ม่านหมอกความรุนแรงที่บ้านกูจิงลือปะ(2)...ตราบาปในหัวใจที่ยากจะเลือน
สุเมธ ปานเพชร
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
“กูจิงลือปะ” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ใน ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เขตติดต่อกับ ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เช่นกัน มีประชากรอาศัยอยู่ 1,128 คน 194 ครัวเรือน นับถือศาสนาอิสลาม 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความที่เป็นพื้นที่ติดภูเขา ทำให้สมาชิกในหมู่บ้านล้วนประกอบอาชีพทำสวนยางพารา มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เลือกทำนาและสวนผลไม้
เดิมทีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่เป็นที่รู้จักของคนภายนอกแม้แต่น้อย กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่มีกลุ่มคนร้ายจับตัวและรุมทำร้าย ครูจูหลิง ปงกันมูล กับ ครูสิรินาถ ถาวรสุข ครูสาวไทยพุทธ 2 คนของโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ จนสุดท้ายครูจูหลิงต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ถือเป็นข่าวโหดร้ายและสะเทือนสังคมไทยมากที่สุดในปี 2549 นั่นแหละจึงทำให้หมู่บ้านกูจิงลือปะเป็นชื่อที่ติดปากคนทั่วไป
และแน่นอนว่าย่อมทำให้สังคมภายนอกมองคนที่หมู่บ้านแห่งนี้ในแง่ลบ
“เวลาเกิดเหตุยิงกันที่ตลาดตันหยงมัส หรือที่ตัวอำเภอระแงะ คนส่วนใหญ่มักจะพูดกันทำนองว่า คนร้ายก่อเหตุแล้วหนีเข้ามาในกูจิงลือปะ หรือไม่ก็ว่าคนร้ายมาจากกูจิงลือปะ จะมีเสียงพูดถึงบ้านกูจิงลือปะทำนองนี้แทบทุกครั้งที่เกิดเหตุ” เป็นความรู้สึกของ มะดารี มาเยาะดาเซะ ผู้ใหญ่บ้านกูจิงลือปะ ที่สะท้อนถึงความน้อยใจและไม่สบายใจต่อสายตาของสังคมที่เพ่งมองยังหมู่บ้านและลูกบ้านของเขา
“คนทั่วไปชอบมองบ้านกูจิงลือปะในแง่ลบมาตลอด หลังจากเกิดเหตุการณ์ทำร้ายครูจูหลิง อย่างล่าสุดมีครูถูกยิงเสียชีวิตที่ ต.กาลิซา ก็พูดกันอีกว่าคนร้ายเป็นคนกูจิงลือปะ คนร้ายมันหลบหนีมาทางบ้านกูจิงลือปะ ชาวกูจิงลือปะออกไปทำธุระในตลาดได้ยินคำพูดแบบนี้เสมอจนรู้สึกไม่สบายใจ”
ในฐานะผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในพื้นที่มานาน มะดารี ยืนยันว่า ไม่มีคนร้ายหลบเข้ามากบดานในกูจิงลือปะ หรือคนกูจิงลือปะไปเป็นคนร้ายแน่นอน
“หากคนร้ายเป็นคนกูจิงลือปะจริง หรือใช้เส้นทางหลังก่อเหตุหลบหนีเข้ามายังพื้นที่ เราก็ต้องรู้ ต้องเห็นตัวคนร้ายแล้ว เพราะตลอดเส้นทางมีฐานทหารและด่านตรวจของ ชรบ. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) เยอะไปหมด แม้แต่ที่กูจิงลือปะเองก็มี ชรบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนร้ายหลบหนีเข้ามา”
มะดารี บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครูจูหลิงเมื่อกลางปี 2549 หมู่บ้านกูจิงลือปะก็ไม่เคยเกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพิ่งจะมาเกิดเมื่อเดือนทีแล้ว คือเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามยิง นางเจ๊ะแมะ หะแย กับ น.ส.บาราตี ลาบอ บุตรสาว เสียชีวิตขณะออกไปกรีดยางเท่านั้น
"เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก ทำได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้” มะดารี ระบายความรู้สึก
การสังหารได้แม้กระทั่งผู้หญิง โดยที่ผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับใคร ยกเว้นถูกออกหมายจับในคดีครูจูหลิง ทำให้เกิดความกลัวและหวาดระแวงอย่างมากในหมู่บ้าน
“ต้องเข้าใจว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทำร้ายครูจูหลิง มีชาวบ้านในหมู่บ้านหลายคนถูกทางราชการออกหมายจับ และออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (หมายเชิญตัวที่ออกโดยอาศัยอำนาจของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ฉะนั้นเมื่อมีชาวบ้านที่ถูกออกหมายมาถูกยิงเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุในพื้นที่ของหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา”
นายมะดารี กล่าวอีกว่า เท่าที่ทราบในคดีครูจูหลิง มีชาวบ้านมอบตัวสู้คดีอยู่หลายคน ศาลตัดสินไปแล้ว 1 คน คือ นายยาการียา สะแปอิง ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นฎีกา นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านอีกหลายคนถูกออกหมาย พ.ร.ก.
