จาก "กาลอ" ถึง "กาบัง" การตายของชาวบ้านที่ยังถูกตั้งคำถาม
แม้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงผลงานประจำปีงบประมาณ 2555 โดยยืนยันว่าไม่มีการร้องเรียนเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนเลยแม้แต่กรณีเดียว เพื่อตอกย้ำว่าการปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคงยึดหลักนิติธรรมและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็ตาม แต่จากการตรวจสอบสภาพความจริงในพื้นที่กลับพบว่า ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการของรัฐ รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม และเรียกร้องความยุติธรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ 2 เหตุการณ์สำคัญเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลฮารีรายอและห้วงเวลาต่อเนื่องหลังเทศกาล...
ย้อนรอย 2 คดีปริศนา
วันจันทร์ที่ 20 ส.ค.2555 เวลา 17.35 น.ข้อมูลจากรายงานของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ทหารพรานได้เปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยจำนวน 6 คน ขณะเข้าลาดตระเวนพิสูจน์ทราบในท้องที่บ้านลาโต๊ะมายอ หมู่ 7 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา ทำให้เยาวชนอายุ 16 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิต สภาพศพมีอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัดอยู่ในมือ
นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 1 คน คือ นายยะยา กาฮง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 4 ต.บาละ อ.กาบัง จึงนำตัวไปสอบสวนขยายผล ส่วนผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ หลบหนีไปได้
ถัดจากนั้นอีกเพียง 4 วัน คือเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ส.ค.2555 เวลา 06.30 น. ข้อมูลจากรายงานของความมั่นคงระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัย เป็นเหตุให้ฝ่ายติดอาวุธเสียชีวิต 1 ราย บริเวณหลังโรงพยาบาลชุมชนบ้านกาลอ ริมลำธารเชิงเขากาลอ อ.รามัน จ.ยะลา โดยผู้เสียชีวิตคือ นายอับดุลเลาะ มะซี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 3 ต.กาลอ อ.รามัน ในมือกำอาวุธปืนเอ็ม 16 และห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 200 เมตร เจ้าหน้าที่พบขนำ (กระท่อม) ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตน้ำใบกระท่อมมีส่วนผสมของยาเสพติดสูตร "สี่คูณร้อย" โดยพบน้ำสี่คูณร้อยบรรจุถุงพลาสติกใส่ในถุงปุ๋ยจำนวน 2 ถุง น้ำหนักกว่า 10 ลิตร และยังมีน้ำกระท่อมพร้อมดื่มอีก 1 ขวดบนแคร่หน้าขนำ นอกจากนั้นยังพบแม็กกาซีนปืนเอ็ม 16 อาวุธปืนคาร์บินขนาด .22 ติดกล้อง และเครื่องกระสุน รวมทั้งน้ำกระท่อมต้มแล้วอีกจำนวนหนึ่ง
เหตุการณ์เดียวกันยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นายซาอุดิง ยะโก๊ะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 2 ต.กาลอ และ นายนูรดิง ลีเกี๊ยะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/5 หมู่ 3 ต.กาลอ เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลรามัน แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์ยะลา
รายงานสอบสวนเบื้องต้นระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าที่บ้านทำนบ หมู่ 3 ต.กาลอ มีขบวนการลักลอบผลิตยาเสพติดสูตรสี่คูณร้อย และเกี่ยวข้องกับแนวร่วมก่อความไม่สงบ กำลังผลิตน้ำใบกระท่อมกันอยู่ จึงได้ส่งกำลังเข้าพิสูจน์ทราบ เมื่อไปถึงพบผู้ต้องสงสัย 3 รายอยู่ในขนำจึงเรียกให้ออกมา แต่กลุ่มคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนคาร์บินขนาด .22 ยิงใส่เพื่อเปิดทางหลบหนี จนถูกเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้และกลายเป็นการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดราว 15 นาที หลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่พบศพ นายอับดุลเลาะ และพบผู้บาดเจ็บ 2 รายดังกล่าว
