เขื่อนลำปาว ยังวิกฤตเสี่ยงน้ำน้อยไม่พอใช้
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ในเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ยังมีแนวโน้มวิกฤต เสี่ยงปัญหาขาดแคลนน้ำ กรมชลประทาน ต้องประกาศเตือนงดเลี้ยงกุ้ง และทำนาปรังในเขตพื้นที่ท้ายเขื่อนไปก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมวอนประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด
ภายหลังจากที่กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้ประกาศแจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ให้ชะลอเลี้ยงกุ้ง-ปลูกพืชฤดูแล้งไปแล้วในช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังพบว่าเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำเหลืออยู่ในเกณฑ์น้อยมาก นั้น ปัจจุบัน(ณ 1 ต.ค.)เขื่อนลำปาว ยังคงมีปริมาณน้ำลดลงเหลือเพียง 488 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 25 ของความจุอ่างฯเท่านั้น ถือว่าประสบภัยแล้งมากที่สุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มีปริมาณฝนตกน้อยมาก ส่งผลให้แหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอด ในขณะที่เขื่อนลำปาว ยังคงระบายน้ำลงสู่คลองชลประทานเพื่อหล่อเลี้ยงนาข้าวใน 5 อำเภอ วันละประมาณ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำปาวว่า ในช่วงปลายฤดูฝนหรือเดือนตุลาคมนี้ จะมีปริมาณไหลเข้าอ่างฯเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงเท่านั้น ทั้งนี้ ในช่วงปลายฤดูนาปี 2555 และช่วงฤดูแล้งปี 2555/2556 ที่จะถึงนี้ ทางโครงการฯลำปาว คาดการณ์ว่าจะมีการใช้น้ำจากเขื่อนลำปาว รวมกันทุกกิจกรรม ประมาณ 453 ล้านลูกบาศก์เมตร หากไม่มีพายุจรพัดผ่านเข้ามาในช่วงเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าเขื่อนลำปาว จะมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอใช้อย่างแน่นอน ส่งผลให้มีแนวโน้มว่า จะไม่สามารถส่งน้ำเพื่อสนับสนุนพื้นที่การเกษตรและการประมงในช่วงฤดูแล้งปี 2555/2556 ได้
ดังนั้น จึงขอประกาศเตือนเกษตรกรชะลอหรืองดเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง และชะลอการสั่งลูกกุ้ง ลูกปลามาเพาะเลี้ยงไว้ก่อน เพื่อป้องกันผลผลิตเสียหายเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ รวมทั้ง ขอให้เกษตรกรและประชาชน ร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เพื่อลดความรุนแรงจากปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุดีเปรสชัน บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง" ว่า ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “เกมี” (GAEMI) แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 700 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 17.0 องศาเหนือ และ ลองจิจูด 115.0 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กม./ชม. พายุนี้เกือบจะไม่เคลื่อนที่ และในช่วงวันที่ 2-3 ต.ค. 2555 ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย
ในช่วงวันที่ 4-5 ต.ค. คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนาม และในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. จะเคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางของประเทศไทย ตามลำดับ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1-3 ต.ค. ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ที่มาภาพ:http://touronthai.com