งในสมาชิกหลักของ "ขบวนธรรมยาตรา" ให้ข้อคิด
หลายคนบอกว่า กิจกรรมเดินธรรมยาตราสู่สันติปัตตานี เป็นข่าวทางสื่อต่างๆ มากพอสมควร และมีภาพประชาชนตามสถานที่ต่างๆ ให้การต้อนรับเมื่อขบวนธรรมยาตราเดินผ่าน แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงของคนปัตตานีหรือคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า คิดอย่างไรกับการเดินระยะทางไกลถึง 1,100 กิโลเมตร จากกลุ่มคนนอกพื้นที่ โดยมีความหวังอยู่ที่ "สันติสุข" ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ "ทีมข่าวอิศรา" มีคำตอบ...
ยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มองว่า กิจกรรมธรรมยาตราสู่สันติสุขปัตตานีนั้น เป็นสิ่งที่คนดีคิดทำเพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง
“กิจกรรมนี้มีเป้าหมายชัดเจน เป็นความคิด ความตั้งใจจริงและการทำดีของคนกลุ่มหนึ่งที่อยากให้บ้านเมืองสงบสุขด้วยสันติวิธี แค่คิดก็ดีแล้ว ยิ่งมีการปฏิบัติด้วยยิ่งดี ขอให้อย่าท้อแท้ สันติวิธีเป็นสิ่งที่ดีและสำคัญอย่างยิ่งในทุกพื้นที่ คนในพื้นที่สามจังหวัดดีใจที่คนต่างพื้นที่มีความคิดและการกระทำที่ดีต่อชายแดนใต้ ทุกคนอยากให้มีความสงบสุขเกิดขึ้นเหมือนในอดีต และเกิดขึ้นทุกพื้นที่ในประเทศไทยของเรา”
อัสมา มาหามะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ให้ความเห็นคล้ายกันว่า ความตั้งใจของผู้ร่วมเดินธรรมยาตราเป็นสิ่งดี อยากให้ทุกคนในเมืองไทยและทุกพื้นที่คิดดี ทำดีเช่นนี้ วิธีการอาจจะแตกต่างกันได้ แต่ต้องมีเป้าหมายคือสันติและไม่ใช้ความรุนแรง เชื่อว่าหากทุกคนมีความปรารถนาดีต่อกัน สันติสุขที่รอคอยก็คงอยู่ไม่ไกล
ขณะที่ คฑาวุธ แซ่โค้ว ชาวบ้านในเขตเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนพื้นที่ รู้สึกยินดีที่มีกลุ่มคนยอมทุ่มแรงกายแรงใจเพื่อรณรงค์ให้เกิดการแก้ไขปัญหาภาคใต้โดยใช้สันติวิธี ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมารัฐคงจะทราบแล้วว่าในพื้นที่เกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นถ้ายึดหลักสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย นอกจากนั้นการเดินเท้าของคณะธรรมยาตรา 1,100 กิโลเมตร เป็นช่วงที่พี่น้องชาวไทยพุทธกำลังเข้าพรรษา และพี่น้องชาวไทยมุสลิมเข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด พอดี จึงถือเป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดสันติสุขได้จริง
“เราต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ยอมรับวัฒนธรรมและประเพณีซึ่งกันและกัน การเดินครั้งนี้คือการรณรงค์ให้ใช้สันติวิธีดับไฟใต้ ขอขอบคุณกับทุกข้อความที่ส่งความรัก ความคิดถึง ความห่วงใยมาให้กับคนชายแดนใต้ โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จุดประกายสิ่งดีๆ ให้กับคนพื้นที่ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการสร้งสันติสุข ขณะเดียวกันก็ขอส่งกำลังใจให้กับคณะเดินเท้า เพราะทุกคนต้องเดินและเอาชนะความเหนื่อยล้าโดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ ทุกคนมาด้วยหัวใจ และหากมีโอกาส คนยะลาจะไปต้อนรับขบวนธรรมยาตราที่ จ.ปัตตานีด้วย” คฑาวุธ กล่าว
ด้าน นายนิมุ มะกาเจ ประธานสภาสันติสุขจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า ขอขอบคุณ อาจารย์โคทม ที่มีความตั้งใจสูงมากในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทั้งในส่วนกลางและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาจารย์โคทมนั้นเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ หรือ กอส.ด้วย
“ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องแก้ที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งก็คือโครงสร้างทางการเมือง การปกครอง จะต้องมาวิเคราะห์สาเหตุที่มาทับถม เพราะในปัจจุบันเงื่อนไขมีแต่เพิ่ม ไม่ใช่ลด การรณรงค์ของขบวนธรรมยาตราถือเป็นสิ่งที่ดีและน่าชื่นชม เพราะการจะแก้ปัญหาในพื้นที่นี้ได้ ต้องยึดมั่นในหลักการสันติวิธี และสร้างสามัคคีให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อน เมื่อในพื้นที่มีเอกภาพ ก็จะนำพาไปสู่ความสงบ ร่มเย็น“ นายนิมุ กล่าว
แต่ละก้าวที่ก้าวเดินหน้าของขบวนธรรมยาตรา และระยะทางนับพันกิโลที่อยู่เบื้องหลัง เต็มไปด้วยความหวังว่าคือการก้าวเข้าใกล้สันติสุข!
-----------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1-3 บรรยากาศระหว่างเส้นทางธรรมยาตราสู่สันติปัตตานี (ภาพจาก http://www.facebook.com/pages/dein-cak-sala-ya-su-santi-pattani/143011259047432)
4 ยะโก๊ป หร่ายมณี