เสียงก้องจากพื้นที่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 กรณีห่างกันเพียง 4 วัน และอยู่ในท้องที่ จ.ยะลา แม้การรายงานข่าวทั่วไปจะดูประหนึ่งเป็นเหตุการณ์ยิงปะทะกันธรรมดา ทว่าเสียงลือจากในพื้นที่เป็นคนละเรื่องกับรายงานของฝ่ายความมั่นคงและตำรวจ
ชาวบ้านตามร้านน้ำชาวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองเหตุการณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อซึ่งระบุว่าเป็นเหตุการณ์คนร้ายปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่ข้อมูลที่ชาวบ้านรับรู้และพูดกันคือผู้ที่ถูกยิงเป็นกลุ่มเยาวชนและชายฉกรรจ์ที่ต้มน้ำใบกระท่อมเท่านั้น ทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจนเสียชีวิต
โดยเฉพาะกรณีแรกที่บ้านลาโต๊ะมายอ หมู่ 7 ต.กาบัง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเทศกาลฮารีรายอ หลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน (เดือนแห่งการถือศีลอด) เพียง 1 วัน และผู้เสียชีวิตก็เป็นเยาวชนอายุเพียง 16 ปี ที่สำคัญเหตุการณ์นี้เกิดช่วงรายอ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่พี่น้องมุสลิมเดินทางไปเยี่ยมญาติต่างพื้นที่กันอยู่แล้ว จึงยิ่งทำให้ข่าวการยิงเยาวชนอายุ 16 ปีแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ข่าวลือกรณีแรกยังไม่ทันจาง ก็เกิดเหตุใช้อาวุธที่บ้านกาลออีก ข่าวสารที่แพร่กระจายในพื้นที่ก็คือ "เจ้าหน้าที่ยิงคนเสพยาเสพติดอีกแล้ว" เมื่อผนวกเข้ากับการสร้างข่าวลือของกลุ่มขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ทำให้เกิดการสร้างกระแสว่าเจ้าหน้าที่กำลังใช้ความรุนแรงกับพี่น้องมุสลิม
ความเคลื่อนไหวที่น่าสังเกตก็คือ กรณีที่บ้านกาลอ อ.รามัน มีหนังสือพิมพ์ที่จัดเป็นสื่อกระแสหลักบางฉบับเขียนถึงเหตุการณ์นี้ในทำนองว่าผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมเรียกร้องให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
นอกจากนั้นในวันที่ 29 ส.ค.2555 นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ไปเยี่ยมและมอบกระเช้าดอกไม้ให้กับครอบครัวของ นายซาอุดิง ยะโก๊ะ และ นายนูรดิง ลีเกี๊ยะ ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดย นายฐานิส กล่าวว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ นางรอซือนะ ลีเกี๊ยะ มารดาของนายนูรดิง กล่าวอย่างปลงๆ ว่า ลูกชายต้องรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง ทำให้ต้องเสียรายได้จากการทำงาน เพราะครอบครัวเปิดร้านขายของเล็กๆ ในหมู่บ้าน อาศัยลูกชายเป็นกำลังหลัก จึงอยากให้ทางราชการส่งเสริมด้านอาชีพ และขอเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม แต่เหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปได้ จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กับครอบครัวอื่นๆ อีก
ส่วนกรณีของเยาวชนอายุ 16 ปีที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.กาบัง ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
ข้อเท็จจริงจากญาติเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มวัย 16 ปีที่ถูกยิงเสียชีวิต คือ มะกอเซ็ง ลาแซ อายุจริงที่ทางครอบครัวยืนยันคือ 15 ปี 9 เดือน "ทีมข่าวอิศรา" ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับน้าสาววัย 37 ปีของมะกอเซ็ง ทำให้ได้ข้อมูลเบื้่องลึกอีกมุมหนึ่งของเหตุการณ์นี้