“ในส่วนของชาวบ้านกลุ่มที่ถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา (ตกเป็นผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) ก็ต้องไปสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม ว่ากันไปตามหลักฐาน ส่วนกลุ่มที่ถูกออกหมาย พ.ร.ก. ส่วนใหญ่เท่าที่เคยพูดคุยกัน เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ แต่วันนั้น เดินทางไปรับลูกหลานกลับบ้านพอดี จึงทำให้ถูกมองว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์”
ผู้ใหญ่บ้านกูจิงลือปะ ยังกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านจากเหตุการณ์รุมทำร้ายครูจูหลิงว่า ช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ๆ เดินทางไปไหนก็ไม่ค่อยอยากจะบอกว่าเป็นคนกูจิงลือปะ เพราะเมื่อคนอื่นทราบ จะถูกมองด้วยสายตาไม่ค่อยดีทันที ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวหรือพูดคุยด้วย
“ผมเคยเดินทางไปธุระต่างจังหวัด ต้องบอกว่าเป็นคนที่อื่น หรือไม่ก็บอกว่าเป็นคนมาเลเซียไปเลย เช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่นที่ไปประกอบอาชีพค้าขายในต่างจังหวัด ไม่มีใครกล้าบอกว่ามาจากกูจิงลือปะ เพราะข่าวที่ออกไป ทำให้คนข้างนอกมองคนกูจิงลือปะว่าเป็นพวกใจคอโหดร้าย จนไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย”
มะดารี ย้ำด้วยว่า คนกูจิงลือปะไม่ได้เป็นคนโหดร้ายอย่างที่เข้าใจกัน กรณีที่เกิดขึ้นแม้จะมีคนในกูจิงลือปะตกเป็นผู้ต้องหา แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจากนอกพื้นที่เข้ามาร่วมก่อเหตุด้วย ชาวบ้านกูจิงลือปะจริงๆ เป็นแค่คนส่วนน้อยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ คนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย อยากให้คนภายนอกเข้าใจชาวกูจิงลือปะที่เหลือด้วย
อันที่จริงบ้านกูจิงลือปะเป็นชุมชนที่มีความเป็นมา แม้แต่โรงเรียนในหมู่บ้านซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์อันโหดร้ายที่เกี่ยวเนื่องกับครูจูหลิง แท้ที่จริงก็มาจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในหมู่บ้านด้วยกันเอง
นิโซะ อิดือเระ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) เฉลิม หนึ่งในชาวบ้านกูจิงลือปะ เล่าว่า โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะที่ครูจูหลิงเคยสอน ร้างมาตั้งแต่ปี 2535 ทำให้เมื่อก่อนเด็กๆ ในหมู่บ้านต้องไปเรียนในอีกหมู่บ้านหนึ่ง กระทั่งสองหมู่บ้านเกิดขัดแย้งกันเรื่องที่ดินสาธารณะ บ้านกูจิงลือปะจึงแยกออกมา
“ตอนนั้นชาวบ้านอยากให้มีโรงเรียนขึ้นในหมู่บ้าน เด็กๆ จะได้ไม่ต้องไปเรียนไกล ชาวบ้านจึงร่วมกันบริจาค พ่อของผมเองก็บริจาคที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนขึ้น และภายหลังครูจูหลิงก็เข้ามาสอน”
“วันที่เกิดเหตุทำร้ายครูจูหลิง ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านหลายๆ คนก็พยายามเจรจากับกลุ่มที่รุมทำร้ายครู แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก จนต้องเสียครูจูหลิงไป ภายหลังเหตุการณ์ชาวบ้านจำนวนมากและเด็กนักเรียนต่างรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
นิโซะ บอกด้วยว่า โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะทุกวันนี้มีครูสอนตามปกติ แต่ส่วนใหญ่ครูที่สอนจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามา
“หากมีครูจากที่อื่นอยากเข้ามาเป็นครูที่โรงเรียนกูจิงลือปะเพื่อสอนลูกหลานของชาวบ้านเหมือนที่ครูจูหลิงเคยสอน ชาวบ้านทุกคนก็ยินดีต้อนรับ และพร้อมจะช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก”
นิโซะ บอกด้วยว่า เขาและชาวบ้านอยากพิสูจน์ให้สังคมภายนอกได้รับรู้ว่า บ้านกูจิงลือปะวันนี้เป็นหมู่บ้านที่สงบและปลอดภัยกว่าหมู่บ้านอื่นๆ อีกหลายหมู่บ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกันที่ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นตลอด ด้วยหวังจะลบภาพเดิมๆ ที่หลายๆ คนเคยมองชาวกูจิงลือปะว่าเป็นคนไม่ดีไปเสียที
เป็นเสียงจากชาวบ้านกูจิงลือปะที่อยากให้สังคมมองพวกเขาในภาพใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ภาพเลวร้ายดังเดิม...
-------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จุดที่คนร้ายนำตัวครูจูหลิงและเพื่อนครูไปขัง ก่อนทำร้ายจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
2 นางเจ๊ะแมะ หะแย ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีทำร้ายครูจูหลิง เพิ่งถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเสียชีวิตคาสวนยางพาราพร้อมลูกสาว
3 มุมหนึ่งของโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ
อ่านประกอบ : ม่านหมอกความรุนแรงที่บ้านกูจิงลือปะ(1)...จากสังหารครูจูหลิงถึงฆ่าโหดสองแม่ลูก!