ร้านน้ำชาชายแดนใต้เกาะติดรัฐเจรจาคนเสื้อแดง ชาวบ้านค้านยุบสภาเชื่อปัญหาไม่จบ
อับดุลเลาะ หวังนิ
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
กลายเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของการเมืองไทย เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำทีมเปิดเจรจากับแกนนำคนเสื้อแดงที่มี นายวีระ มุสิกพงษ์ เป็นหัวหอก แม้ว่าบรรยากาศการเจรจาครั้งแรกจะประดักประเดิดไปบ้าง และยังไม่อาจหาข้อตกลงร่วมกันได้ แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของการแก้ไขปัญหาบนโต๊ะเจรจา ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง
ตลอดการเจรจาที่ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ทุกช่อง สร้างความสนอกสนใจให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังต้องวิ่งหลบระเบิดหรือกระสุนปืนกันอยู่แทบทุกวัน บรรยากาศตามร้านน้ำชาทั่วทุกหัวระแหงเปิดทีวีติดตามการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์กันอย่างใจจดใจจ่อ และเนื่องจากการเจรจาเริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่พี่น้องชาวไทยมุสลิมมักออกมาดื่มน้ำชาหลังละหมาดตอนบ่าย (15.30 น.) ทำให้มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กวัยรุ่นมานั่งรับฟังรับชมกันเป็นจำนวนมาก
หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะติดตามการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย แต่ก็ไม่เคยเห็นการเปิดโต๊ะเจรจาเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับตัวแทนผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาล จึงถือเป็นเรื่องดีที่ได้มาพูดคุยกันให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศได้รับฟังเหตุผลของแต่ละสองฝ่าย
ที่ผ่านมาชาวบ้านและข้าราชการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มักติดตามข่าวสารการเมืองทางโทรทัศน์ตามร้านน้ำชาซึ่งไม่ค่อยติดจานดาวเทียม ทำให้ส่วนใหญ่ได้รับชมจากฟรีทีวี โดยเฉพาะช่อง 11 หรือเอ็นบีที แต่ความตื่นตัวของประชาชนที่นี่คงไม่แพ้ภูมิภาคใดในประเทศ เพราะขณะรัฐบาลกับแกนนำคนเสื้อแดงกำลังเจรจากัน มีโทรทัศน์ของร้านน้ำชาแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี เกิดจอดับโดยไม่ทราบสาเหตุ ปรากฏว่าเจ้าของร้านต้องเข้าไปยกทีวีในห้องนอนออกมาเปิดให้ลูกค้าดู เพราะทนเสียงรบเร้าไม่ไหว
หลังการเจรจาวันแรกผ่านพ้นไป “ทีมข่าวอิศรา” ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของชาวบ้าน พบว่าส่วนใหญ่สนับสนุนกระบวนการเจรจา และความเห็นก็โน้มเอียงไปทางรัฐบาลว่าให้เหตุผลในการเจรจาได้ดีกว่าแกนนำคนเสื้อแดง แม้สุดท้าย นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำ จะยื่นเงื่อนไขให้รัฐบาลยุบสภาภายใน 15 วันก็ตาม
นางไซณี หมัดสุหลง อายุ 37 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านดอน หมู่ 7 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่น่าจะมีการยุบสภา เพราะทางออกของปัญหาการเมืองตอนนี้ไม่ใช่การยุบสภา
“ทุกวันนี้คนไทยมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาก จึงเกิดความเคลื่อนไหวที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่ก็ขอชื่นชมรัฐบาลที่ยอมเข้าสู่การเจรจา และท่าทีของรัฐบาลก็ใช้เหตุและผลมากกว่าอีกฝ่าย ประกอบกับนายกฯพยายามเก็บอารมณ์และยิ้มแย้มตลอด ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด”
นางไซนี ย้ำว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา เพราะถ้ายุบ อีกกลุ่มหนึ่งจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน และปัญหาการเมืองไทยก็จะไม่มีวันจบ