น้าของเด็กหนุ่ม เล่าว่า มารดาของมะกอเซ็งเป็นคนปัตตานี แต่ไปซื้อสวนยางพาราที่บ้านลาโต๊ะมายอหลายปีแล้ว และวันที่มะกอเซ็งถูกยิง ครอบครัวของเขาได้เดินทางกลับไปร่วมเทศกาลฮารีรายอที่ จ.ปัตตานี จึงปล่อยให้มะกอเซ็งดูแลสวนยางพาราตามลำพัง เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนลอบขโมยขี้ยาง
"วันที่มะกอเซ็งถูกยิงจนเสียชีวิต เขาถูกเจ้าหน้าที่ชุดดำยิงใส่ ข้อมูลนี้ฉันฟังจากคนที่รอดตาย" น้าสาววัย 37 ปี กล่าว
นางยังบอกอีกว่า วันที่เกิดเหตุได้เข้าสวนไปเก็บขี้ยางกับมะกอเซ็งและเพื่อนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วย แต่นางนอนพักอยู่ในเต็นท์ห่างจากกระท่อมเล็กน้อย ส่วนมะกอเซ็งกับเพื่อนเดินไปเก็บขี้ยางได้ประมาณ 1 กระสอบ ต่อมาได้ยินเสียงปืนจึงลุกออกมาดู เห็นคนชุดดำกำลังยิงใส่และเพื่อนของมะกอเซ็งร้องขอความช่วยเหลือ
"ตอนนั้นฉันหนีอย่างเดียว มารู้ตัวอีกครั้งอยู่บ้านผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ก็บอกผู้ใหญ่บ้านให้ไปช่วย แต่ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นไม่เชื่อ จึงหนีไปซ่อนตัว จนหลังเกิดเหตุหลายวันยังไม่กล้าไปไหน" น้าของมะกอเซ็งเล่าถึงความหวาดกลัวของตนเอง
น้าสาวของเด็กหนุ่ม ยังบอกอีกว่า หลังมีข่าวแพร่ออกไป มารดาของมะกอเซ็งได้เดินทางมายังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ และถามผู้ใหญ่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ชุดดำแจ้งผู้ใหญ่บ้านก่อนเข้าพื้นที่หรือเปล่า ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าจะเข้าไปติดตามเด็กเสพยาเสพติด หลังจากนั้นจึงรู้ว่าเกิดการยิงปะทะกันและมีคน ตาย 1 คน จับได้ 1 คน
"แม่ของมะกอเซ็งเข้าใจว่าลูกของเขาถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจริงๆ และลูกก็ไม่ได้เป็นคนร้ายอย่างที่สื่อเสนอ เขาอยากให้สื่อแก้ข่าวด้วย ตอนนี้แม่ของมะกอเซ็งไม่กล้าเข้าไปที่สวนยางเลย ทั้งกลัวเจ้าหน้าที่จะมาทำร้ายและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
เสียงจากผู้รอดชีวิต
ลูกพี่ลูกน้องของมะกอเซ็ง ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ เล่าถึงนาทีชีวิตว่า ก่อนเกิดเหตุมีทหารกลุ่มหนึ่งเข้าพื้นที่มา โดยมีรถกระบะมีหลังคาและไม่มีหลังคาเป็นพาหนะ ตอนนั้นเขาเก็บขี้ยางอยู่หลังบ้าน บังเอิญสวนที่เก็บขี้ยางอยู่นั้นเป็นเนินขึ้นสูง จึงมองเห็นกลุ่มทหารที่กำลังนั่งรถเข้ามา
"ผมเก็บขี้ยางได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ก็เลยตัดสินใจวิ่งไปดู แล้วก็เห็นมะกอเซ็งกำลังวิ่งหนีผ่านด้านหลังบ้านเข้าไปในป่า ผมจึงวิ่งไปที่ถนน และตอนนั้นก็ถูกไล่ยิงเหมือนกัน พอตั้งสติได้ก็หลบเข้าไปในสวนยางของแม่ ก็นานเหมือนกัน เพราะเจ้าหน้าที่ออกเดินค้นหา ทำให้ได้ยินทุกคำพูดที่เขาพูดกันระหว่างเดินหา พวกเขามากัน 6 คน"
"เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงปืนและเสียงพูดคุยเงียบลง ก็เข้าใจว่าคงไปกันหมดแล้ว จึงลุกขึ้นเดินช้าๆ กลับไปที่บ้าน ตั้งใจจะไปดูเพื่อนอีกคนคือ 'ยะยา' ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป แล้วก็ไปดูมะกอเซ็งซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ยังไม่ทันเดินไปถึง เห็นเจ้าหน้าที่ชุดเดิมย้อนกลับมาอีก จึงอาศัยช่วงจังหวะนั้นวิ่งหนี พร้อมถอดเสื้อสีเขียวที่ใส่ตอนแรกทิ้ง และวิ่งต่อไปจนเจอบ้านของชาวบ้าน พบว่าไม่มีใครอยู่ จึงเอาเสื้อและรองเท้าที่วางอยู่หน้าบ้านมาใส่แทน แล้ววิ่งต่ออีกไปจนเจอชาวบ้าน ก็ได้เล่าเรื่องให้ฟังและขอความช่วยเหลือ เขาบอกว่าเขาก็ไม่กล้าให้เอารถไปก็แล้วกัน"
