วิเคราะห์เหตุฆ่า-เผาถี่ยิบที่ปัตตานี...จับตายุทธวิธี"แนวร่วมรุ่นใหม่"
สุเมธ / สมศักดิ์ / นาซือเราะ
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
เหตุการณ์ฆ่าเผาผู้รับเหมาเดินสายโทรศัพท์ของบริษัททีทีแอนด์ทีถึง 3 ศพเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา คงไม่ใช่แค่การฆ่าอย่างทารุณโหดร้ายและมีคนตายหลายศพพร้อมกันเท่านั้น แต่น่าจะมีนัยสำคัญอย่างอื่นที่ควรหยิบมาพินิจพิจารณา
โดยเฉพาะการก่อเหตุในลักษณะ “ฆ่า-เผาเหยื่อ” ที่เกิดขึ้นมาแล้วถึง 4 ครั้งในห้วงเวลาเพียง 2 เดือนเศษของปี 2553 และทุกครั้งล้วนเกิดขึ้นในปัตตานี
ลองไล่ดูเหตุการณ์ “ฆ่า-เผา” ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง จะพบข้อมูลน่าคิดหลายประการ
1) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2553 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายอำนาจ ลิ้มดำรง และนางสุดาพร ลิ้มดำรง สองสามีภรรยาจนเสียชีวิต ก่อนราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาซ้ำ เหตุเกิดบนถนนยะรัง ซอย 3 หมู่ 8 บ้านดือราแฮ ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยนางสุดาพรเป็นพนักงานบริษัททีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) สาขาปัตตานี
2) วันที่ 8 ก.พ.2553 คนร้ายฆ่าเผา นายสัมฤทธิ์ พันธเดช อายุ 52 ปี ครูโรงเรียนบ้านบาโงยีเม็ง อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี เสียชีวิตบนถนนสายกะรุบี-ปล่องหอย ท้องที่หมู่ 8 บ้านบือแนราแล ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ
3) วันอังคารที่ 9 มี.ค.2553 คนร้ายฆ่าเผา นายอภิชาติ แซ่ฉั่ว อายุ 45 ปี เจ้าของร้านขายถ่านและอุปกรณ์ปิ้งย่าง ชื่อร้านป้าอ้วน ตั้งอยู่เลขที่ 167/4 ถนนยะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้นายอภิชาติเสียชีวิตคาร้าน โดยคนร้ายยังทิ้งใบปลิวอ้างว่าเป็นการล้างแค้นเจ้าหน้าที่รัฐที่วิสามัญฆาตกรรมแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเสียชีวิตไปหลายรายด้วย
4) วันพฤหัสบดีที่ 11 มี.ค.2553 หรือถัดจากเหตุการณ์ฆ่าเผานายอภิชาติเพียง 2 วัน คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้รับเหมาเดินสายและซ่อมแซมสายโทรศัพท์ของบริษัททีทีแอนที พร้อมเผารถยนต์ จนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 ศพ คือ นายเจือ สุวรรณวงศ์ อายุ 35 ปี นายเอกลักษณ์ พูนพันธ์ อายุ 25 ปี นายสมโชค สุวรรณชาตรี อายุ 23 ปี นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คนคือ นายสิทธิกร ชัยมั่น อายุ 20 ปี เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 410 ท้องที่หมู่ 1 บ้านต้นไผ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
เป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากทั้ง 4 เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเฉพาะใน จ.ปัตตานี แล้ว 2 จาก 4 เหตุยังเกิดขึ้นบนถนนยะรังใน อ.เมืองปัตตานีด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิตถึง 4 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ยังเกี่ยวข้องกับบริษัททีทีแอนด์ที และดูจะไม่ค่อยเกี่ยวพันยึดโยงกับรัฐสักเท่าไหร่
คำถามก็คือ เป็นไปได้ไหมที่อาจจะมีบางเหตุการณ์เป็นการล้างแค้นส่วนตัว หรือทำเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ความรุนแรง
นักวิจัยฟันธงฝีมือ “แนวร่วมรุ่นใหม่”
เริ่มจาก ปัญญศักดิ์ โสภณวสุ นักวิจัยในโครงการความมั่นคงศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เขาฟันธงว่า เหตุการณ์ฆ่าแล้วเผา 3 ศพที่เพิ่งเกิดขึ้น ชัดเจนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ
“รูปแบบการก่อการค่อนข้างชัดเจน คือมีกลุ่มที่โจมตีเป้าหมาย และอีกกลุ่มทำหน้าที่โปรยตะปูเรือใบเพื่อสกัดกั้นการเข้ามาของเจ้าหน้าที่ ทำให้มีเวลาในการทำลายเป้าหมายได้ หลังจากก่อเหตุโจมตีจนเป้าหมายหมดสภาพแล้วก็หลบหนีไป วิธีการก่อเหตุในรูปแบบนี้ กลุ่มก่อการนำมาใช้หลายต่อหลายครั้งแล้ว” ปัญญศักดิ์ ให้เหตุผล
ส่วนในแง่พื้นที่เกิดเหตุ ปัญญศักดิ์ มองว่า อ.แม่ลาน กับ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นน้อยมาก แต่เมื่อมาเกิดในช่วงนี้ ก็ต้องถือเป็นสัญญาณการเคลื่อนไหวอีกครั้งของกลุ่มก่อความไม่สงบหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ได้กดดันอย่างหนักตั้งแต่ช่วงปลายปี 2552
“ผมคิดว่ากองกำลังใหม่ของกลุ่มผู้ก่อการเริ่มออกมาปฏิบัติการแล้ว” เขาตั้งสมมติฐาน และว่า “ก่อนหน้านี้กองกำลังเก่าที่เคยเคลื่อนไหวในอดีตถูกแปรสภาพไป ทั้งเรื่องของอายุที่มากขึ้น และการถูกกดดันจับกุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ จนบางรายยอมจำนนกับทางการ แต่บางส่วนยังอยู่กับกลุ่มขบวนการ แต่ได้เปลี่ยนสถานะขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงขึ้น”
“กองกำลังรุ่นเก่าที่ถูกขยับขึ้น บางส่วนก็เป็นครูฝึก มีหน้าที่คัดคนและสร้างกองกำลังรุ่นใหม่ออกมาก่อเหตุ ถือเป็นกลุ่มที่อุดมไปด้วยประสบการณ์และมีบทเรียนในการต่อสู้กับทางรัฐในรูปแบบต่างๆ มาตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดเหตุการณ์ ทำให้การสร้างและฝึกกองกำลังรุ่นใหม่ออกมาทำงาน สามารถก่อเหตุได้ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากกว่าในอดีต”
ระวังป่วนใหญ่ช่วง 6 ปีกรือเซะ
ในฐานะที่ทำวิจัยและเก็บข้อมูลในพื้นที่มาเนิ่นนาน ปัญญศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่เห็นเหตุการณ์ในลักษณะวางเพลิงก่อกวน หรือพ่นสีตามท้องถนนและป้ายบอกทางเหมือนในอดีตสักเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์มักพุ่งเป้าไปที่การโจมตีเจ้าหน้าที่ ทั้งซุ่มยิงและลอบวางระเบิดไปเลย นั่นแสดงให้ว่ากองกำลังในรุ่นใหม่ได้รับการฝึกเพื่อก่อเหตุในลักษณะหวังผลที่ชัดเจนต่อเป้าหมายมากกว่าเดิม
“ที่สำคัญช่วงนี้ใกล้จะถึงวันครบรอบ 6 ปีเหตุการณ์กรือเซะ (28 เม.ย.) จึงน่าจับตากองกำลังรุ่นใหม่ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา วันครบรอบเหตุการณ์กรือเซะค่อนข้างเงียบ ไม่ได้มีเหตุรุนแรงตามที่หลายฝ่ายเฝ้าระวัง แต่เมื่อมีการออกมาเคลื่อนไหวของกองกำลังรุ่นใหม่ในช่วงนี้ ก็เป็นสัญญาณให้ต้องจับตาและเฝ้าระวังให้ดี เพราะกลุ่มก่อการอาจเตรียมก่อเหตุใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้” ปัญญศักดิ์ กล่าว และว่า
“การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการรุ่นใหม่ แม้พื้นที่ปัตตานีจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่หละหลวม ล้มเหลว หรือการเคลื่อนไหวในพื้นที่อื่นจะไม่มี เพราะกองกำลังรุ่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นของกลุ่มขบวนการ มีลักษณะเป็นเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ เพียงแต่รอเวลาและความพร้อมในการก่อเหตุเท่านั้น”
ปัญญศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ที่เราเคยวิเคราะห์กันว่าเหตุการณ์ความไม่สงบมีโอกาสที่จะแก้ไขได้ แต่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาที่ยาวนานนั้น สาเหตุสำคัญก็เพราะเราไม่สามารถทำลายโครงสร้างของกระบวนการจัดตั้งแนวร่วมรุ่นใหม่ได้ แม้ทางเจ้าหน้าที่จะสามารถกดดันปราบปรามจับกุมกลุ่มก่อการได้ แต่เซลล์ใหม่ๆ กองกำลังใหม่ๆ ยังถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา และกองกำลังรุ่นเก่าๆ ก็ได้รับการขยับขึ้นไปเป็นครูฝึก
นี่คือวงจรที่ยังคงน่ากลัว!