“บอกตรงๆ ทุกวันนี้ไม่อยากเปิดทีวีดูข่าวเลย เพราะมีแต่เรื่องการเมือง น่าเบื่อ คิดดูว่าถ้าครั้งนี้รัฐบาลยุบสภาเพื่อกลุ่มคนเสื้อแดง อีกไม่นานคนเสื้อเหลืองและเสื้อน้ำเงินก็จะออกมาเคลื่อนไหวบ้าง เราชาวบ้านยังมองออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ายุบแล้วจะทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในปัญหาอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้” นางไซนี กล่าว
ขณะที่ นายเซ็ง ยูโซะ อายุ 45 ปี กรรมการมัสยิดแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี เห็นสอดคล้องกันว่า ถ้ารัฐบาลยอมยุบสภา จะต้องมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอื่นๆ ต่อไปอีกแน่ เพราะตอนนี้คนไทยมีความคิดที่แตกแยก ส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว อีกทั้งปัญหาไม่ได้จบแค่การยุบสภา ทางออกของปัญหาตอนนี้คือประชาชนชาวไทยทุกคนต้องคิดและทำเพื่อแผ่นดิน
นายมะนาเซ ยูโซะ อายุ 28 ปี อุสตาซโรงเรียนตาดีกาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนต้องทำ ณ เวลานี้ก็คือถอยคนละก้าว ปัญหาจึงจะจบลงได้ ไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ ถ้าแต่ละฝ่ายไม่มีความคิดที่จะถอยคนละก้าว ปัญหาก็ไม่จบ
“ผมเชื่อว่าวันนี้ยุบสภา พรุ่งนี้ก็มีเคลื่อนไหวอีก คนไทยลืมคิดไปว่าหน้าที่สำคัญของพวกเราทุกคนคือต้องตอบแทนแผ่นดิน ถ้าแต่ละคนนึกถึงข้อนี้ ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก คนก็จะไม่แตกเป็นพวกเป็นสี บ้านเมืองไม่ว่าที่กรุงเทพฯหรือที่ภาคใต้ก็จะไม่เกิดความวุ่นวาย”
น.ส.ไพรหงษ์ ไม้ขาม แม่ค้าชาวไทยพุทธจาก จ.ยะลา มองว่า การเจรจาครั้งนี้ไม่ว่าสุดท้ายรัฐบาลจะยุบสภาหรือไม่ ปัญหาก็จะไม่จบลงอย่างสวยงาม เพราะปัญหาที่เกิดอยู่ตอนนี้เป็นเพราะประชาชนทุกคนขาดความสามัคคี ขาดสติ ถ้าตั้งสติให้ดีๆ เชื่อว่าปัญหาทุกอย่างจะจบ
ส่วน น.ส.พรทิพย์ ทองยามี ครูไทยพุทธจาก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แสดงความมั่นใจว่า สุดท้ายรัฐบาลจะมีคำตอบที่ดีกับทุกฝ่ายจากการเจรจาในครั้งนี้ เพราะการที่รัฐบาลยอมเจรจาย่อมหมายความว่ารัฐบาลต้องมีแนวทางที่ทำให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ก็เชื่อว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ด้านความคืบหน้ากรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ข่าวว่ามีแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบเดินทางขึ้นไปก่อเหตุรุนแรงที่กรุงเทพฯ เพื่อสร้างบรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองให้ตึงเครียดขึ้น ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) ก็ให้ข้อมูลทำนองว่าได้ยินข่าวดังกล่าวเหมือนกัน และกำลังตรวจสอบอยู่นั้น
แต่ในความรู้สึกของชาวบ้านในสามจังหวัด ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นความจริง
“กลุ่มขบวนการเขาทำด้วยเงื่อนไขทางศาสนาและอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน ไม่คิดจะทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ทางการเมือง แต่ปัญหาที่กรุงเทพฯเป็นปัญหาการเมือง ไม่เกี่ยวกับสามจังหวัด จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่แนวร่วมของขบวนการจะไปก่อเหตุ นอกเสียจากเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่ข้างบน (ส่วนกลาง) ส่งลงมา ถึงเวลาก็เรียกตัวกลับไปก่อเหตุที่โน่นต่อเท่านั้น” ชาวบ้านรายหนึ่ง ระบุ
ทั้งหมดคือความเห็นของผู้คนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่งที่เฝ้ารอความสุขสงบอย่างใจจดใจจ่อไม่แพ้คนไทยในภูมิภาคอื่นๆ
------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : การจับมือกันระหว่างแกนนำรัฐบาลกับแกนนำคนเสื้อแดง ก่อนเปิดการเจรจาที่สถาบันพระปกเกล้า กรุงเทพฯ
ขอบคุณ : ภาพจากศูนย์ภาพเนชั่น