"พอได้รถมอเตอร์ไซค์ ผมก็ขี่ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านซึ่งอยู่คนละหมู่กัน ตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามะกอเซ็งตายแล้ว พอไปเจอผู้ใหญ่บ้านก็ได้เล่าเรื่องให้ฟัง ผู้ใหญ่ฯก็เลยแนะนำให้หาที่ซ่อนตัวก่อน จนกว่าจะมีญาติมารับตัวกลับ"
ลูกพี่ลูกน้องของมะกอเซ็ง บอกด้วยว่า เรื่องจริงกับข่าวที่ออกมา ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
"ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพวกเราได้อย่างไร ที่สำคัญมาบอกว่าพวกเราเป็นคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย ก็อยากขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกเราด้วย และอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ต้องไม่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีก" เขากล่าว
เสียงครวญจากแม่
"ทีมข่าวอิศรา" เดินทางต่อไปยัง ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของ นางคอรีเยาะ มะมิง อายุ 57 ปี มารดาของมะกอเซ็ง บ้านของนางเป็นบ้านไม้ทรงโบราณ หน้าบ้านมีบันไดไม้ 5 ขั้น อยู่ริมถนนนาประดู่-โคกโพธิ์
เมื่อไปถึงก็พบ คอรีเยาะ นั่งกอดเข่าอยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามา นางก็ลุกหนีเข้าไปในบ้านทันที โดยคนในบ้านเล่าว่า คอรีเยาะ นั่งคิดถึงลูก และหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ส่งคนมาหาข้อมูล พอเห็นคนแปลกหน้านางจึงรีบหลบ
อย่างไรก็ดี เมื่อทำความเข้าใจตรงกันว่าเป็นผู้สื่อข่าว ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ คอรีเยาะจึงยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
"ฉันเจอกับมะกอเซ็งครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุเพียง 3 วัน โดยมะกอเซ็งกลับมาส่งฉันที่นาประดู่ พวกเรามีกัน 4 ครอบครัว คือครอบครัวของพี่สาว ครอบครัวของฉันเอง และครอบครัวของน้องสาวอีก 2 คน ทุกครอบครัวจะกลับมารายอกันที่โคกโพธิ์ ส่วนสวนยางที่เกิดเหตุนั้น จริงๆ แล้วอยู่ที่หมู่ 6 บ้านกูวิง ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นรอยต่อกับ อ.กาบัง สวนยางตรงนั้นเราจะไปอยู่ตอนทำงาน ตอนแรกมะกอเซ็งก็จะกลับมารายอด้วยกัน แต่เพราะราคายางถูก ทำให้มะกอเซ็งไม่อยากกลับ เนื่องจากไม่มีเงิน จึงอาสาอยู่เฝ้าสวนเพื่อเก็บขี้ยาง"
"เย็นวันที่เกิดเหตุ คือวันที่ 20 ส.ค.ฉันยังจำได้แม่น ตอนนั้นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่ามะกอเซ็งและลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกยิงตายแล้ว ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าลูกตายอย่างไร ใครยิงเขา เพราะพอสิ้นเสียงก็เป็นลมล้มทั้งยืน มารู้ตัวอีกที ญาติก็พากันเดินทางไปรบศพมะกอเซ็งกันแล้ว"
คอรีเยาะ เล่าว่า ลูกชายเพิ่งไปช่วยกรีดยางได้เพียง 5 เดือน เพราะก่อนหน้านั้นเขาเรียนหนังสือยู่ที่โรงเรียนอาซิซสถาน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แต่มะกอเซ็งเห็นว่าแม่แก่แล้ว ทำงานคนเดียวไม่ไหว ก็เลยออกมาเพื่อช่วยกันหาเงิน เขาตั้งใจว่าจะช่วยแม่ทำงานปีนี้ แล้วปีหน้าจะกลับไปเรียนต่อ แต่ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
"หลังจากนี้ฉันคงไม่กล้ากลับไปที่นั่นอีก (สวนยางที่ลูกถูกยิง) เพราะนอกจากจะกลัวแล้ว ภาพที่มะกอเซ็งนอนจมกองเลือดยังติดตาตัวเองอยู่ อยากขอให้รัฐให้ความเป็นธรรมกับมะกอเซ็งด้วย อย่าให้เขาตายฟรีเลย สงสารเขาด้วย เพราะที่ผ่านมาชีวิตมะกอเซ็งน่าสงสาร เขากำพร้าพ่อมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากพ่อเขาแยกทางไปตั้งแต่ตอนที่มะกอเซ็งยังอยู่ในท้อง พอเกิดมาเขาก็อยู่กับยาย เพราะฉันต้องไปกรีดยางที่สวนยางแถวกาบัง จนเขาเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนอาซิซสถาน เขาจึงลาออกไปกรีดยางช่วยฉัน ส่วนพี่สาวและพี่ชายต่างพ่อของมะกอเซ็งก็ไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว เราจึงอยู่กันสองคนแม่ลูก"