ทหารประเมินรับเทศกาลปิดเทอมใหญ่
ปัญหาที่ต้องขบคิดกันต่อไปก็คือ เหตุใดคนร้ายจึงล็อคเป้าไปที่พนักงานทีทีแอนด์ที กับประชาชนทั่วไปที่ไม่ว่าเกี่ยวข้องใดๆ กับรัฐ
พ.อ.บรรพต พูลเพียร หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) วิเคราะห์ว่า การก่อเหตุฆ่า-เผา 3 ศพ เป็นความพยายามของคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะความเคลื่อนไหวเริ่มน้อยลงไปจากงานมวลชนที่ประสบความสำเร็จของเจ้าหน้าที่รัฐ
“ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวแจ้งเตือนมาอย่างต่อเนื่องว่าจะมีการก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เฝ้าระวังอย่างเข้มข้นตลอดเวลา อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงเรียนใกล้ปิดเทอมใหญ่ด้วย คนร้ายก็พยายามก่อเหตุมากขึ้น โดยพยายามพุ่งเป้าไปที่คนของรัฐและรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน หรือเป้าหมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจ รวมถึงพระ วัด และมัสยิด เมื่อเขามีโอกาสและจังหวะที่สามารถก่อเหตุได้ เขาก็จะทำทันที” พ.อ.บรรพต กล่าว พร้อมสรุปว่าไม่ได้เป็นการเลือกเป้าเฉพาะพนักงานทีทีแอนด์ที
ผู้ว่าฯยะลาเตือนอย่าด่วนสรุปฝีมือแนวร่วม
แต่กระนั้น ในความเห็นของ กฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ซึ่งสมัยเป็นรองผู้ว่าฯ เคยติดตามการคลี่คลายคดีฆ่าเผากลางเมือง ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นเรื่องชู้สาว เขาพยายามเน้นว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นฝีมือของแนวร่วม หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ตามปกติของกลุ่มก่อความไม่สงบ
“อย่าเอาสิ่งที่เห็นว่าโหดร้ายไปด่วนสรุปว่าเป็นฝีมือของแนวร่วมก่อความไม่สงบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเวลานี้คนกลุ่มอื่นก็โหดร้ายเหมือนกัน บางครั้งโหดยิ่งกว่าแนวร่วมทำอีก”
กฤษฎา เสนอแนะจากประสบการณ์ตรงของตนเองว่า ทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นคดีไหนก็ตาม อย่าไปด่วนสรุปว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ให้ใช้เวลาในการค้นหาความจริงก่อน เพราะการที่จะเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องได้ มันมีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่กลุ่มก่อความไม่สงบเท่านั้น
“หลายกรณีที่ จ.ยะลา ก็เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมมาแล้ว เมื่อพบปัญหา ผมก็จะใช้วิธีลงพื้นที่เอง ประการหนึ่งเพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งก็สามารถลดเงื่อนไขในบางกรณีได้ ขณะที่อีกประการหนึ่งก็เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และหลายๆ ครั้งก็ชัดเจนว่าไม่ใช่การก่อความไม่สงบ แต่เป็นการสวมรอย”
สุดท้ายชาวบ้านก็ยังเป็นเหยื่อ!
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เหตุร้ายจะเกิดจากปัจจัยข้อไหน ดูเหมือนชาวบ้านตาดำ จะเป็นผู้รับเคราะห์อยู่ร่ำไป
มาลี ฤทธิเดช เจ้าหน้าที่ธุรการ ศูนย์บริการทีทีแอนด์ที จ.ปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง ทำให้ต้องระงับการทำงานในพื้นที่เสี่ยงออกไปก่อน แม้การลงพื้นที่จะมีทีมงานไปด้วยกันหลายคนก็ตาม
ส่วนเรื่องขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทีทีแอนด์ทีนั้น มาลี บอกว่า ผู้ใหญ่ในส่วนกลางก็ดูแลอย่างเต็มที่ และคอยติดตามสอบถามข่าวคราวตลอดเวลา
ขณะที่ เตชวัฒน์ ยะโกะ ผู้ใช้บริการทีทีแอนด์ที บอกว่า รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าหากเลือกได้ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเลย
“ผมเองก็กลัวมาก และอยากฝากถึงทุกคนทุกฝ่ายที่ทำงานในพื้นที่ ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์และความรุนแรง” เตชวัฒน์ กล่าว
เหตุการณ์ฆ่า-เผา 3 ศพรวดในคราวนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่เตือนว่า สถานการณ์เลวร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่จบ เพียงแต่ถูกปัญหาการเมืองในส่วนกลางกลบ...เท่านั้นเอง!
------------------------------------------------------------------------------
ภาพโดย : อับดุลเลาะ หวังนิ
บรรยายภาพ : สภาพรถกระบะของผู้รับเหมาเดินสายโทรศัพท์ทีทีแอนด์ที วอดทั้งคันหลังถูกคนร้ายจุดไฟเผาเมื่อวันที่ 11 มี.ค.
อ่านประกอบ : ฆ่าเผาอีกแล้ว! 2 ครั้งในรอบ 2 วัน ผู้รับเหมาทีทีแอนด์ทีสังเวย 3 ศพ