คอรีเยาะ บอกด้วยว่า หากเป็นไปได้อยากให้ย้ายทหารชุดดำออกไป ถ้าจำเป็นต้องมีทหาร ก็อยากให้เป็นทหารเขียว (หมายถึงทหารหลักที่ไม่ใช่ทหารพราน) มากกว่า
วอนลบคำว่า "คนร้าย"
พี่สาวต่างบิดาของมะกอเซ็ง เล่าว่า ตอนนี้หวังพึ่ง ศอ.บต.กับศูนย์ทนายมุสลิม เพราะเชื่อว่าน่าจะให้ความเป็นธรรมได้ ถ้าขอได้อยากให้ช่วยลบล้างคำว่า "คนร้าย" ออกจากหน้าสื่อด้วย
"พวกเราไม่ใช่โจร น้องฉันไม่ใช่โจร แต่พวกเขาพยายามยัดมาให้ และอยากให้มีหลักประกันว่าพวกเราจะกลับไปมีชีวิตอย่างเดิมได้ เพราะตอนนี้ทุกคนในครอบครัวไม่มีใครกล้าเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งครอบครัวของป้าที่มีสมาชิก 9 คน ครอบครัวของแม่ และครอบครัวของน้าอีก 2 ครอบครัว ทุกคนทำมาหากินจากสวนยางที่นั่น แต่วันนี้พวกเราไม่กล้าเข้าไปกรีดยาง ถามว่าจะเอาอะไรกิน"
ในความรู้สึกของพี่สาวตางบิดาของมะกอเซ็ง เธอเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับน้องชาย ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ทหารพรานยิงชาวบ้าน 4 ศพ ที่บ้านกาหยี ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อ 29 ม.ค.2555
"ชาวบ้านในพื้นที่และครอบครัวผู้ถูกกระทำก็เรียกร้องขอให้กรณีที่บ้านกาหยีเกิดเป็นกรณีสุดท้าย แต่วันนี้ก็มีอีก เชื่อว่านอกจาก 2 เหตุการณ์นี้ยังมีอีกหลายครั้ง เพราะพวกเขาตั้งธงว่าชาวบ้านเป็นโจร นี่ยังไม่มีใครกล้าพูดเรื่องอาวุธปืนลูกซองในมือของน้องชายอีกนะ ทั้งที่ทุกคนอยากรู้ว่ามาจากไหน พวกเราชาวบ้านไม่มีอาวุธอะไรจะไปต่อสู้ เรามีแต่มีดพร้าเอาไว้ทำงาน แต่ปืนพวกเราจะเอาที่ไหนมา อยากให้เข้าใจด้วย และอยากขอให้ว่าอย่าให้มีเจ้าหน้าที่ยิงชาวบ้านอีก"
เสียงจากทหารพราน
ด้านข้อเท็จจริงจากฝั่งทหาร พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า วันที่เกิดเหตุคือวันที่ 20 ส.ค. หน่วยได้รับข่าวสารว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงปรากฏตัวบริเวณบ้าน 3-4 หลังใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงได้นำกำลังเข้าไป
"ตอนแรกตั้งใจจะปิดล้อมตรวจค้น ก็ได้ประสานงานกับทีมของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเข้าก่อน แต่พอเราลงจากรถเท่านั้นเอง ฝ่ายตรงข้ามก็ยิงออกมา จนเกิดการปะทะกันชลมุน และเห็นว่ามีคนหนึ่งวิ่งออกทางหน้าบ้าน อีกคนวิ่งออกทางหลังบ้าน คาดว่ามีกัน 5-6 คน พอเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย บางส่วนก็หนีไป"
พ.อ.ยุทธนาม ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการยิงปะทะกันจริง เรื่องทางคดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ยะหา จ.ยะลา
"ถ้าหากทางเราทำไม่ดี ก็ขอให้กฎหมายลงโทษพวกเรา" ผู้การกรมทหารพรานที่ 47 กล่าว
นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่บ้านกาลอ อ.รามัน นั้น ได้รับฟังข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านว่า กลุ่มที่ถูกยิงเป็นกลุ่มผู้เสพยาเสพติดจริง แต่ไม่ใช่คนร้าย ขณะที่การตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืน ส่วนเหตุการณ์ที่กาบัง เขาไม่มีข้อมูล
ทั้งหมดเป็นข้อมูลจากทุกฝ่ายจาก 2 เหตุการณ์ร้าย "กาลอ" ถึง "กาบัง" ที่การตายของชาวบ้านยังคงถูกตั้งคำถาม...และขอความยุติธรรม!
------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 สถานที่ฝังศพของมะกอเซ็ง
2 บ้านของมะกอเซ็งและมารดาที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
3 แม่วัยชราของมะกอเซ็ง
4 บัตรประจำตัวประชาชนไทยของมะกอเซ็ง